ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 329 ราชาหมาป่าขาว

จอมศาสตราพลิกดารา

นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนอวี่ถิงเห็นภาพของหมาป่าขาวนับหมื่นตัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน

ช่างน่าตกใจนัก

บนที่ราบหิมะอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางลมเหมันต์หนาวเยือก หมาป่าขาวหนึ่งตัวเหมือนสายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่ง ต้านสายลมบ้าคลั่ง ก่อให้เกิดหมอกหิมะหลายสายม้วนตัวอยู่ท่ามกลางสายลมดุจดั่งมังกรตัวยาว เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก

“หมาป่าขาวมีไหวพริบสติปัญญาที่หาได้ยาก เป็นสัตว์เทพประเภทหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรพวกมันไม่เคยเข้าไปรังควาญคนเลี้ยงสัตว์ ไม่บุกรุกก่อกวนปศุสัตว์ บางครั้งถึงขั้นช่วยคนเลี้ยงสัตว์ขับไล่สัตว์ป่าหรือฝูงสัตว์ร้ายด้วยซ้ำ จึงมีฐานะสูงส่งสำหรับคนเลี้ยงสัตว์บนท้องทุ่งหญ้า”

เจียงชิวไป๋มองกองทัพหมาป่ามืดฟ้ามัวดินที่อยู่ห่างออกไปพลางทอดถอนใจ

สิ่งมีชีวิตใดก็แล้วแต่ที่เติบโตบนที่ราบทุ่งหญ้า ล้วนมีความเคารพยำเกรงและศรัทธาตามธรรมชาติต่อหมาป่าขาว เห็นมันเป็นสัตว์มงคล และมองเป็นเทพคุ้มครองแห่งที่ราบทุ่งหญ้า

เมื่อฟังถึงตรงนี้ ซ่างกวนอวี่ถิงก็เริ่มอยากรู้เรื่องหมาป่าขาวบ้างแล้ว

เจียงชิวไป๋กล่าวขึ้นเหมือนพูดกับตนเอง “แต่ว่าน่าแปลกจริงๆ บนที่ราบทุ่งหญ้า เมื่อไรกันที่มีฝูงหมาป่าขาวใหญ่เช่นนี้?”

หมาป่าเป็นสัตว์ที่รวมตัวเป็นฝูงอย่างแท้จริง แต่จำนวนของหมาป่าขาวเมื่อเทียบกับฝูงหมาป่าประเภทอื่นบนที่ราบทุ่งหญ้าแล้วน้อยกว่ามาก วิหารหมาป่าสำรวจและบันทึกจำนวนฝูงหมาป่าขาวเอาไว้ ในช่วงนับร้อยปีที่ผ่านมา จำนวนหมาป่าขาวมีไม่เกินหนึ่งแสนตัว จับกลุ่มเป็นฝูงประมาณหลักสิบหรือหลักร้อย กระจายอยู่ตามพื้นที่แตกต่างกันบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

ฝูงหมาป่าขาวจำนวนมากที่สุดที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คือหนึ่งพันสามร้อยตัว ปรากฏขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยมีราชาหมาป่าขาวที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งรวมฝูงขึ้นมา ต่อมาถึงสลายตัวแยกย้ายไปหลังการตายของราชาหมาป่าตัวนั้น

หลังจากนั้นเป็นต้นมา บนที่ราบทุ่งหญ้าก็ไม่ปรากฏฝูงหมาป่าขาวที่จำนวนเกินหนึ่งพันตัวอีกเลย

ทว่า จำนวนของฝูงหมาป่าตรงหน้านี้เกินหมื่นอย่างเห็นได้ชัด

อีกทั้งการวิ่งห้อของฝูงหมาป่าขาวนี้ยังค่อนข้างมีลำดับ ไม่วุ่นวายแม้แต่น้อย เป็นฝูงหมาป่าโตเต็มวัยที่มีระเบียบเคร่งครัดและเข้ากันได้เป็นอย่างดีฝูงหนึ่ง…นี่แปลกเอามากๆ

