โอสถล้างพิษขั้นเทวะ!

 

เฟิงปิงและผู้จัดการซู ตรงเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสอย่างระมัดระวังเบาเสียง ภายในหงหยิงกำลังดูแลเหลียงหวางหรูที่นอนโทรมอยู่

 

“แม่นางหวางหรูเป็นอย่างไรบ้าง?”

ผู้จัดการซูเอ่ยถามหงหยิง

หงหยิงส่ายหน้าพลางแพร่งเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางกล่าวตอบว่า

“ตอนนี้แม้แต่จะกลืนอาหารยังไม่ไหว นางไม่สามารถยื้อชีวิตไปได้นานกว่านี้แล้ว”

 

ผู้จัดการซูถอนหายใจเฮือกใหญ่กล่าวว่า

“สุดท้ายนี้ก็ปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง! สาวน้อยจิตใจงามแบบนี้…น่าเสียดายนัก!”

 

เฟิงปิงกล่าวว่า

“โอสถล้างพิษขั้นเทวะจะสามารถหลอมกลั่นง่ายดายได้อย่างไร? กระทั่งเราชายชราที่ก้าวถึงตำแหน่งจอมเทพโอสถสองดาวไปครึ่งก้าวแล้ว ก็ไม่มีปัญญาไปหลอมกลั่นได้เช่นกัน มิใช่ว่าเราชายชราดูถูกดูแคลนเย่หยวน แต่ด้วยระยะเวลาแค่นี้ เขาไม่มีทางทำได้เลย!”

 

ผู้จัดการซูหาได้โต้งแย่งเรื่องนี้ เขาพยักหน้ากล่าวเสริมต่อว่า

“เย่หยวนคนนี้ทะนงตนมากศักดิ์สิทธิ์ เหตุที่ตระกูลหวังเชิญเขาเข้าไป ก็เพื่อกระตุ้นจุดนี้ของเย่หยวน จนไปเดิมพันอะไรเข้า ซึ่งนี่ส่งผลกระทบต่อหอมหาสมบัติเต็มๆ! หวังหลินโปมันเจ้าเล่ห์กว่าที่คิดนัก!”

 

ที่เย่หยวนลั่นวาจาออกไปต่อหน้าหลังหลินโปว่า ไม่เพียงเขาจะหาทางแก้พิษขนวิหคพันราตรีเท่านั้น แต่เขายังจะรักษาจนเหลียงหวางหรูกลับมาพูดได้อีกครั้ง และทะลวงขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า

วาจาเหล่านี้ถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองกุยฉางโดยตระกูลหวังจนเกิดเสียงฮือฮา

พิษขนวิหคพันราตรีเป็นความลับที่ถูกเก็บงำไว้ในตระกูลหวัง ยามนี้ตระกูลหวังถึงขั้นยอมกล่าวถึงเรื่องพวกนี้ให้แก่สาธารณะชนฟังโดยตรง

เนื่องจากยามนี้ หอมหาสมบัติได้มายั่วยุตระกูลหวังก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นละครน่าสนุกฉากหนึ่งสำหรับเหล่าฝูงชน

หากเวลานั้นมาถึง และหอมหาสมบัติไม่สามารถรักษาเหลียงหวางหรูให้หายได้ ไม่เพียงหน้าแตก แต่คล้ายยังถูกลากมาตบกลางสาธารณะชนทั้งหมด ซึ่งนี่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงถึงชื่อเสียงของหอมหาสมบัติ

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้เฟิงปิงถึงกับขมวดคิ้วเข้ม กล่าวอย่างไม่ค่อยสุขใจนักว่า

“พรสวรรค์ในศาสตร์แห่งโอสถของเด็กคนนี้ไม่เลวเลย แต่เพียงว่าเขาหยิ่งผยองเกินไป! ลั่นวาจาโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่เพียงตัวเองจะเสียหน้า แต่พลอยทำให้หอมหาสมบัติเสียชื่อไปด้วย!”

 

ผู้จัดการซูยังคงปกป้องเย่หยวน เขายิ้มตอบว่า

“เด็กวัยหนุ่มสาวมีใครบ้างไม่หยิ่งผยองยามมีฝีมือ? แถมหวังหลินโปยังรังแกผู้คนมากเกินไป จงใจพาเข้ามาเพื่อสร้างความอัปยศขนาดนั้น เป็นใครก็โกรธเหมือนกัน”

 

“หึ! แต่เขาก็ปากหนักเกินไป! ถึงจะลั่นวาจาอะไรไปอย่างน้อยก็ควรมีทุนรอนบ้าง! ไอ้บัดซบหวังหลินโปไม่เพียงตบหน้าเด็กคนนี้ แต่นี่ยังลามมาถึงหอมหาสมบัติ!”

เฟิงปิงกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ

 

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นี่เอง

จู่ๆเงาร่างหนึ่งพลันพัดผ่านเข้ามาราวกับสายลม

 

“แม่นางหงหยิง หวางหรูเป็นอย่างไรบ้าง?”

