อนุมานจัดเรียงและทบทวน!

 

ขั้นสวรรค์!

ขั้นสวรรค์!

และก็ยังขั้นสวรรค์!

 

ครึ่งปีผ่านไป นับตั้งแต่ที่เย่หยวนปลีกวิเวกเก็บตัว ไม่ว่าเขาจะหลอมกลั่นอย่างไรก็ไม่สามารถก้ามข้ามไปสู่ขั้นเทวะได้สักที!

ระหว่างขั้นสวรรค์ถึงขั้นเทวะ เปรียบเสมือนช่องว่างที่ไม่สามารถข้ามฝ่าไปได้เลย ต่อให้เย่หยวนลงแรงกายแรงใจมากมายเพียงใด แต่ก็มิอาจทำได้สำเร็จเสียที

สามเดือนผ่านไป เย่หยวนยังคงหลอมกลั่นได้แต่ขั้นสวรรค์อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งระยะเวลาสามเดือนมานี้ เย่หยวนไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

 

“ท่านอาวุโส ทั้งๆที่ผู้เยาว์เข้าใจคุณสมบัติของสมุนไพรต่างๆได้อย่างลึกซึ้งแล้วแท้ๆ แต่ไฉนถึงหลอมกลั่นไม่ได้ขั้นเทวะสักที?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมความสงสัย

 

หวูเฉินกล่าวตอบลว่า

“ขั้นเทวะมิได้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจเพียงอย่างเดียว หาใช่เพียงขั้นสวรรค์ที่อาศัยความมานะอดทนก็ทำสำเร็จ แต่นี่ยังต้องพึ่งพาโชคชะตา! โอสถชนิดเดียวกันแต่เม็ดหนึ่งเป็นขั้นเทวะ ประสิทธิภาพย่อมต่างกันคนละโลก! ความเข้าใจต่อเต๋าที่ลึกล้ำมากพอ คือกุญแจสู่ความสำเร็จ แถมเจ้ายังฝึกปรือได้แค่สามเดือน ระยะเวลาแค่นี้นับว่าสั้นเกินไปมาก!”

 

กล่าวได้ว่า โอสถขั้นเทวะคือบททดสอบชั้นดีสำหรับนักหลอมโอสถ!

มิใช่เพียงความสามารถที่สูงพอ แต่นักหลอมโอสถคนนั้นจำต้องมีอะไรพิเศษและโดดเด่นกว่านั้น

ลืมไปเลยกับแค่สามเดือน สามปี หรือสามสิบปี มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย!

 

เย่หยวนราวกับตระหนักได้ถึงบางสิ่งได้ฉับพลันเมื่อได้ฟัง เขากล่าวขึ้นว่า

“เช่นนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของโอสถขั้นเทวะคือเต๋า? คล้ายกับตอนที่ข้าหลอมกลั่นโอสถท้าทายสวรรค์และสามารถสื่อจิตถึงเต๋าได้?”

 

หวูเฉินลูบเคราขาวของเขาเล็กน้อยพลางคลี่ยิ้มด้วยความชื่นชม

“ถูกต้องแล้ว! เส้นทางห่างโอสถหาได้พึ่งพาแต่ทักษะ อย่าได้ดูแคลนเต๋าว่าไม่สำคัญ มุ่งมองแต่ประตูบานปิดนั้นกลับหาใช่วิธีแก้ปัญหา!”

 

เย่หยวนพยักหล้าและกล่าวตอบว่า

“ผู้เยาว์ทราบแล้ว!”

เมื่อกล่าวจตบเย่หยวนก็นั้งขัดสมาธิทันที มิได้หลอมกลั่นใดๆอีกต่อไป

ภายในใจของเขาพยายามสื่อจิตเชื่อมกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ทีละเล็กละน้อย

ย้อนทวนคำบรรรยายทั้งหมดที่หวูเฉินเคยสั่งสอน รวมไปถึงความเข้าใจต่อค่ายกลปราณเทวะชั้นต้น จนนำสู่โอสถปราณเทวะขั้นสวรรค์ทุกเม็ดที่เขาหลอมกลั่นได้

พินิจวิเคราะห์ใส่ใจทุกรายละเอียดระหว่างทาง เย่หยวนเริ่มจับจุดอะไรบางอย่างได้อีกครั้ง

 

ทุกกระบวนการหลอมกลั่น เย่หยวนเก็บทุกรายละเอียดยิบย่อย ดังนั้นในแต่ละครั้งที่หลอมกลั่น เขาล้วนจดจำได้เป็นอย่างดี

เย่หยวนในปัจจุบันเสมือนว่าย้อนกลับไปเป็นมือใหม่อีกครั้ง มีหลายต่อหลายครั้งที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายยามต้องพบเจอกับกระบวนการอันซับซ้อนในการหลอมกลั่นโอสถ

 

เย่หยวนค่อยๆเข้าสู่ภวังค์ความคิด

ในขณะนี้ ประดุจว่าข้อมูลคุณสมบัติจำเฉพาะของสมุนไพรแต่ละชนิดคล้ายตัวต่อที่กระจัดการจายอยู่ในหัวของเขา

เย่หยวนตั้งตนกลางใจกลางมหาสมุทรความคิดอันกว้างใหญ่ไพศาลของตน และกำลังเรียบเรียงทบทวนทั้งหมดใหม่อีกครั้ง

หลังจากนั้นเย่หยวนก็ได้จัดเรียงชิ้นส่วนประกอบขึ้นใหม่ทั้งหมด!