“พวกมันเข้ามาแล้ว” ซ่างกวนอวี่ถิงร้องขึ้นอย่างตกใจ

ฝูงหมาป่าขาวราวกับทัพทหาร พุ่งตรงมาหาทั้งสองคน ปลายปีกฝูงทั้งสองด้านตีวงโค้งเป็นระยะราวหนึ่งลี้ ประหนึ่งกองกำลังทหารม้าที่มีระเบียบวินัยเคร่ง ตรงเข้าโอบล้อมทั้งสองด้าน หากมองจากฟ้าลงมาจะเหมือนจันทร์เสี้ยว ล้อมเจียงชิวไป๋และซ่างกวนอวี่ถิงเอาไว้กลางเสี้ยวจันทร์

“ดูท่าราชาหมาป่าขาวคงอยากจะพบพวกเรา”

ในดวงตาเจียงชิวไป๋ปรากฏความสนอกสนใจ

พลังสู้รบเฉพาะตัวของหมาป่าขาวนั้นแข็งแกร่ง ราชาหมาป่าขาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถใช้ทฤษฎีทั่วไปมาวัดได้ แม้จะเป็นราชาหมาป่าขาวในฝูงหมาป่าขาวหลายสิบตัว ก็ยังมีสติปัญญาไม่แตกต่างจากมนุษย์ผู้ใหญ่ มีพลังรบเทียบเท่ามนุษย์ขั้นฟ้าประทาน

ฝูงหมาป่าขาวขนาดใหญ่หลักพันที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์นั้น ราชาหมาป่าในฝูงจะถูกเรียกว่าจักรพรรดิแห่งแสงสว่าง มีพลังรบขั้นปฐมเทวะ พรสวรรค์น่าเกรงกลัว สมาชิกในฝูงหมาป่าเหมือนกองทัพทหาร ทะยานทั่วที่ราบทุ่งหญ้า จักรวรรดิใหญ่หรือเก้าสำนักเทพก็ยังค่อนข้างหวาดกลัวราชาหมาป่าตัวนี้

เช่นนั้นราชาหมาป่าในฝูงหมาป่าขาวจำนวนเกินหมื่นตรงหน้านี้ พลังที่แท้จริงจะน่ากลัวสักเพียงไหน?

ต่อให้เป็นขั้นเทวะอย่างเจียงชิวไป๋ ในเวลานี้ก็ยังประหลาดใจอยู่บ้าง

หนำซ้ำเขายังรู้สึกสนใจราชาหมาป่าของฝูงหมาป่าขาวตัวนี้ยิ่ง

หรือว่าบนที่ราบทุ่งหญ้าจะปรากฏจักรพรรดิแห่งแสงสว่างรุ่นใหม่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว?

เขาเห็นว่าซ่างกวนอวี่ถิงข้างกายเหมือนจะเริ่มกังวลเล็กน้อยจากการถูกหมาป่าฝูงนี้โอบล้อม

“ไม่ต้องกังวลไป หมาป่าขาวเป็นสัตว์เทพ ราชาหมาป่าขาวก็เหมือนการคงอยู่ของเทพเจ้า มีสติปัญญาที่สูงส่ง…” เจียงชิวไป๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ท้ายที่สุด สองคนก็ถูกฝูงหมาป่าขาวเรือนหมื่นโอบล้อมเอาไว้

ฝูงหมาป่าที่กรูมาอย่างบ้าคลั่งนิ่งสงบลงอย่างกะทันหัน

หมาป่าขาวแต่ละตัวพากันนั่งลงบนหิมะหนา เกล็ดหิมะที่ถูกพัดจนลอยเต็มฟ้าเพราะการห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งของพวกมันค่อยๆ โปรยปรายลงมา ภาพที่มีแต่การเคลื่อนไหวหยุดนิ่งลงในฉับพลัน มีผลกระทบต่อทัศวิสัยที่ชวนให้คนตกใจบางอย่าง

ซ่างกวนอวี่ถิงที่จิตใจสงบลงแล้วมองสำรวจอย่างละเอียด

หมาป่าขาวทุกตัวแตกต่างจากหมาป่าธรรมดาบนที่ราบทุ่งหญ้าอยู่มากโข เสมือนเป็นลูกม้าสีขาว นั่งลงบนหิมะห่างไปเกือบหนึ่งจั้ง ภายใต้ขนสีขาวบริสุทธ์ราวแสงจันทร์จะเห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอยู่รางๆ เปี่ยมด้วยสรีระร่างกายที่งดงามและเพรียวลม ราวกับสัตว์ยักษ์สงครามที่เดินออกมาจากพื้นที่สงครามแห่งอสุราก็มิปาน

