บทที่ 87 สังหาร Ink Stone_Fantasy
พลังแฝงจาก ‘พร’ ของแจนสันไม่มีส่งผลให้เขามีจุดเดือดต่ำ แต่เขามีสัญชาตญาณที่แม่นยำ ช่วงวินาทีที่สัมผัสได้ถึงอันตราย แจนสันพลิกข้อมือและฟาดแส้หนังไปด้านหลังสุดกำลัง
ลูเซียนพร้อมรับมืออยู่แล้วและเขาเร็วกว่าแจนสัน เท้าหนึ่งตั้งหลักบนพื้น ลูเซียนเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน เขาตัดแส้หนังด้วยกริชในมืออย่างง่ายดาย
ไม่เสียเวลาลังเล แจนสันขว้างแส้ทิ้ง คว้าลูกตุ้มเหล็กสามหัวจากบนโต๊ะ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ภายใต้ชุดเกราะหนังแทบจะระเบิดออกมา นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับกระทิงที่ฉุนเฉียวเต็มที่
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธขนาดมหึมาของแจนสัน ลูเซียนหยุดเคลื่อนที่และโปรยผงละเอียดลงบนพื้น
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว
ฟ้าร้องคำรามระเบิดเสียงดังเกือบล้มแจนสันลงให้สิ้นสติได้ในวินาทีนั้น ส่วนอัศวินฝึกหัดอีกสี่นายที่เหลือในจังหวะที่กำลังหยิบอาวุธ ก็ถูกโจมตีด้วยพลังคลื่นเสียงรุนแรงจนล้มพับกองกับพื้น
ลุงโจเอลกับป้าอะลิซ่าก็หมดสติไปเช่นกัน
‘เวทกวัดแกว่งโฮแมน’ เป็นเวทมนตร์ระดับนักเวทฝึกหัดซึ่งใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเป็นอาวุธ เมื่อใช้ให้ถูกจังหวะ เวทมนตร์ระดับล่างก็ใช้ได้ผลดี
เมื่อเผชิญกับเสียงฟ้าร้องคำราม ตัวลูเซียนเองก็ออกอาการเหมือนกัน แต่เมื่อเขาสามารถตั้งหลักได้อีกครั้ง แจนสันก็ได้สติกลับมาเหมือนกัน เขาเริ่มแกว่งลูกตุ้มเหล็กขนาดมหึมาในมือ
ลูกตุ้มเหล็กสามหัวดูท่าทางหนักมาก ทั้งสามหัวของลูกตุ้มมีลักษณะต่างกัน หัวแรกมี ‘พลังสายฟ้า’ อีกหัวมี ‘พลังไฟ’ ส่วนหัวสุดท้ายเป็น ‘เมือกพิษ’ เหนียวๆ สีเขียว
แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของแจนสันแข็งแกร่งราวกับหิน ทั้งคุกใต้ดินสะเทือนด้วยเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด เขาฟาดลูกตุ้มเหล็กไปมาอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนคำว่า ‘ป้องกัน’ ไม่เคยบรรจุอยู่ในพจนานุกรมของเขา
ลูเซียนแปลกใจเล็กน้อย อัศวินส่วนใหญ่ไม่ว่าจากฝ่าย ‘ศาสนจักร’ หรือฝ่าย ‘อัศวินดำ’ ต่างได้รับการฝึกทักษะการต่อสู้แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม แจนสันไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มนี้ บางทีคงเป็นเพราะร่างกายที่ทรงพลัง จนไม่จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การต่อสู้ในหัว
การเข้าปะทะโดยตรงเป็นความคิดที่โง่เกินไป และลูเซียนฉลาดกว่านั้น เขาใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลาด้วยพลังแฝงจาก ‘พรแสงจันทร์’ ลูเซียนเคลื่อนที่ไปรอบๆ อย่างว่องไวในคุกใต้ดิน หลบหัวลูกตุ้มเหล็กทั้งสามไปมาอย่างฉวัดเฉวียน เฝ้ารอให้อัศวินดำเหนื่อยจนหมดแรง
อย่างไรเสีย ไม่นานลูเซียนก็รู้ว่าแผนนี้ชักจะไม่ได้ผล ดูเหมือนเขาเป็นฝ่ายที่จะหมดแรงเสียก่อน แสงสายฟ้าแปลบปลาบบนลูกตุ้มเหล็กลูกหนึ่งค่อยๆ ทำให้ร่างกายของเขาชา แม้ว่ามันจะไม่ได้โดนตัวลูเซียนสักครั้ง
ลูเซียนไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป เขาถอยหลังมาตั้งหลักให้ห่างจากแจนสันที่กำลังฟาดตุ้มเหล็กราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ในไม่กี่วินาทีต่อมา แจนสันก็เดินมาอยู่ตรงหน้าลูเซียนอีกครั้ง กวัดแกว่งลูกตุ้มเหล็กสีดำอย่างหนักหน่วง
ลูเซียนโปรยผงสะท้อนแสงอีกหยิบมือหนึ่งลงบนพื้น ลูเซียนรียกใช้เวทโดยไม่ต้องร่ายคาถา แม้ว่าต้องใช้พลังวิญญาณมากกว่าเดิม แต่ก็คุ้มที่จะเสี่ยง
ลูกไฟสว่างจ้าพลันก็ปรากฏขึ้นในคุกใต้ดิน และส่องแสงสว่างไปทั่วเหมือนกับพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
แจนสันหลับตาป้องแสงตามสัญชาตญาณ วินาทีนี้เขาต้องหยุดเคลื่อนไหว และวินาทีเดียวก็มากพอแล้วสำหรับลูเซียน
ลูเซียนย่อตัวลงเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่แจนสัน เร็วประหนึ่งลูกธนู กริชในมือแวววาวไปด้วยผนึกความเย็น
แจนสันพลิกข้อมือในหวังโจมตีลูเซียนด้วยลูกตุ้ม แต่ช้าเกินไป แม้ลูกตุ้มทั้งสามหัวไล่เฉียดหลังลูเซียน แต่เขาก็สามารถเข้าใกล้ตัวแจนสันในระยะประชิด!