เย่หยวนเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

 

หงหยิงส่ายหัวกล่าวว่า

“อาการเลวร้ายนัก! แม่นางหวางหรูอยู่ระหว่างความเป็นความตายเต็มทน นายท่านเย่…ท่านโปรดทำใจไว้หน่อยก็ดี!”

เช่นเดียวกับผู้จัดการซูและเฟิงปิง หงหยิงเองก็ไม่คิดว่าเย่หยวนจะสามารถหลอมกลั่นโอสถล้างพิษขั้นเทวะได้เช่นกัน

 

สีหน้าของเย่หยวนดูจริงจังขึ้นหลายส่วน เขาเร่งเข้าประคองช้อนร่างเหลียงหวางหรูขึ้นอย่างแช่มช้า ก่อนพบว่าริมฝีปากของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มอมดำ ผิวพรรณซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษบาง ยามนี้นางหมดสติไปแล้ว

 

เย่หยวนขมวดคิ้วเข้ม เร่งหยิบโอสถเม็ดหนึ่งขึ้นและกรอกเข้าปากเหลียงหวางหรูโดยตรง

ผู้จัดการซู, เฟิงปิง สายตาทั้งสองดูจริงจังขึ้นทันควัน เร่งขยับขยายจับจ้องโอสถเม็ดนั้นในมือเย่หยวนในบัดดล

 

แม้จะเป็นเสี้ยวเวลาสั้นๆ แต่ทั้งสามต่างเห็นได้อย่างชัดแจ้ง!

โอสถที่เย่หยวนกรอกลงปากของเหลียงหวางหรูจะเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจาก โอสถล้างพิษหนึ่งดาวขั้นเทวะ!

 

แต่เย่หยวนไม่มีเวลามาสนใจความตื่นตะลึงของทั้งสอง เขาหันมากล่าวกับหงหยิงว่า

“แม่นางหงหยิง ข้าต้องรบกวนท่านยืมผลึกปราณเทวะจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยหลอมกลั่นโอสถให้นางต่อทันที”

หงหยิงมิได้รู้สึกแปลกใจอะไรแบบผู้จัดการซูหรือเฟิงปิง เพราะนางไม่เคยเห็นโอสถขั้นเทวะมาก่อน

โอสถระดับชั้นแบบนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดได้ครอบครองต่างหวงแหนเยี่ยงชีวิต และไม่มีทางนำออกมาให้ผู้คนภายนอกได้เห็นแน่นอน

 

“เข้าใจแล้ว!”

หงหยิงเปล่งเสียงเอ่ยตอบด้วยความเต็มใจ และควักผลึกปราณเทวะจำนวนหนึ่งส่งให้เย่หยวนทันที

ผู้จัดการซูและเฟิงปิงสบตากันไปมาครู่หนึ่ง ระหว่างทั้งสองต่างเห็นแววประหลาดใจของกันและกัน

 

“เย่หยวน นั้น…นั้นคือ…โอสถล้างพิษขั้นเทวะ?”

ผู้จัดการซูเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

เมื่เห็นผิวพรรณของเหลียงหวางหรูกลับมีน้ำมีนวลขึ้น ยามนี้เย่หยวนก็เบาใจลงมาก ถอนหายใจเสียงยาวอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาสก็กลับมายิ้มได้อีกครั้งและกล่าวตอบไปว่า

“ถูกต้องแล้ว! โชคดีนักที่ข้าทำสำเร็จทันเวลา! มิฉะนั้นเย่คนนี้คงจดจำเป็นตราบาปชั่วชีวิต!”

 

“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? ขะ-ขั้นเทวะ…โอสถล้างพิษขั้นเทวะจริงๆ!”

เฟิงปิงรู้สึกดั่งว่าลิ้มของตนแข็ค้างชั่วขณะ กว่าจะกล่าวออกมาได้แต่ละคำลำบากเหลือเกิน

โอสถล้างพิษเม็ดนี้ถึงเป็นเพียงโอสถล้างพิษหนึ่งดาว แต่ความยากในการหลอมกลั่นกลับสูงกว่าโอสถปราณเทวะมาก

ยิ่งไปกว่านั้น การจะหลอมกลั่นให้ได้ขั้นเทวะ นี่มิใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถทั่วไปจะสามารถทำได้เลย

อย่างน้อยที่สุด ภายในเมืองกุยฉางแห่งนี้ก็ไม่มีใครสามารถหลอมกลั่นมันขึ้นมาได้!

แต่เย่หยวนกลับทำได้จริงๆ!

 

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“ถูกต้องแล้วผู้อาวุโสเฟิง! กว่าที่เย่คนนี้จะหลอมกลั่นได้ขั้นเทวะ ถึงกับอดหลับอดนอน อดข้าวอดน้ำเป็นหลายวันเต็ม จนท้ายที่สุดนี้ด้วยความบังเอิญจนทำได้สำเร็จ!”

 

ผู้จัดการซูกับเฟิงปิงต่างลอบสูดไอเย็นเข้าช้าๆ แม้เย่หยวนจะถ่อมตัวเพียงใด แต่นั่นก็เป็นถึงโอสถขั้นเทวะ!

