บทที่ 336 ศิลาโบราณต้องห้ามของเผ่าคุนสุญตา
คุนซวีและคุนอวี้ยืนข้างกันกลางวิหารเก่าแก่
ตรงหน้าพวกเขาเป็นอ่างปลายักษ์ ในอ่างปลามีปลาเค็มแช่อยู่ตัวหนึ่ง
แค่กๆ มีคุนแช่อยู่ตัวหนึ่ง
ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชั่วยามหลังสองคนพบเสิ่นเทียนครั้งแรก แต่ในใจพวกเขายังยากจะสงบลงได้
คุนซวี “โอรสสวรรค์!”
คุนอวี้ “เซียนมาเยือน!”
คุนหมิงที่อยู่ในอ่างปลาพูดไม่ออก
ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดคุนหมิงก็ทนกับบิดาและพี่สาวที่มองตนด้วยสีหน้าแปลกประหลาดไม่ได้
ปากนกของเขากระตุกขึ้น “ท่านพ่อ ท่านพี่ พวกท่านคุยกับเจ้านั่นเป็นอย่างไรบ้าง เขาไม่ยอมคืนวิชาคุนเผิงใช่หรือไม่”
คุนซวีหน้ามืดลงเล็กน้อย “เจ้านั่นอะไร ไอ้พวกไร้มารยาท นั่นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์!”
คุนอวี้ชำเลืองตามองคุนหมิงทีหนึ่ง ก่อนพูดในใจ ‘นั่นคือพี่เขยเจ้าในอนาคต!’
คุนซวีมองคุนหมิงในอ่างปลา เดิมทียังทนไม่ไหวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลายเป็นรสมะนาวเต็มปากไปแล้ว
เขาทำเสียงขึ้นจมูก “วันนี้ข้าได้พบบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าควรจะหัดเอาอย่างราศีเขาบ้างจริงๆ มีพรสวรรค์น้อยนิดก็แหงนรูจมูกขึ้นฟ้า วางอำนาจใหญ่โตในทะเลอุดร และยังมีหน้าไปชิงรักหักสวาทล่วงเกินคนอื่นเขาอีก โชคดีที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีจิตใจเหนือธรรมดา ไม่เอาเรื่องเจ้า ไม่เช่นนั้นแค่เจ้าปะทะกับเขาไม่กี่ครั้ง เขาก็หั่นเจ้าเป็นปลาแผ่นไปนานแล้ว”
คุนหมิงพูดด้วยความโกรธแค้น “เหตุใดท่านพ่อถึงต้องเข้าข้างคนอื่น เสิ่นเทียนเป็นเพียงระดับกายทองตัวเล็กๆ หากไม่ใช่เพราะลูกธาตุไฟเข้าแทรก แค่มือเดียวก็ปราบเขาได้แล้ว!”
คุนอวี้มองคุนหมิงพลางหัวเราะเยาะ เหมือนกับมองคนโง่ “เจ้าน้องชายโง่ของข้า เจ้าช่างไม่รู้อะไรเลยกับศักยภาพของฟ้า”
ดวงตานางเปล่งประกายแสงสว่างวาววับเหมือนกับดวงดารา “นั่นคือโอรสสวรรค์สูงสุดที่แท้จริง พรสวรรค์ของเจ้าเทียบกับเขาแล้วเหมือนกับฝุ่นธุลี”
คุนหมิงงุนงง
ท่านพี่ ครึ่งชั่วยามก่อนท่านบอกว่าจะทุบตีไอ้เด็กนั่นระบายความแค้นให้ข้าไม่ใช่รึ เหตุใดผ่านไปครู่เดียว ตอนพูดถึงเขาถึงได้เหมือนอยู่ในช่วงแสดงกำหนัด ท่านเป็นปลาไหลกะล่อนรึ
ผู้เป็นบิดาย่อมรู้จักลูกชายของตนดี เมื่อเห็นสีหน้าของคุนหมิง คุนซวีก็รู้ว่าในใจเจ้าเด็กนี่ต้องไม่ยินยอมแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะอึดอัดใจอะไรบางอย่าง
เพื่อไม่ให้มีของเสียเข้าไปในสมองเจ้าเด็กนี่และไปหาเรื่องเสิ่นเทียน คุนซวีจึงตัดสินใจว่าจะเตือนเขาก่อน
คุนซวีเดินมาหน้าอ่างปลายักษ์ช้าๆ ก่อนเคาะผนังอ่างปลาเบาๆ
ก๊อก~
คลื่นเสียงรุนแรงทำให้ของเหลวทั้งอ่างปลาหมุนม้วน ร่างคุนหมิงพลันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปพักหนึ่งถึงหยุดหมุน
เมื่อเห็นคุนหมิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจแล้ว ราชาเทพคุนก็เอ่ยอย่างเฉยชา “เขย่าสมองเจ้าหน่อย ตื่นๆ และจะได้บอกเจ้าด้วยว่าศักยภาพของเสิ่นเทียนเหนือกว่าพี่สาวเจ้าอีก อย่าคิดว่าฟื้นพลังแล้วจะไปหาเรื่องใส่ตัวเลย”
อะไรนะ!
