ชายแดน
ในเวลานี้จระเข้ยักษ์กำลังเก็บแผนที่อยู่ในบ้านไม้ กลุ่มลูกมือออกไปด้านนอก
โทรศัพท์ที่วางไว้ด้านข้างดังขึ้นพักหนึ่ง จระเข้ยักษ์หยิบขึ้นมา
เห็นกล่องโต้ตอบที่ลอยอยู่หน้าจอ เขาจึงมีท่าทีจริงจังขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อนทันที และไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อกับเหอเฉิน หลังจากเห็นภาพหน้าจอก็เลื่อนไปยังหมายเลขโทรออกของเหอเฉิน
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” จระเข้ยักษ์พูดเสียงทุ้ม คิ้วเขม็ง แสดงท่าทีแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้เหอเฉินถึงกับมาพูดกับเขาได้ จระเข้ยักษ์เดาว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เขากำลังจัดเตรียมกลุ่มกำลังคนและรถ ลูกพี่ใหญ่ของเขาเป็นแฮกเกอร์ รับมือไม่ได้แน่…
“ก็ไม่ถึงกับเป็นปัญหา” เหอเฉินพยุงกล้อง ทักทายคนอื่นๆ แล้วจึงขึ้นรถ “เธอสนใจห้องศึกษาส่วนตัวของคุณ”
จระเข้ยักษ์ที่กำลังพิจารณาอำนาจของตัวเอง “…”
สักพักจึงเลิกคิ้วก่อนถามย้ำ “คุณแน่ใจ?”
“แน่ใจ เธอต้องการวัตถุโบราณชิ้นหนึ่ง” เหอเฉินนั่งลง ส่งสัญญาณมือให้คนขับออกรถ
โทรศัพท์อีกฝั่ง จระเข้ยักษ์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อยู่พักหนึ่ง จึงพูดขึ้นประโยคหนึ่ง “คุณคิดว่านี่เรียกว่าค่าตอบแทนรึเปล่า”
ชีวิตของเขาจะเทียบเท่ากับวัตถุโบราณเพียงหนึ่งชิ้นได้อย่างไร
“นอกจากเรื่องนี้ คุณคิดว่าคุณจะยังช่วยอะไรหมาป่าเดียวดายได้อีกล่ะ” เหอเฉินเยาะเย้ยอย่างไร้ความปรานี
จระเข้ยักษ์ “…”
เหอเฉินวางกล้องไว้ที่นั่งด้านข้าง “ฉันจะให้เบอร์ติดต่อเธอกับคุณ พวกคุณติดต่อกันเองนะ”
**
ถิงหลาน
ฉินหร่านกำลังรับประทานอาหารอยู่ด้านล่าง
“หร่านหร่าน วันอาทิตย์ฉันมารับเธอนะ” ในมือเฉิงเวินหรูถือแก้วไวน์ ยิ้มบางมองฉินหร่าน
ฉินหร่านยังคงกินข้าว ได้ยินจึงพยักหน้า “ได้ค่ะ”
เฉิงเวินหรูจิบไวน์หนึ่งอึก มองเฉิงเจวี้ยนด้วยท่าทียียวน
เฉิงเจวี้ยนไม่ได้สนใจเธอ
ฉินหร่านกินข้าวได้พักหนึ่ง โทรศัพท์ที่วางไว้ข้างชามดังขึ้น เป็นหมายเลขนอกประเทศ ไม่มีชื่อกำกับ
เธอเหลือบมอง พักมือจากการกินข้าว
“คุณหนูฉิน” เฉิงมู่ที่นั่งห่างไปสองที่นั่งเตือนเธอ “โทรศัพท์”
“ฉันจะไปรับโทรศัพท์” ฉินหร่านสีหน้านิ่ง ถือโทรศัพท์ขึ้นไปด้านบน
ก่อนที่โทรศัพท์จะตัดสายไป เธอก็ปิดประตูห้องพอดี แล้วรับสาย
เมื่อรับสาย เสียงผู้ชายที่อยู่อีกฝั่งดังขึ้น เสียงไม่ได้มาตรฐานนัก “หมาป่าเดียวดาย?”
คุ้นชินกันมากกับพวกฉังหนิงแล้ว ฉินหร่านจึงไม่ได้เปิดเครื่องเปลี่ยนเสียง แค่พิงประตูแล้วตอบกลับ “จระเข้ยักษ์?”