ที่ผ่านมาเย่หยวนเก็บตัวฝึกปรือก็หลอมกลั่นเพียงแค่โอสถปราณเทวะมาโดยตลอด

ผ่านไปแค่สามสิบวัน เขาสามารถหลอมกลั่นโอสถล้างพิษษขั้นเทวะได้จริงๆรึ?

 

 

เว้นเสียแต่ว่า…ตลอดเวลาที่ผ่านมา เย่หยวนปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้!

 

“ฮึก…”

เหลียงหวางหรูกระเส่าร้องเสียงแผ่วเบาคล้ายยุง สิ่งนี้ทำให้เย่หยวนตื่นเต้นยิ่ง

 

โอสถล้างพิษขั้นเทวะมันได้ผลจริงๆ!

ไม่นาน จากที่ริมฝีปากม่วงคล้ำ ยามนี้ค่อยๆจากหายไป สีหน้าของนางเริ่มมีน้ำมีนวลกลายเป็นสีกุหลาบอ่อน

หงหยิงที่ได้ยินสองเฒ่านั้นตื่นตะลึงกันยกใหญ่ ยามนี้นางเพิ่งทราบ อะไรเป็นอะไร เร่งหันควับมองเย่หยวนราวกับเห็นผี นางโพล่งอุทานลั่นว่า

“นายท่านเย่ นายท่าน…ทำได้แล้วจริงๆรึ?”

 

เย่หยวนคลี่ยิ้มบางพลางพยักหน้าตอบ

กล่าวกันตามตรง เย่หยวนเองก็รู้สึกทึ่งต่อความสำเร็จนี้เช่นกัน

ก่อนหน้า เขากำจัดความคิดฟุ้งซ่านออกโดยสิ้นเชิง จึงมิได้หวนนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้เลย

โอสถศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งโลกใบใหม่ของเขา!

 

อย่างไรก็ตามแต่ เขาเองจำต้องพึ่งพาพรสวรรค์และพรแสวงอย่างหนัก เพื่อที่จะหลอมกลั่นโอสถขั้นเทวะขึ้น ซึ่งยามนี้กลับมาย้อนนึกถึงทีหลัง เย่หยวนก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อย

เพราะเย่หยวนตระหนักดีแล้วว่า โอสถล้างพิษขั้นเทวะมันหลอมกลั่นยากเพียงใด!

 

ในที่สุด เหลียงหวางหรูพลันได้สติขึ้น ดวงเนตรคู่ไสวงามค่อยๆคลี่เปิดขึ้นอย่างแช่มช้า

แต่ทันทีที่เห็นเย่หยวน ดวงเนตรคู่นั้นพลันสาดสะท้อนเปี่ยมแววขอบคุณอย่างเต็มใจ ไม่ว่าอย่างไรนางพยายามฝืนร่างตัวเองลุกขึ้นให้ได้

 

เย่หยวนเร่งจับนางนอนลงเหมือนเดิมและกล่าวว่า

“ตอนนี้อย่าพึ่งคิดอันใดเลย ร่างกายของท่านยังอ่อนแอมาก รอจนกว่าพิษทั่วทั้งร่างจะถูกกำจัดออกทั้งหมดเสียก่อน ตอนที่ข้าอยู่ในตระกูลหวัง ข้าบอกกับหวังหลินโปไปว่า ไม่เพียงจะถอนพิษให้เจ้า แต่ข้ายังจะทำให้เจ้ากลับมาพูดได้อีกครั้ง และทำให้เจ้าขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า! จนถึงตอนนั้น เจ้าจงทำให้ผู้คนเหล่านั้นที่เคยรังแกเจ้าได้รู้ว่า พวกมันกำลังเล่นด้วยผิดคนแล้ว!”

 

เหลียงหวางหรูพูดไม่ได้ก็จริง แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น นางก็รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

เรื่องขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า นางหาได้สนใจไม่

แต่เรื่องที่จะกลับมาพูดได้อีกครั้ง กลับเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่สุดในก้นบึ้งหัวใจของนาง!

 

เฟิงปิงกับผู้จัดการซูสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว พลางระลึกถึง‘วาจาอันหยิ่งผยอง’ที่เย่หยวนเอ่ยลั่นเอาไว้ในตระกูลหวัง

ก่อนหน้านี้ พวกเขายังคงรู้สึกว่า วาจาคำกล่าวของเย่หยวนเพ้อฝันเกินจริง แถมยังลากหอมหาสมบัติลงเหวตามไปด้วย

แต่ในท้ายที่สุดนี้ พวกเขาก็ได้รู้แล้วว่า ที่เย่หยวนกล่าวไปทั้งหมดหาได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย!

 

พรสวรรค์ในศาสตร์แห่งโอสถของเด็กคนนี้น่ากลัวเกินไป ใครจะไปคาดคิดว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ถึงขั้นที่ว่า ต่อไปอาจลากทั้งโคตรตระกูลหวังออกมาตบหน้าดังสนั่น!

 

ผู้จัดการซูกับเฟิงปิง ทั้งสองหันหน้าเข้าจับจ้องกันเล็กน้อยพร้อมคลี่ยิ้มออกมาทันที

หวังหลินโปหาเรื่องยิงตัวตายชัดๆ!