พอได้ฟังคำพูดของบิดา คุนหมิงตกใจนิ่งอึ้งไปเลย
คุนหมิงรู้ศักยภาพของพี่สาวตน ถึงอย่างไรก็โดนคุนอวี้ทุบตีมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ กระทั่งตอนเยาว์วัย แรงขับเคลื่อนแรกสุดที่ทำให้คุนหมิงพยายามฝึกฝนก็เพื่อสักวันจะแข็งแกร่งกว่าพี่สาว
จากนั้น ไม่ต้องโดนพี่สาวทุบตีอีก~
แต่คุนหมิงรู้ดีว่าพี่สาวทะลวงระดับผ่านเทวะไปนานแล้ว
หากเป็นระดับผ่านเทวะธรรมดาคงไม่มีอะไร คุนหมิงมีความมั่นใจว่าจะสู้ได้กระทั่งเอาชนะ
แต่ตัวคุนอวี้เองก็เป็นธิดาสวรรค์สูงสุดของทะเลอุดร คุณสมบัติด้อยกว่าคุนหมิงครึ่งส่วนเท่านั้น ก่อนทะลวงพลังสำเร็จ คุนหมิงแทบจะไม่มีทางเสมอกับคุนอวี้ได้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอาชนะ
การจะเอาชนะคุนอวี้ อย่างน้อยต้องทะลวงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์!
คุนหมิงกัดฟันด้วยความโกรธ “บัดซบ! เจ้านี่ได้สมบัติอะไรมาในเขตทะเลเบิกฟ้ากันแน่ ถึงทะลวงระดับผ่านเทวะได้ในไม่กี่เดือนสั้นๆ”
คุนซวีเอามือตบหน้าผาก เหมือนมองปลาโง่ “ระดับพลังของเขายังอยู่กายทอง”
ระดับกายทองรึ
คุนหมิงผงะไป จิตสำนึกคิดว่าเป็นไปไม่ได้
เขาพึมพำกับตัวเอง “ไม่มีทาง ระดับกายทองจะเอาชนะระดับผ่านเทวะได้อย่างไร”
นี่คือการท้าทายความรู้ของเขาอย่างสมบูรณ์ ต่อให้เป็นผู้จริงแท้ที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำกว่านี้ก็ไม่มีทางสู้กับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ได้
นี่คือสัจธรรมที่ห้าดินแดนยอมรับ ถึงอย่างไรการข้ามขั้นระดับพลังใหญ่ต่อสู้ได้ก็ต้องเป็นยอดอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น มากพอจะเรียกว่าโอรสสวรรค์
ข้ามสองระดับพลังใหญ่และยังชนะได้ นี่เรียกว่าอะไร
ปีศาจ สัตว์ประหลาด วิปริตหรือ
เขามองคุนซวีด้วยความสงสัย “ท่านพ่อ เหตุใดท่านต้องหลอกข้า ท่านคือบิดาข้าจริงๆ รึ ไม่สิ นี่จะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ มีคนบุกเข้ามาในหุบเหวสิ้นหวังคิดจะใช้วิชามายาจัดการข้า คิดว่าข้าจะถูกหลอกรึ!
ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าถอนวิชามายาแล้วออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นถ้าท่านพ่อกับท่านพี่ข้ามาถึง ต่อให้พวกเจ้าเป็นผู้อริยะก็อย่าหวังได้ออกไป!”