นี่คือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่รวมความงาม ความศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่ง และความป่าเถื่อนโหดร้ายเอาไว้ด้วยกัน

พวกมันมีแรงกดดันทางสายตาที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้

พวกมันมีดวงตาสีแดงอ่อน ภายในลูกตาคล้ายกับมีประกายแห่งปัญญาของมนุษย์กำลังวูบวาบ

หมาป่าขาวขนาดยักษ์เรือนหมื่นนั่งอยู่ที่เดิม สงบนิ่ง เป็นระเบียบ ไม่ต่างจากนายทหารชั้นเยี่ยมที่กำลังรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา

ภาพที่ยิ่งใหญ่และลึกลับนี้ ทำเอาซ่างกวนอวี่ถิงร้องอุทานอยู่ในใจ

นางฝึก ‘วิชาก่อนกำเนิด’ มา คำว่า ‘ก่อนกำเนิด’ สองคำนี้ไม่เหมือนกับก่อนกำเนิดในการฝึกยุทธ์บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่เป็นวิชาเต๋าก่อนกำเนิดจากผืนฟ้าดาราสมุทร มุ่งไล่ตามต้นกำเนิดชีวิต มุ่งไล่ตามต้นกำเนิดเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงมีบทบาทน่าอัศจรรย์ด้านการเปลี่ยนสภาพ ยกระดับ และขัดเกลาตนเองอย่างที่ไม่มีอะไรเทียมได้ อีกทั้งสามารถสัมผัสรู้สิ่งมีชีวิตนอกโลกได้ว่องไวเป็นที่สุด

ยกตัวอย่างเช่นครั้งนั้นที่เมืองฉางอัน จิ้งจอกน้อยต๋าจี่เข้าใกล้แต่หลี่มู่กับซ่างกวนอวี่ถิงก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน ลูกหลานที่มีสายเลือดเก้าหางรับรู้ได้ถึงพลังก่อนกำเนิดเต๋าบนร่างของทั้งสองคน เป็นความใกล้ชิดด้านคุณสมบัติชีวิตประเภทหนึ่ง

แต่ตอนนี้ จิ้งจอกขาวตัวน้อยที่ขดตัวเงียบๆ อยู่ในอกของซ่างกวนอวี่ถิง

ชัดเจนมากว่ามันรู้สึกหวาดกลัวหมาป่าขาวที่ราบทุ่งหญ้าฝูงนี้

“บรู้วๆๆ…!”

เหล่าหมาป่ายักษ์สีขาวเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน หอนยาวขึ้นฟ้า เสียงดังไปกว่าร้อยลี้

เจียงชิวไป๋เอ่ย “ราชาหมาป่าขาวจะปรากฏตัวแล้ว ดูจากจำนวนของฝูงหมาป่านี้ ราชาหมาป่าขาวตนนี้อย่างต่ำสุดคงอยู่ขั้นเทวะ…อืม สามารถสืบทอดฉายาจักรพรรดิแห่งแสงสว่างได้เลย”

ขั้นเทวะ?

ยังต่ำสุดหรือ?

ซ่างกวนอวี่ถิงฟังถึงจุดนี้ ในใจก็ตกตะลึงขึ้นมาบ้างแล้ว

นางไม่ใช่คณิกาชั้นสูงจากหอคณิกาที่ไม่รู้เรื่องในยุทธจักรเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว หลังจากติดตามอยู่ข้างกายหลี่มู่ นางเข้าใจกฎเกณฑ์วิถียุทธ์ของโลกใบนี้ แน่นอนต้องรู้ว่าเทวะสองคำนี้มีพลังสั่นสะเทือนที่น่าเหลือเชื่อระดับไหน

หมาป่าขาวที่อยู่ขั้นเทวะอย่างนั้นหรือ?

