ตอนที่ 165 ส่งสาส์น กับ ช่วยเหลือ (2)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

วันสองวันหรือ 

 

 

เฉินจ้าวลุกขึ้น อย่าว่าแต่วันเดียวเลย นางอยู่ในกำมือของหลี่ว์ปานานขึ้นเท่าไรก็อันตรายมากขึ้นเท่านั้น เมืองเยี่ยนหยางถึงแม้จะไม่ใหญ่ แต่หากจะซ่อนตัว อยากจะหาให้เจอในเวลาอันสั้นนั้นไม่ง่ายนัก เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจก็เหมือนถูกไฟแผดเผา จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ฉินอ๋อง ข้าน้อยจะให้ทหารตระกูลเฉินไปช่วยค้นหาในตัวเมืองอีกแรงขอรับ” 

 

 

ฉินอ๋องที่นั่งอยู่ไม่ได้ตอบรับ สายตาคร่ำเครียด “หนีไปจากที่ใด” 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงเนื้อตัวสั่นเทา “บนทางเล็กกลางป่าทางตะวันออกของเมืองระหว่างทางที่ไปตลาดขอรับ ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าน้อยจะไปหาทุกซอกมุมเดี๋ยวนี้…” 

 

 

เพิ่งจะพูดจบ ก็แอบมอง แล้วเห็นสีหน้าท่าทางของฉินอ๋องเยาะเย้ยอย่างเกลียดชัง “หาทั้งเมืองมีประโยชน์อะไร หาตั้งแต่สถานที่ที่หลี่ว์ปาพาคนหนีไปแล้วตามรอยกีบม้าที่วิ่งไป! พลิกแผ่นดินเมืองเยี่ยนหยาง ก็ต้องหานางให้พบ!” 

 

 

ผู้ตรวจราชการเหลียงชะงักไป เขาเข้าใจแล้ว ผ่านความเป็นความตายเมื่อครู่ไปแล้ว ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย จึงรีบรับคำบัญชา เฉินจ้าวก็จากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพื่อไปสั่งการกับทหารตระกูลเฉิน 

 

 

ในห้องโถงว่างเปล่า 

 

 

หน้าประตูนั้น หลี่ว์ชีเอ๋อร์และสาวใช้คนอื่นๆ เห็นท่านอ๋องกลับมาก็ยกน้ำชามาให้ เพียงแต่เห็นใต้เท้าซือปิดประตู จึงไม่กล้าเข้าไป และยืนรออยู่ข้างนอกอยู่นาน 

 

 

เมื่อเห็นผู้ตรวจราชการเหลียงและแม่ทัพเฉินที่เพิ่งเข้าเมืองมาในวันนี้เดินออกมาตามกัน สาวใช้ทั้งหลายก็มองหน้ากันกระซิบกระซาบ “จะยกน้ำชาเข้าไปดีหรือไม่” 

 

 

“ท่านอ๋องเหมือนจะกำลังโมโห เจ้ากล้าหรือ” 

 

 

“โมโหที่ไหนกัน เงียบสนิทเลยนี่” 

 

 

“เจ้าโง่หรือ เจ้าไม่เห็นหรือว่าเมื่อครู่ที่แม่ทัพเฉินกับใต้เท้าเหลียงออกมากัน สีหน้าเป็นอย่างไร ท่านอ๋องในห้องจะอารมณ์ดีได้หรือ” 

 

 

“นั่นสิ กว่าจะจับหลี่ว์ปาได้ ยังจะให้เขาหนีไปอีก จะอารมณ์ดีได้อย่างไร” 

 

 

“ให้ข้าว่า ก็ช่างแปลกนัก คนของกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองกับโจรป่าส่วนใหญ่ก็จับได้แล้ว ตอนนี้ในเมืองเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา ทหารตระกูลเฉินก็มาแล้ว หลี่ว์ปากับซานอิงก็แค่แมลงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง หนีไม่พ้นอยู่แล้ว ช้าเร็วก็ต้องโดนจับ ไม่เห็นต้องโมโหถึงเพียงนี้เลยนี่” 

 

 

“เมื่อครู่ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ตรวจราชการเหลียงคุยกันข้างนอกนี้พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ แม่นางชิ่งเอ๋อร์ถูกหลี่ว์ปาจับไปเป็นตัวประกันแล้ว” 

 

 

“ฮะ…” 

 

 

เสียงเล็กๆ ของหลี่ว์ชีเอ๋อร์ทำลายความเงียบสงัดไป “ข้าไปเอง” พูดเสร็จก็ยกถาดรอง กระโปรงโบกสะบัด เดินเข้าไปข้างใน 

 

 

สาวใช้ทั้งหลายรู้ว่าวันนี้ที่สามารถจับหลี่ว์ปาได้ ก็เพราะนางยอมหักหลังญาติตนเองเพื่อผดุงคุณธรรม จับพี่ชายของตนส่งถึงมือทหารทางการด้วยตนเอง 