คุนซวีพูดไม่ออก
คุนอวี้มุมปากกระตุกเล็กน้อย น้องชายดีๆ โดนกระทบกระเทือนจนเป็นบ้าไปแล้ว
ก็ใช่อยู่ คุนสุญตากลายเป็นเผิง เดิมทีคือการเปลี่ยนต้นกำเนิด กายเนื้อและจิตวิญญาณต้องใช้ต้นกำเนิดจำนวนมาก
คุนหมิงธาตุไฟเข้าแทรก อยู่ในสภาวะไม่มั่นคงมาตลอด ตอนนี้จู่ๆ ได้ยินเรื่องราวหนักเช่นนี้ ถูกกระตุ้นก็เป็นเรื่องปกติมาก
……
คุนอวี้มองคุนหมิงด้วยความจำใจ “ท่านพ่อ ถ้าไม่เช่นนั้น ท่านให้กำเนิดอีกคนดีหรือไม่”
คุนซวีมุมปากกระตุกนิดๆ เจ้าเด็กนี่คิดว่าคุนหมิงใกล้จะทะลวงระดับผู้สูงศักดิ์สวรรค์แล้ว จากนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้ทุบตีแล้ว หรืออยากให้ข้าให้กำเนิดน้องชายมาให้เจ้ารังแกอีกคนกัน
แม้เทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ยิ่งมองเจ้าเด็กโง่นี่จะยิ่งรู้สึกไร้ประโยชน์ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรชายของตน คุนซวีเลยได้แต่บีบจมูกยอมรับ
เขาพูดด้วยความจำใจ “ไอ้คนไร้อนาคต ยอมรับว่าบุตรคนอื่นดีกว่าตัวเองมันยากขนาดนั้นเลยรึ กบในกะลา! บุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนคืนวิชาคุนเผิงสมบูรณ์มาให้เผ่าเราแล้ว มีบุญคุณยิ่งใหญ่กับเผ่าเรา ภายภาคหน้าถ้าเจ้าไปสร้างปัญหาให้เขาอีก คอยดูว่าพ่อจะจัดการเจ้าอย่างไร”
เมื่อเอ่ยจบคุนซวีก็เพ่งสายตามองเล็กน้อย แสงหม่นสีฟ้าพุ่งออกจากมือ จมเข้าไปในระหว่างคิ้วคุนหมิง
ทันใดนั้น คุนหมิงรู้สึกว่ามีวิชาลึกลับอย่างยิ่งลอยขึ้นมาในความคิดตน นั่นคือวิชาดั้งเดิมของสัตว์เทพคุนเผิง
หากบอกว่าวิชาคุนคือหยิน วิชาเผิงคือหยาง หยินอย่างเดียวไม่กำเนิด หยางอย่างเดียวไม่เติบโต เช่นนั้นวิชาคุนเผิงสมบูรณ์ก็จะหลอมรวมวิชาคุนและวิชาเผิงเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
เดิมทีแม้คุนหมิงจะตระหนักวิชาคุนเผิงได้ผิวเผิน ฝืนกลายเป็นเผิงล้มเหลว แต่ก็มีภาพจำกับเค้าโครงของวิชาคุนเผิง เขาคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าวิชาคุนเผิงที่ปรากฏในความคิดตนตอนนี้คือของจริงแน่นอน
หากฝึกตามวิชานี้ สักวันหนึ่งจะต้องกลายเป็นเผิงได้!
ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่วิชามายารึ
แค่ตระหนักวิชาคุนเผิงสมบูรณ์คร่าวๆ คุนหมิงก็ยากจะสงบความตื่นเต้นในใจลงได้แล้ว เขามองคุนซวีกับคุนอวี้ ทว่าเมื่อนึกถึงคำพูดของสองคนเมื่อครู่ เขาก็เป็นบ้าไปอีกครั้ง
กายทองสยบผ่านเทวะ ไม่ใช่เรื่องจริงกระมัง!
แต่ตอนนี้ได้วิชาคุนเผิงสมบูรณ์มาแล้ว พลังเทพที่ปั่นป่วนในตัวคุนหมิงก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากัน จิตใจเริ่มมั่นคงทีละนิด
อืม~
หลักๆ คือเมื่อได้วิชาคุนเผิงมาแล้ว คุนหมิงพลันรู้สึกตัวเบา เหมือนจะหลุดพ้นจากพันธนาการบางอย่าง การปรับพลังเทพเหมือนมีเทพคอยช่วยอยู่
แม้จะยังถูกกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก แต่ก็มีภูมิต้านทานแกร่งกว่าก่อนหน้านี้แล้ว อย่างน้องก็ไม่เสียสติ
……
เมื่อเห็นคุนหมิงจิตใจมั่นคง คุนซวีก็พยักหน้าช้าๆ “ครั้งนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่แค่คืนวิชาสูงสุดให้เผ่าเรา แต่ยังมอบใบชาตระหนักรู้กับข้าอีกใบ มีมูลค่าเท่าเมือง”
คุนซวีมองบุตรชายกับบุตรสาวของตนพลางพูดขึ้น “เดี๋ยวข้าจะไปต้มชาตระหนักรู้พวกเจ้าดื่มไปหลายๆ แก้ว นี่จะมีส่วนช่วยในการตระหนักวิชาคุนเผิงของพวกเจ้าอย่างมาก”
คุนหมิงแบะปาก “ใครจะอยากได้ใบชาของเจ้านั่นกัน ลูกตระหนักวิชาคุนเผิงเองก็เข้าใจความลี้ลับในนั้นได้ทั้งหมด!”