ฟังแล้วดูไม่น่าเชื่อเลยเอาเสียเลย

แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเจียงชิวไป๋ กลับน่าคล้อยตามเป็นอย่างมาก

เพราะเจียงชิวไป๋ก็เป็นขั้นเทวะคนหนึ่ง

ซ่างกวนอวี่ถิงคิดเข้าใจจุดนี้นานแล้ว เพราะว่าพี่มู่เคยพูดไว้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะถึงจะสามารถทำลายค่ายกลใหญ่ของเรือนดาบได้

และเป็นดังว่า ฝูงหมาป่าขาวตรงหน้าแหวกทางออก

หมาป่ายักษ์รูปร่างราวม้าหนุ่มตัวหนึ่งค่อยๆ เยื้องย่างออกมาจากด้านหลังเนินหิมะ ขนสีขาวราวกับแกะสลักจากหยก ขาอันแข็งแรงทั้งสี่และร่างกายใหญ่โตเต็มไปด้วยพลังข่มขวัญ อานุภาพกดดันที่ไร้รูปร่างขุมหนึ่งแผ่ซ่านเข้ามา หมาป่ายักษ์สีขาวรอบๆ เมื่อเทียบกับมันแล้วตัวเล็กกว่ากันมาก ตอนที่มันปรากฏตัวขึ้น หมาป่ายักษ์สีขาวรอบๆ ล้วนค้อมศีรษะลง แสดงท่าทีสวามิภักดิ์

นี่คือราชาหมาป่า?

ซ่างกวนอวี่ถิงพินิจพิเคราะห์อย่างสนอกสนใจ

หมาป่าขาวขั้นเทวะตัวหนึ่ง?

ส่วนเจียงชิวไป๋อีกด้าน ใบหน้ากลับปรากฏความตะลึงงันจางๆ

ไม่ถูกต้องสิ หมาป่ายักษ์สีขาวตัวนี้ ถึงแม้จะแข็งแกร่งกว่าหมาป่ายักษ์สีขาวตัวอื่นมาก บนร่างก็เป็นกลิ่นอายของราชาหมาป่าแน่ แต่…มันเป็นเพียงราชาหมาป่าขั้นเหนือมนุษย์เท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นเทวะเลย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?

ราชาหมาป่าขั้นเหนือมนุษย์ ไม่สามารถปกครองฝูงหมาป่าขาวเรือนหมื่นเช่นนี้ได้

ในตอนนี้เอง ก็เห็นว่าบนเนินหิมะท่ามกลางลมพายุ มีหมาป่ายักษ์สีขาวรูปร่างราวม้าหนุ่มอีกตัวค่อยๆ เหยียบย่ำหิมะน้ำแข็งออกมา จนมาหยุดอยู่ข้างๆ ราชาหมาป่ายักษ์ซึ่งปรากฏตัวขึ้นตอนแรก และยืนนิ่งจ้องมาทางพวกเขาทั้งสอง

“ราชาหมาป่าอีกตัว? ขั้นเทวะด้วยหรือไม่?” ซ่างกวนอวี่ถิงอดถามขึ้นไม่ได้

เจียงชิวไป๋ส่ายศีรษะ

เรื่องนี้ชักจะประหลาดเกินไปแล้ว

ในฝูงหมาป่าหนึ่งฝูง จะมีราชาหมาป่าถึงสองตัวได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น ราชาหมาป่าตัวที่สองรูปร่างใหญ่โตกว่าตัวแรกระดับหนึ่ง กลิ่นอายแข็งแกร่งกว่า แต่ก็ยังเป็นเพียงขั้นเหนือมนุษย์ ราชาหมาป่าที่พลังแท้จริงคล้ายกันสองตัวปรากฏอยู่ในฝูงเดียวกัน…ถึงแม้ว่าหมาป่าขาวจะเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และสติปัญญา ทว่าก็ยังดูเป็นไปไม่ได้อยู่ดี

ก่อนหน้านี้เพื่อแสดงความเคารพต่อราชาหมาป่าขั้นเทวะ เจียงชิวไป๋ไม่ได้ส่งพลังจิตวิญญาณออกไปสัมผัสรับรู้ ดังนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าด้านหลังเนินหิมะเตี้ยไกลลิบนั้นมีอะไรอยู่กันแน่

แต่ว่าตอนนี้ เจียงชิวไป๋เริ่มรู้สึกรางๆ ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ตอนนี้เอง ด้านหลังเนินหิมะสีขาวนั้นมีหมาป่ายักษ์สีขาวระดับราชาอีกตัวเดินออกมาช้าๆ มาหยุดลงข้างราชาหมาป่าทั้งสองตัวก่อนหน้า แล้วค่อยๆ หยุดนิ่งลง อากัปกิริยามั่งคงไม่ไหวเอน ท่ายืนถูกต้อง ท่าทาง การวางเท้า เหมือนกับราชาหมาป่าสองตัวก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยน ราวกับฝึกซ้อมมาอย่างมีลำดับขั้นตอน…

หากบอกว่าหมาป่าขาวธรรมดาก่อนหน้าฝึกฝนมาอย่างมีระเบียบแล้วละก็ ราชาหมาป่าสามตัวนี้ก็เป็นแม่ทัพที่บัญชาการกองทหารเหล่านี้

แต่ว่าแม่ทัพก็แค่แม่ทัพ ไม่ใช่ราชา

ทว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนกัน ถึงจะฝึกฝนราชาหมาป่าจนกลายเป็นแม่ทัพได้?