น้ำเสียงของเธอทั้งชัดเจนและเชื่องช้า ฟังออกถึงความเย็นชา เหมือนกับน้ำเสียงที่พูดในอินเทอร์เน็ตของเธอ…
แต่ นึกไม่ถึงว่าเป็นเสียงผู้หญิง
ตู๊ด ตู๊ด…
อีกฝั่ง จระเข้ยักษ์วางสายเสียง ตื้ด ยืนหยุดอยู่กับที่สองนาที แล้วโทรศัพท์หาเหอเฉินเพื่อความแน่ใจ
เหอเฉินยังอยู่บนรถ เขายิ้มพิงพนักเก้าอี้ “คุณจบแล้ว คุณกล้าวางสายลูกพี่ใหญ่ของคุณ…”
สีหน้าของจระเข้ยักษ์ที่ถือโทรศัพท์แตกตื่น ผ่านไปพักหนึ่ง เขาเปิดโปรแกรมพิเศษ กดโทร.แบบวิดีโอไปหาหมาป่าเดียวดาย
ราวกับอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่ ไม่ถึงสองวินาทีก็รับไปแล้ว
คนในวิดีโออีกฝั่งวางโทรศัพท์บนโต๊ะ จากนั้นดึงเก้าอี้นั่งลง ในวิดีโอดวงตาของหญิงสาวชัดเจน ผมสีดำเข้มคดเคี้ยวลงไปตามเสื้อใส่เล่นสีขาวนวลสบายๆ เป็นประกายงดงาม
ใบหน้านี้ ดูอ่อนกว่าเขาไปสิบปี!
เท่ากับว่าไม่กี่ปีก่อนเธอยิ่งเด็กกว่านี้อีก!
จระเข้ยักษ์เป็นผู้อาวุโสของ 129 จึงต้องเคยพบเจอการปลอมแปลงของแฮกเกอร์ชั้นนำอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครเทียบได้กับหมาป่าเดียวดาย
ใบหน้านี้ ถ้าไม่ได้เหอเฉินพูดเตือนอีก หากหมาป่าเดียวดายตัวจริงยืนอยู่ต่อหน้าเขา เขาก็ไม่กล้าที่จะยอมรับ!
“คุณรอเดี๋ยว” สักพักหนึ่ง ในที่สุดจระเข้ยักษ์ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาถือโทรศัพท์เดินออกไปนิ่งๆ “ฉันไปที่ห้องศึกษาส่วนตัวก่อน”
เขาเดินออกจากบ้านไม้ นอกบ้านไม้เป็นป่าที่มีสีขาวราวแสงตะวันส่องมา ในป่ามีห้องที่ก่อสร้างขึ้นด้วยรูปทรงแปลกตากระจัดกระจายอยู่มากมาย เหนือศีรษะของเขา ยังได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินโฉบไป
ที่ชายแดน เป็นเขตที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยกองกำลังภายในประเทศ
ผ่านไปไม่กี่นาที จระเข้ยักษ์เดินมาถึงหน้าประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่
ชายหนุ่มที่เฝ้าประตูอยู่ยืนตรงก่อนทักทาย “นายใหญ่ วันนี้จะเข้าไปในคลังหรือครับ?”