จากที่ว่าคุ้นเคยกับคุณสมบัติของสมุนไพรทั้งห้าชนิดเป็นอย่างดี ยามนี้กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นสิ่งภูมิความรู้ใหม่ๆที่ไม่คุ้นตา

สิ่งที่เขาประกอบขึ้นมาใหม่จนเป็นรูปเป็นร่างนี้ ได้มอบแนวคิดใหม่ๆมากมายให้แก่เขา

 

จากนั้นเย่หยวนยังคงเรียบเรียงมันทั้งหมดขึ้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

วันเวลาผ่าไป ชั่วพริบตาถัดมา อีกหนึ่งเดือนได้ผ่านไป

 

เย่หยวนลืมตาขึ้นช้าๆ แววประกายแสงเจิดจรัสจ้าสาดสะท้อนประจักษ์สายตา

 

หวูเฉินมองหน้าเย่หยวนด้วยความประหลาดใจ พลางเอ่ยถามขึ้นว่า

“เจ้า…เจ้าเข้าใจทุกอย่างแล้วรึ?”

 

เย่หยวนพยักหน้าพร้อมคลี่ยิ้มบางๆตอบ

“น่าจะเช่นนั้น!”

 

หวูเฉินตื่นตกใจยิ่งยามได้ยินเช่นนั้น พลันโพล่งอุทานลั่น

“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? แค่เดือนเดียว…เจ้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว?”

หวูเฉินตระหนักชัดแจ้งดีเยี่ยม โอสถปราณเทวะขั้นเทวะช่างลึกล้ำเกินจะเข้าใจเพียงใด!

แม้โอสถปราณเทวะจะเป็นเพียงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับพื้นฐานที่สุด แต่ความยากในการหลอมกลั่น สูงกว่าโอสถท้าทายสวรรค์ไม่รู้กี่ร้อยเท่า

 

หากปราศจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลาเนินนาน ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจต่อโอสถปราณเทวะขั้นเทวะได้เลย!

อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนกลับกล่าวว่าตนเข้าใจหมดแล้วภายในระยะเวลาสามเดือนเศษเท่านั้น

ความเร็วในการพัฒนาระดับนี้ ค่อนข้างแตกต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง

ผลึกปราณเทวะทั้งแปดชิ้นที่ถูกวางประจำตำแหน่ง ถูกเปลี่ยนกลายเป็นยอดเต๋ากอปรความลึกซึ้งกว้างไกลนับล้านลี้

หวูเฉินตาแทบทะลักถลนออกมา ในที่สุดเขาก็เชื่อแล้วว่าเย่หยวนไม่ได้โกหก!

 

เขา…เขาเข้าใจมันแล้วจริงๆ!

 

ความเข้าใจของเขาแตกต่างจากนักหลอมโอสถคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง เพราะโชคดีดั่งถูกรางวัลใหญ่จึงบังเอิญหลอมกลั่นโอสถได้ขั้นเทวะ แต่เย่หยวนสามารถเข้าใจเต๋าของโอสถปราณเทวะชนิดนี้ได้อย่างถ่องแท้ จึงสามารถหลอมกลั่นได้

 

ในอนาคตต่อไป ยามใดที่เย่หยวนมีโอกาสหอลมกลั่นโอสถเทวะอีกครั้ง โอกาสที่จะหลอมกลั่นได้เป็นขั้นเทวะจะสูงเกินหนึ่งในสิบส่วนแน่นอน!

เพราะเขาหลอมกลั่นด้วยความเข้าใจ หาใช่พึ่งพาโชคชะตา

ไม่ควรมองประมาทเห็นเพียงแค่หนึ่งส่วน เลิกหวังได้เลยสำหรับนักหลอมโอสถทั่วไป แม้แต่จอมเทพโอสถหนึ่งดาวที่มีฝีมือฉกาจ โอกาสหลอมกลั่นได้ขั้นเทวะยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของหนึ่งส่วนเลยด้วยซ้ำ!

นอกจากนี้การที่เย่หยวนสามารถหลอมกลั่นโอสถขั้นเทวะได้ตั้งแต่เนิ่นๆ มันยังช่วยตอกย้ำรากฐานบนเส้นทางแห่งโอสถของเย่หยวนให้มั่นคงเสถียรยิ่งขึ้นไปอีก

 

ประกายสว่างเจิดจ้าค่อยๆจางหายไป โอสถเม็ดโปร่งแสงประดุจเพชรน้ำงามปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเย่หยวน

โอสถปราณเทวะขั้นเทวะ!