คุนซวีหน้ามืดลงทีละนิด เจ้าเด็กดวงซวยนี่ ตอนนี้นับวันยิ่งไม่เชื่อฟัง!
เหมือนจะนึกอะไรได้ คุนซวีจึงตอบกลับ “ดีมาก เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องดื่ม”
คุนซวีพูดพลางนำเครื่องชาระดับสูงสุดออกมาชุดหนึ่ง วางตรงหน้าคุนหมิงอย่างสง่าผ่าเผย ใช้น้ำแร่วิญญาณระดับสูงสุดที่เผ่าคุนเก็บสะสมไว้เริ่มนำมาล้าง
ใช้ไฟวิญญาณต้มเครื่องชาจนสะอาดหมดแล้ว ทั้งเครื่องชาก็ส่งกลิ่นหอมชาออกมาบางๆ นั่นคือกลิ่นหอมชาที่หลงเหลือมาจากการต้มชาวิญญาณในอดีต
เหมือนมีเสียงมรรคดังขึ้นในอากาศ มีความลี้ลับของกฎเกณฑ์วนเวียน มหัศจรรย์อย่างยิ่ง
คุนหมิงแบะปาก ก็แค่ต้มชาตระหนักรู้ไม่ใช่รึ!
เสิ่นเทียนล่อลวงน้องเผียนเซียนของข้าอย่างชั่วช้า ชิงคนรักของข้า อย่าคิดว่าคืนวิชาคุนเผิงแล้ว ข้าจะสำนึกในบุญคุณ!
ต้องมีสักวันที่ข้าจะเอาชนะเจ้าอย่างสง่าผ่าเผย ให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าพ่ายแพ้!
ใช่ จนถึงตอนนี้คุนหมิงก็ยังไม่เชื่อว่าเสิ่นเทียนจะเอาชนะคุนอวี้ได้
ในมุมมองเขา จะต้องเป็นเพราะพี่สาวผู้หลงรูปของตนเห็นว่าเสิ่นเทียนหน้าตาดี จึงจงใจอ่อนข้อให้แน่
ขอแค่ตนพยายามฝึกฝนวิชาคุนเผิงฉบับสมบูรณ์ สักวันจะต้องเป็นคุนเผิงแท้จริง เอาชนะเสิ่นเทียน!
ถึงตอนนั้นน้องเผียนเซียนก็จะกลับมาหลงรักข้า กลับมาอยู่ในอ้อมกอดข้าเช่นกัน
ดังนั้น ตอนนี้ข้าจะไม่มีทางดื่มชาที่เสิ่นเทียนให้มาเด็ดขาด ถึงอย่างไรถ้ารับของคนอื่นมาแล้วก็ต้องยอมเขาด้วย
วิชาคุนเผิง พูดได้ว่าเผ่าคุนใช้สามประกายวารีเทพแลกมา
หากเขาดื่มชาตระหนักรู้ของเสิ่นเทียน จากนี้จะกู้สถานการณ์กลับมาอย่างไร
หึ บอกว่าไม่ดื่มก็ไม่ดื่ม!
คุนสุญตากระดูกเหล็กอย่างข้าจะไปยอมงอเพราะใบชาเดียวได้อย่างไร
ชั่วขณะที่คุนหมิงตั้งใจว่าจะไม่ดื่มชาตระหนักรู้และตั้งใจจะศึกษาวิชาคุนเผิงสมบูรณ์นั้น ในที่สุดคุนซวีก็นำใบชาออกมา
…….