จระเข้ยักษ์พยักหน้าเบาๆ เขาเปิดการตรวจสอบม่านตา ชายหนุ่มเดินนำหน้าเขา ตรงไปทางบันไดเดินลงหลายชั้น ก็ถึงห้องศึกษาส่วนตัวของเขา
เปิดไฟ หันกล้องโทรศัพท์ไปที่ห้องศึกษาส่วนตัว
มองผ่านกล้อง ฉินหร่านมองเห็นห้องศึกษาส่วนตัวของจระเข้ยักษ์
ด้านนอกสุดเป็นเครื่องทองสัมฤทธิ์โบราณที่วางอยู่ในตู้กระจก นอกจากนั้นยังมีดาบ ชุดเกราะ และอาวุธทางประวัติศาสตร์จากต่างประเทศ
ตรงกลางมีเครื่องประดับตกแต่งหยกวางแต่งไว้
ลึกเข้าไปอีกเป็นต้นฉบับภาพวาดจีนแบบสี เครื่องลายคราม ทั้งยังตกแต่งด้วยหินฝนหมึก
สิ่งของต่างๆ ด้านใน ถ้าหากถูกพบเห็นโดยคนภายนอกที่รู้คุณค่า จะต้องตกอยู่ในความคลั่งไคล้แน่นอน
น่าเสียดายที่คนพบเห็นเป็นฉินหร่านที่ไม่เข้าใจถึงคุณค่าเหล่านี้
จระเข้ยักษ์หยุดอยู่ที่ด้านในสุด แสดงสิ่งของทุกอย่างให้ฉินหร่านดู ตัวตนของเขาเย็นชากว่าในอินเทอร์เน็ต “ลูกพี่…ภาพเขียนอักษรโบราณทั้งหมดอยู่ตรงนี้ สนใจอันไหนก็บอก”
ประโยคนี้ของเขา เพิ่งทำให้ชายหนุ่มผู้นำทางพบว่าในมือของจระเข้ยักษ์ยังมีโทรศัพท์อยู่
เหมือนกับกำลังต่อสายวิดีโอกับใครสักคน…
และยังให้คนเลือกของสะสมในนี้ได้ตามใจชอบอีกด้วย?
ในใจของชายหนุ่มอ้ำอึ้ง ยักษ์ใหญ่ท่านนี้เป็นใครกันแน่ ถึงทำให้เขาเปิดห้องศึกษาส่วนตัวของตัวเองได้
ภาพเขียนอักษรโบราณเหล่านี้ถูกจัดวางเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ฉินหร่านไม่ได้ศึกษาสิ่งเหล่านี้ เธอมองอย่างเรื่อยเปื่อย จากนั้นจึงชี้ไปที่ตรงกลาง “ตรงกลางอันนั้น”
เสียงหญิงสาวที่เย็นชาชัดเจน
ชายหนุ่มก้มหน้า ไม่เหมือนเสียงของนักข่าวภาคสนามหญิงลึกลับคนนั้นที่ก่อนหน้านี้มักจะอยู่ที่นี่เลย น้ำเสียงชัดเจนเลยว่าเด็กกว่ามาก
เขากำลังคิดอยู่ ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงนายใหญ่ของตัวเอง “ให้คนนำภาพนี้ออกมาจัดแต่ง”
“รับทราบ!”
ชายหนุ่มนำโทรศัพท์ออกมาติดต่อคน สายตามองภาพที่นายใหญ่ของตัวเองชี้อยู่ อย่างเอื่อยเฉื่อยอีกครั้ง…
ที่ถิงหลาน หลังฉินหร่านวางสายก็ลงมากินข้าวต่อ
เฉิงเจวี้ยนและคนอื่นๆ กินเกือบหมดแล้ว แต่ทุกคนต่างรอเธอลงมา
เมื่อเห็นเธอแล้ว เฉิงเวินหรูที่ถือแก้วไวน์ก็พูดถามเธอสบายๆ “คุยโทรศัพท์กับใครจนถึงตอนนี้”
“เพื่อนฉัน” ฉินหร่านครุ่นคิด ตอบกลับ “ฉันให้เขาส่งของบางอย่างให้ฉัน”
เฉิงเวินหรูแค่ถามเธอไปงั้น จึงไม่ได้ถามเธอต่อว่าเพื่อนแบบไหน และพูดคุยกับฉินหร่านเรื่องของทางบ้านตระกูลเฉิง
**
วันที่สอง ฉินหร่านยังคงไปห้องปฏิบัติการ
เธอศึกษาบทความวิจัยจนถึงตีสอง ซึ่งมักจะราวๆ นี้เป็นประจำ
อีกทั้งนักวิจัยเลี่ยวและทั้งสามคนล้วนเป็นผู้คลั่งไคล้การทดลอง ไม่ว่าตอนไหนที่เธอมาถึงห้องปฏิบัติการ พวกเขาต่างก็อยู่ที่นี่
ฉินหร่านทำเหมือนที่ผ่านมา นั่งอยู่ฝั่งคอมพิวเตอร์มุมสุด ลงมือเขียนบทความวิจัย
เลี่ยวเกาอั๋งที่อยู่ด้านในสุดไม่ได้เห็นเธอตั้งแต่เที่ยงเมื่อวาน เขาทำการทดลองเสร็จไปขั้นหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นฉินหร่านที่อยู่ด้านนอกสุด เธอกำลังพลิกดูหนังสืออยู่ชั้นวางชั้นสอง