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์มีผลงาน อย่าว่าแต่ยกน้ำชาเข้าไปให้เลย เกรงว่าน่าจะได้รับการตบรางวัลให้อีก ทุกคนต่างก็มองนางเดินเข้าไปอย่างอิจฉากัน 

 

 

ชายหนุ่มชุดผ้าไหมดิ้นขาวที่นั่งอยู่ ความเย็นชารอบกายที่มิอาจปกปิดได้ ลูบแหวนหยกสีมรกต จมอยู่ในภวังค์ความคิด 

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นสีหน้าเขาไม่เลวนัก จึงเดินเข้าไปอย่างแผ่วเบา วางน้ำชาลง ยกกาน้ำชาลายนกยูงสีขาวม่วงออกมาวางไว้ข้างกายฉินอ๋อง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กอ่อนโยน “ท่านอ๋องสลายการจลาจลกลับมา ยังไม่ทันได้ดื่มน้ำสักอึกเลยนะเพคะ” 

 

 

ซือเหยาอันเห็นหลี่ว์ชีเอ๋อร์เข้าไปปรนนิบัติไม่ทันได้ห้าม องค์ชายสามถูกนางทำลายความเงียบไป ก็เหลือบมองนางแล้วหยิบแก้วมา หลี่ว์ชีเอ๋อร์ยังไม่รู้ตัว นึกว่าท่านอ๋องรับน้ำใจของนางไว้ แล้วยังยิ้มออกมาอีก “ท่านอ๋องเชิญดื่ม…” 

 

 

คำว่า ‘ชา’ ยังไม่ทันได้พูดออกมา ชายหนุ่มบนเก้าอี้ก็ขว้างแก้วเคลือบกระเบื้องนั้นออกไป เสียงแตก เพล้ง! ทำลายความเงียบสงัดในห้องไป 

 

 

แก้วเคลือบกระเบื้องแตกเป็นเสี่ยงๆ หมุนวนกับที่ ไอร้อนของน้ำชาราดรดบนพรมปูพื้น 

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์ชะงักงันไป ไม่รู้ว่าตนผิดอะไร ก็รีบคุกเข่าอย่างหวาดผวา แล้วสะอื้นไห้ทันที “บ่าวทำอะไรผิดหรือเพคะ…” 

 

 

“ญาติพี่น้องผู้ก่อการจลาจล ส่งไปเรือนเล็กทางตะวันตกเฉียงใต้ของพระราชนิเวศน์” แล้วโบกมือ น้ำเสียงรำคาญจนถึงขีดสุด 

 

 

เรือนเล็กทางตะวันตกเฉียงใต้เป็นห้องส้วม บ่าวรับใช้ในนั้นรับผิดชอบงานเกี่ยวกับอุจจาระของทหารทั้งที่พักในแต่ละวัน 

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตกตะลึงยิ่งนัก ทำไม ตนสร้างผลงานแท้ๆ ท่านอ๋องไม่ตบรางวัลไม่ว่า ทำไมถึงได้เหยียบย่ำตนอีก ส่งตนที่เป็นผู้หญิงไปทำหน้าที่ชั้นต่ำเช่นนั้น อะไรคือญาติพี่น้องผู้ก่อการจฃาจล ก่อนหน้านั้นยังใจดีกับตนถึงเพียงนั้น ไม่เคยทำให้ลำบากใจเช่นนี้เลย! 

 

 

เห็นใต้เท้าซือเดินมาทางตน หลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็ร้องไห้ออกมา “วันนี้บ่าวสร้างผลงานให้กับราชสำนัก หากมิใช่บ่าว ทหารทางการจะจับหลี่ว์ปาได้สำเร็จได้อย่างไร ทำไม…ทำไมกลับมาลงโทษบ่าวเพคะ ท่านอ๋องโปรดบอกเหตุผลกับบ่าวด้วย บ่าวจะตายก็ขอตายอย่างไม่ติดค้างอะไรเพคะ” 

 

 

ซือเหยาอันส่ายหน้า หากมิใช่หลี่ว์ชีเอ๋อร์แอบเผยข้อมูล จับหลี่ว์ปาได้ พระชายาก็ไม่ต้องไปขวางจนสุดท้ายถูกหลี่ว์ปาจับเป็นตัวประกันหรอก 

 

 

องค์ชายสามโมโหไร้ขอบเขตไปหน่อยก็จริง ดูพาลไปบ้าง แต่ใครใช้ให้เด็กสาวผู้นี้เข้ามาหาเรื่องใส่ตัวเองเล่า 

 

 

เขาขมวดคิ้วตะคอก “ผลงานของเจ้า ก็คือความผิดของเจ้า!” พูดจบก็ลากหลี่ว์ชีเอ๋อร์ออกไป 