 

“เจ้า…เจ้าทำสำเร็จจริงๆ! ช่างน่าทึ่ง! สัตว์ประหลาดชัดๆ! เจ้าใช้เวลาแค่เจ็ดเดือนเท่านั้น! แค่เจ็ดเดือนเจ้าสามารถหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะได้แล้ว!”

หวูเฉินโพล่งอุทานขึ้นอย่างร้อนรนตื่นเต้น

ในยามนี้ เขาตระหนักได้แล้วว่า ตนประเมินเย่หยวนต่ำเกินไปมาก

ชายหนุ่มคนนี้เกิดมาเพื่อหลอมกลั่นโอสถ!

 

ทักษะรากฐานอันมั่นคง ผนวกกับพรสวรรค์อันน่าสะพรึง ได้ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น!

รวมกับระยะเวลาก่อนหน้า เย่หยวนใช้เวลาไปเจ็ดเดือนแล้วภายในโลกแห่งศิลาจารึกเลื่องสวรรค์

เขาใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆก็สามารถหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะได้สำเร็จ!

 

นี่ช่างเป็นเรื่องน่าทึ่งโดยแท้!

 

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ กว่าที่จอมเทพนิรันดร์จะบรรลุถึงจุดนี้ได้ เขายังต้องใช้เวลากว่าร้อยปี!

ในขณะที่เย่หยวนยังใช้ไปไม่ถึงหนึ่งส่วนร้อยของเวลาที่จอมเทพนิรันดร์เสียไป!

 

อย่างไรก็ตามแต่ สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนหาได้สำราญดีใจใดๆ

เจ็ดเดือนได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจุบันเขาเหลือเวลาอีกแค่ห้าเดือนเท่านั้น!

เย่หยวนใช้เวลาตั้งเจ็ดเดือนกว่าจะหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะได้สำเร็จ แล้วโอสถล้างพิษล่ะ?

เขามิอาจเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้แล้ว!

 

“ท่านอาวุโส โปรดชี้แนะวิธีหลอมกลั่นโอสถล้างพิษหนึ่งดาวแก่ผู้เยาว์ด้วย!”

เย่หยวนกล่าว

หวูเฉินพยักหน้าตอบและโดยไม่รีรออันใด เขาเริ่มอธิบายข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโอสถล้างพิษโดยทันที

วัตุดิบสำหรับหลอมกลั่นโอสถล้างพิษมีทั้งหมดเจ็ดชนิด หวูเฉินบรรยายคุณสมบัติของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดชนิด กินเวลายาวนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็ม!

สมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดชนิดนี้มีความศับซ้อนและยุ่งยากในการจัดการเกินพรรณนาได้

ในที่สุดเย่หยวนก็ตระหนักทราบ ไฉนโอสถปราณเทวะถึงได้ชื่อว่าเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับพื้นฐานที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม รากฐานในการหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนในปัจจุบันค่อนข้างเสถียรดีแล้ว เขาหาใช่มือใหม่โง่งมอีกต่อไป

เปรียบเทียบกับตอนที่ศึกษาโอสถปราณเทวะ ความเร็วในการทำความเข้าใจของเย่หยวนต่อโอสถล้างพิษขนิดนี้ค่อนข้างไวกว่าอย่างไม่เห็นฝุ่น

กระทั่งหวูเฉินที่ได้เห็นพัฒนาการของเย่หยวน เขายังอดตะลึงมิได้

เขาติดสอยห้อยตามจอมเทพนิรันดร์มาก็นาน ฝ่าร้อนฝ่าหนาวในมหาพิภพถงเทียนก็เป็นเวลาหลายร้อยพันปี  เหล่าอัจฉริยะชนิดที่จากลูกปลากระโดดข้ามประตูมังกร เขาเองก็พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง

แต่เขากลับไม่เคยเห็นผู้ใดที่มีพัฒนาการเร็วขนาดนี้แบบเย่หยวนมาก่อน!

 

สำหรับพรสวรรค์บนเส้นทางแห่งโอสถของเย่หยวน คำยามเดียวที่อธิบายได้คือ สัตว์ประหลาด!

 

“แค่ร่างโครงภาพก็เกินอนุมานได้! ความเข้าใจของเจ้าเด็กคนนี้เกินหยั่งถึงได้โดยแท้! หลังจากหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะได้ ราวกับศักยภาพในตัวเขาถูกจุดติดขึ้น! บนเส้นทางแห่งโอสถของเขาในภายภาคหน้า การันตีความสำเร็จอย่างไร้ขีดจำกัด! เมื่อเวลานั้นมาถึงแม้แต่จอมเทพนิรันดร์ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”

หวูเฉินกล่าวขึ้นพลางถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่หลายหลากพรั่งพรู