อย่างไรก็ตาม กริชเงินของลูเซียนเกือบหักเป็นสองท่อนเมื่อเขาปักกริชลงกลางอก ด้วยพลังแฝงจากพร ‘โทสะอำมหิต’ กล้ามเนื้อแผงอกของแจนสันแข็งแกร่งประดุจแผ่นหินที่อยู่ภายใต้เกราะหนังอย่างดีอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากการโจมตีต่อเนื่องไม่หยุดพัก แจนสันยังมีสุดยอดพลังป้องกันอีกด้วย!
ลูกตุ้มเหล็กเฉี่ยวหลังลูเซียนไปไม่กี่เซนติเมตร
แจนสันมองลูเซียนพร้อมรอยยิ้มป่าเถื่อนบนใบหน้า แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อศัตรูร่างเล็กกระจิดริดกลับยิ้มกลับให้เขา
อัศวินดำเพิ่งสัมผัสถึงอันตรายร้ายแรง เบี่ยงตัวไปข้างหลังอย่างเร็ว แจนสันพยายามจะหลบการโจมตีระลอกสอง
‘เวทดาบน้ำแข็งพาล์เมรา’ ดาบน้ำแข็งสามด้ามพุ่งพรวดเล็งเป้าหอคอย หัวใจ และช่วงท้องของแจนสัน
เนื่องจากทั้งสองคนอยู่ในระยะประชิด แม้แจนสันพยายามเอี่ยวตัวหลบถอยหลัง แต่คมดาบจ่อมาถึงแล้ว
แม้คมดาบที่เล็งเป้าหัวใจถูกหยุดด้วยมัดกล้ามอกซ้ายอันแข็งแกร่ง แต่อีกสองด้ามตัดเข้าคอหอยและเฉือนหน้าท้องของเขาจนเปิดออกเหวอะหวะ เลือดทะลักออกมาแต่กลายเป็นน้ำแข็งในพริบตา
ขณะเดียวกัน ลูเซียนเรียกใช้พลังแสงจันทร์คลุมร่าง ป้องกันการโจมตีจากลูกตุ้มเหล็กได้ทันการณ์ แม้พลังไฟและพิษถูกกันไว้ด้วย ‘เกราะแสงจันทร์’ ของลูเซียน แต่พลังสายฟ้ายังทะลุผ่านปะทะเขาเต็มๆ
ทั้งแจนสันและลูเซียนร่วงลงกองกับพื้นพร้อมกัน ลูเซียนขยับตัวไม่ไหวจากพลังทำลายของสายฟ้า เขารู้สึกเจ็บปวดแสบปวดร้อนอยู่ภายในกาย
โครม! ลูกตุ้มเหล็กหลุดจากมือแจนสันร่วงลงพื้นเช่นกัน
เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดออกมาจากลำคอแจนสันอย่างติดๆ ขัดๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ ลูเซียนยังเห็นเลือดสดๆ พุ่งทะลักออกจากร่างใหญ่ๆ ของเขา
อีกไม่นาน เสียงครวญครางก็หยุดลง ดวงตาของแจนสันเบิกโพลง เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและตกตะลึง
ลูเซียนดันร่างยืนขึ้นอย่างยากลำบาก จนขาทั้งสองขาปักหลักได้มั่นคง เขาเดินเข้าไปที่ร่างไร้วิญญาณของแจนสันช้าๆ หักคออัศวินจอมป่าเถื่อนให้แน่ใจว่าจะไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาอีก
โชคดีที่กลยุทธ์การรบของเขาเป็นผล ด้วยการซ่อนพลังจาก ‘พร’ และ ‘แหวนอาฆาตเหมันต์’ อุปกรณ์เวทมนตร์ประจำตัว ลูเซียนแกล้งทำตัวเหมือนเป็นนักเวทฝึกหัดธรรมดาๆ ถ้าแจนสันไม่ได้ประเมินศัตรูอย่างเขาต่ำไป ลูเซียนอาจเจอปัญหาใหญ่
ลูเซียนไม่ลังเลที่จะจัดการอัศวินฝึกหัดคนอื่นๆ ที่กำลังพยุงตัวขึ้นจากพื้นด้วยอาการมึนงง หักคออัศวินฝึกหัดทุกคนอย่างเยือกเย็น
เขาตั้งใจเก็บทอมไว้จัดการคนสุดท้าย
“ข้าขอ… เมตตาข้าเถอะ… ได้โปรด!” ทอมร้องขณะคลานหนีไปกับพื้น
“เมตตา?” ลูเซียนย้ำคำอย่างถากถาง “ตอนชาวบ้านตาดำๆ ขอ เจ้าเคยเมตตาไหม?”
เงื้อมมือเย็นเฉียบคว้าคอทิม นิ้วมือค่อยๆ รัดแน่นเข้าๆ จนมีเสียงกระดูกหักดังจากคอของทิม
มาถึงตอนนี้ ลูเซียนไม่มีความกลัวและความลังเลในการ ‘สังหาร’ อีกต่อไป ในโลกนี้ คนอย่างเขาหากไม่ชิงลงมือก่อน ก็จะเป็นฝ่ายถูกสังหาร
…
ยกลูกตุ้มเหล็กขึ้นมา ลูเซียนเริ่มฟาดใส่ร่างไร้วิญญาณทั้งห้าร่าง เพื่อทำลายหลักฐาน
……………………………………….