 

 

ที่มืดมิดอับชื้น ในอากาศมีกลิ่นของดินและพืชลอยอยู่ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นถูกมัดมือไขว้หลัง นั่งพิงอยู่หน้าก้อนหินแข็งและเย็น หน้าและหัวถูกพันแน่น นางใช้มือจับไปที่พื้น เป็นดินร่วนที่ชุ่มชื้น 

 

 

“ลูกพี่หลี่ว์” นางเรียกเสียงแผ่วเบา 

 

 

เสียงแผ่วเบา แต่กลับมีเสียงสะท้อนลอยวนเวียน เสียงไม่เบานัก 

 

 

น่าจะอยู่บนเขา น่าจะเป็นถ้ำที่กว้างและโล่งแห่งหนึ่ง 

 

 

คำนวณเวลาหลังจากที่ถูกจับแล้ว น่าจะเดินมาไม่ไกลนัก น่าจะอยู่ในหุบเขาแถวที่คุยกับหลี่ว์ปาก่อนหน้านี้ 

 

 

เยี่ยนหยางถูกปิดเมือง ที่นี่ผู้คนเบาบาง เป็นที่หลบซ่อนที่ดีที่สุดของเหยี่ยวภูเขาที่กำลังหนีการจับกุมอยู่ในขณะนี้ 

 

 

นางจำได้ว่าถูกตีที่ท้ายทอย แล้วก็ถูกคลุมหัวคลุมหน้าจนมืดสนิท แล้วถูกคนแบกขึ้นหลังม้าไป เมื่อฟื้นขึ้นมา ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว 

 

 

ก่อนที่จะสลบไป ยังเห็นภาพเลือนรางอยู่นั้น เหมือนจะได้ยินหลี่ว์ปาโต้เถียงกับใครอยู่ เหมือนบอกให้เขาอย่าแตะต้องตน ประมาณนั้น 

 

 

เมื่อนึกถึงสายตาอันโหดร้ายของเหยี่ยวภูเขาแล้ว หากมิใช่เพราะหลี่ว์ปาพูดหว่านล้อมและขัดขวางไว้ นางคาดว่าตนน่าจะตายไปนานแล้ว 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนึกถึงการเดินทางมาเยี่ยนหยางในครั้งนี้ มากสุดก็แค่อยากช่วยอยู่ข้างๆ ไม่คิดว่าตนจะมีวันที่ได้เผชิญหน้ากับโจรป่า 

 

 

จากเมืองหลวงสู่เยี่ยนหยาง นางแค่อยากจะมุ่งตรงมาที่ที่พักชั่วคราวนี้ แต่กลับไม่ได้รู้สึกกลัวสักเท่าไร รวมไปถึงวันแรกที่แฝงตัวเข้าไปในเมืองเยี่ยนหยางเผชิญหน้ากับชาวบ้านที่ก่อการจลาจล และตอนหลังที่เข้าไปในที่พักชั่วคราวแล้วเกือบจะถูกผู้ตรวจราชการเหลียงทรมาน 

 

 

แต่วันนี้ เวลานี้ ต่อมความหวาดกลัวในร่างกายของนางเพิ่งจะตื่นขึ้นมา 

 

 

โจรป่าอันโหดร้าย ความเปล่าเปลี่ยวของป่าเขา ความมืดมิดของโพรงถ้ำ แวดล้อมที่เรียกให้ใครมาช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน 

 

 

แต่ละอย่าง ต่างก็เป็นภัยคุกคามชีวิตของนางได้ทั้งสิ้น 

 

 

ความอับชื้นในอากาศวนเวียนอยู่ในจมูก อีกยังมีกลิ่นความอบอ้าวเฉพาะตัวของป่าเขา แต่โชคดีที่มีไม่มากนัก ไม่ถึงขนาดกับทำให้สลบไป 

 

 

เบ้าตาแดงเล็กน้อย นางกลั้นเอาไว้ พยายามสงบสติอารมณ์ของตนให้ได้ ให้กำลังใจตนเอง นางได้เกิดใหม่อีกครั้ง นางไม่เชื่อว่าสวรรค์จะให้นางตายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ 

 

 

ในเมืองตอนนี้ก็สงบลง ฉินอ๋องจะต้องส่งข่าวให้ทหารตระกูลเฉินเข้าเมือง 

 

 

หากเฉินจ้าวเข้าเมืองแล้ว จะต้องรีบบอกกับฉินอ๋องว่าตนมาที่นี่ 

 

 

เรื่องที่ตนถูกหลี่ว์ปาจับเป็นตัวประกันแล้วหายตัวไปทั้งคู่ คาดว่าตอนนี้ฉินอ๋องน่าจะรู้เรื่องหมดแล้ว เขาและเฉินจ้าวน่าจะกำลังตามหานางไปทั่วเมืองเป็นแน่