“คุณไปอนุญาตให้เธอเข้ามา” เลี่ยวเกาอั๋งใช้มือดันแว่น เอียงหน้าเล็กน้อย พูดกับจั่วชิวหรงเสียงเบา
จั่วชิวหรงชะงักครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองเลี่ยวเกาอั๋ง แล้วจึงเหลือบมองฉินหร่านที่ด้านนอก ไม่รู้จะแสดงท่าทียังไง เธอเม้มปากเดินไปด้านนอก
ใช้มือเคาะที่โต๊ะฉินหร่าน จั่วชิวหรงพูด “เลี่ยวเกาอั๋งให้คุณเข้าไป”
พูดจบจึงหันตัว ไปที่ห้องปฏิบัติการด้านใน
ฉินหร่านที่กำลังพิมพ์บทความวิจัยอยู่หยุดมือ ปกตินักวิจัยเลี่ยวไม่อนุญาตให้เธอเข้าไปด้านในสุดของห้องปฏิบัติการ วันนี้กลับน่าแปลกใจ
เธอปิดคอมพิวเตอร์ ยืนขึ้น ติดกระดุมเสื้อห้องปฏิบัติการทีละเม็ดช้าๆ แล้วจึงเดินเข้าไปด้านใน
รุ่นพี่เยี่ยกำลังช่วยนักวิจัยเลี่ยวทำการทดลอง มองเห็นเธอจึงพูดขึ้น “ยินดีด้วย”
นักวิจัยเลี่ยวเพียงบอกให้ฉินหร่านช่วยเล็กๆ น้อยๆ
เวลาที่เหลือ ฉินหร่านจึงมองดูการทดลองของนักวิจัยเลี่ยว นักวิจัยเลี่ยวเขาเสมือนเป็นนักวิจัยระดับหนึ่ง ข้อมูลการทดลองของเขายุ่งยาก โดยทั่วไปผู้มาใหม่ตามไม่ทัน แต่ฉินหร่านก็ยังสังเกตดูอยู่ด้านข้าง และเรียนรู้ได้ไม่น้อย
โอกาสการลงมือของเธออยู่ห่างไกลจากรุ่นพี่เยี่ยและจั่วชิวหรงอยู่มาก ด้วยอย่างนี้รุ่นพี่เยี่ยและจั่วชิวหรงต่างก็รู้สึกคาดไม่ถึง
ช่วงพักกลางวัน รุ่นพี่เยี่ยไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉินหร่าน
“คนแปลกหน้าคนหนึ่งสำหรับนักวิจัยเลี่ยว อย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะยอมรับให้ลองทำดู” รุ่นพี่เยี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงต่ำ ให้ฉินหร่านรับรู้ “แต่เธอเพิ่งมาได้หนึ่งสัปดาห์”
ฉินหร่านเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมของตัวเอง หัวคิ้วชำเลือง เพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
พักกลางวัน ฉินหร่านมักจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
ด้านในห้องปฏิบัติการ
จั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยก็อยู่ด้วย จั่วชิวหรงถืออุปกรณ์ทดลอง หันตัวมองไปยังนักวิจัยเลี่ยว ถามขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก “นักวิจัยเลี่ยว จากนี้ไปจะให้รุ่นน้องเข้ามาอยู่ใช่ไหม”
นักวิชาการเยี่ยนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ของตน ใบหน้ายังคงเย็นชา เขาพยักหน้าและพูดขึ้น “คุณกับรุ่นพี่เยี่ยของคุณกำลังเตรียมการแข่งขันโครงการภายในประเทศอยู่ใช่หรือไม่”
ได้ยินนักวิจัยเลี่ยวพูดเช่นนี้ สีหน้าของจั่วชิวหรงก็เปลี่ยนไป
นักวิจัยเลี่ยวพูดถึงประโยคนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก จั่วชิวหรงจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินออกไป
ที่ด้านใน นักวิจัยเลี่ยวเปิดแฟ้ม จู่ๆ นึกอะไรขึ้นมา
เปิดลิ้นชัก นำข้อมูลของฉินหร่านที่ใส่ไว้ในครั้งล่าสุดออกมา