สิ่งที่ทำให้เจียงชิวไป๋คิดไม่ถึงคือ ต่อมาก็มีหมาป่ายักษ์ระดับราชาอีกสิบเอ็ดตัวเดินออกจากด้านหลังเนินหิมะ แยกออกเป็นสองด้านของราชาหมาป่าสามตัวก่อนหน้า ซ้ายแถวหนึ่งขวาแถวหนึ่ง ประดุจองครักษ์ราชาหมาป่าสองกลุ่ม

หลังจากนั้น เสียงหอนเรือนหมื่นของหมาป่าดังขึ้นอีกครั้ง

หมาป่าขาวทั้งหมดแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า ดุจกำลังกู่ร้องแสดงความเคารพ

รูม่านตาของเจียงชิวไป๋หดเล็กลง

เขารู้ เจ้านายตัวจริงกำลังมาแล้ว

สิ่งที่ทำให้ราชาหมาป่าขั้นเหนือมนุษย์สิบสี่ตัวเชื่องได้ การดำรงอยู่อันลึกลับที่รวมหมาป่าสิบสี่ฝูงเข้าด้วยกันกำลังจะปรากฏตรงหน้านี้แล้ว แม้ว่าเป็นขั้นเทวะ ในใจของเจียงชิวไป๋ก็ยังเฝ้ารอคอย ตอนนี้เขาคิดออกแล้ว ที่มาของฝูงหมาป่าขาวเกินกว่าหมื่นตัวนี้…ชัดเจนว่ามีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงตนหนึ่งควบรวมฝูงหมาป่าขาวจากที่ต่างๆ เอาไว้ด้วยกันในเวลาสั้นๆ แค่ไม่ถึงปี

จะเป็นอะไรกันแน่?

จักรพรรดิแห่งแสงสว่างรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว?

“ราชาหมาป่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สง่างามนัก ถ้าหากเป็นจักรพรรดิแห่งแสงสว่างรุ่นใหม่ สิ่งที่เจ้าจะได้เห็นคือชีวิตที่สง่างามที่สุดแห่งท้องทุ่งหญ้านี้ เป็นผลงานรังสรรค์แห่งฉางเซิงเทียน” เจียงชิวไป๋อดกล่าวขึ้นอย่างทอดถอนใจไม่ได้

เขาในปีนั้นเคยเห็นจักรพรรดิแห่งแสงสว่างตัวนั้น ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันลืม

ต่อมา ภายใต้สายตาเฝ้ารอคอยอย่างมากของเจียงชิวไป๋ ภายใต้การจับจ้องอย่างสนใจของซ่างกวนอวี่ถิง เสียงไพเราะกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเนินหิมะ…

“โฮ่ง โฮ่งๆๆ!”

ท่ามกลางเสียงเห่าสุนัขใสกังวาน ร่างหนึ่งที่มีขนดำขาวไล่ระดับกันเดินออกมาจากด้านหลังเนินหิมะนั้น

สิ่งมีชีวิตนี้ตัวเล็กกว่าหมาป่าขาวธรรมดาเล็กน้อย หน้าอ้วนหูใหญ่ สะบัดพวงหางหนาก้นอ้วน วิ่งระริกระรี้มาอย่างไร้ซึ่งมาด ลิ้นยาวสีชมพูแลบออกจากปาก พ่นไอสีขาวออกมา สิ่งมีชีวิตที่สีหน้าโดยกำเนิดเป็นยิ้มแป้นสามส่วน ตลกขบขันสามส่วน และประจบสอพลออีกเสียสี่ส่วน

ที่แท้มันคือ…

สุนัข…ตัวหนึ่ง???

ซ่างกวนอวี่ถิงมึนงงอยู่บ้าง หันขวับไปทางเจียงชิวไป๋