ยังไม่เปิดขวดหยกขาว มองผ่านขวดก็ได้ยินเสียงมรรคลึกลับดังในมวลอากาศแล้ว
เสียงมรรคนี้ลึกลับลอยล่อง ไม่อาจศึกษาความหมายลึกลับในนั้นได้เลย แต่กลับแฝงไว้ด้วยท่วงทำนองเทพพิเศษอย่างหนึ่ง
ทันทีที่เสียงมรรคดังขึ้น คุนซวีกับคุนหมิงรู้สึกว่าพลังเทพวิชาคุนเผิงในกายกำลังคึกคักขึ้นมาอย่างชัดเจน
คุนหมิงในอ่างปลาหลับตาปิดสนิทนิดๆ เหมือนยังตกตะกอนตั้งใจตระหนักมรรค เพียงแค่ปากนกกระตุกโดยไม่รู้ตัว เหมือนปวดฟันหน่อยๆ
คุนซวียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นำใบชาตระหนักรู้ที่ขยับแสงสีเงินออกมาจากขวดหยกขาว ทันใดนั้นเสียงมรรคลอยล่องก็ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
ใบชาลอยขึ้นกลางอากาศเองแม้ไร้สายลม เหมือนกับคุนเผิงฉบับย่อส่วนลอยขึ้นลงกลางพลังวิญญาณที่ปกคลุมอย่างหนาทึบ
กลิ่นหอมชาพลันอบอวลไปทั้งวิหารใหญ่
คุนซวีใช้สองมือประสานทีละมุทราตบเข้าใส่ใบชาตระหนักรู้นั้น
ทันใดนั้น กลิ่นหอมชาตระหนักรู้ถูกกระตุ้นขึ้นทุกด้าน ทั้งวิหารใหญ่ปกคลุมไปด้วยหมอกชาสีขาวหนาทึบ
ในกลิ่นหอมชาหนาทึบนั้น จิตวิญญาณของคุนซวีกับคุนอวี้ฮึกเหิมขึ้นมาเหมือนได้เสพยา ทักษะการตระหนักรู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
“มหัศจรรย์มาก!”
คุนซวีพึมพำกับตัวเอง เสียงไม่เบา มั่นใจว่าคุนหมิงในอ่างปลาได้ยินแน่นอน
ดวงตาเขาเร่าร้อนขึ้นมา “ใบชานี้ไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่ข้าคิดไว้อีก ไม่มีทางที่จะมาจากต้นชาตระหนักรู้แสนปีอย่างแน่นอน อย่างน้อยต้องเป็นต้นชาตระหนักรู้สามแสนปี กระทั่งห้าแสนปีขึ้นไป!
มูลค่าของใบชานี้เทียบได้กับอาวุธอริยะที่ไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่งเลย! ชาเหยือกหนึ่งเท่ากับอาวุธอริยะ ฟุ้งเฟ้อ ฟุ้งเฟ้อเกินไปแล้ว! อวี้เอ๋อร์ เดี๋ยวเจ้าดื่มไปเยอะๆ หน่อย”
คุนอวี้เผยรอยยิ้มน่าหลงใหล “ลูกเข้าใจ จะพยายามตระหนักวิชาคุนเผิง พัฒนาสายเลือดในเร็ววัน กลายเป็นร่างจริงคุนเผิงให้ได้”
คุนซวีต้มชาตระหนักรู้ไปพลาง พยักหน้าชื่นใจไปพลาง “เจ้ามีความคิดเช่นนี้ พ่อก็ปลื้มใจ”
กลิ่นหอมในวิหารใหญ่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คุนหมิงในอ่างปลาเริ่มหยุดกำหนดลมหายใจช้าๆ มีเสียงกลืนน้ำลายดังมาจากในปากนก
ดวงตาที่ปิดสนิทลืมตาขึ้น มองน้ำชาเดือดปุดๆ นั้นตาปริบๆ
กลิ่นนี้ หอมจริงๆ~
แต่จะเห็นได้ชัดว่าคุนซวีไม่ได้คิดจะแบ่งชาให้คุนหมิง
เขาใช้น้ำแร่วิญญาณต้มชาตระหนักรู้แบ่งท่วงทำนองมรรคในใบชาออกมาช้าๆ ต้มเป็นชาเหยือกแรก
รินให้คุนอวี้กับตัวเองหนึ่งแก้วแล้ว คุนซวีก็พูดด้วยรอยยิ้ม “อวี้เอ๋อร์ ข้าจะเชิญให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาเป็นพันธมิตรมนุษย์กับเผ่าเรา เจ้าคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
คุนอวี้เหมือนนึกอะไรได้ก็หน้าแดงเล็กน้อย “ท่านพ่อเป็นเจ้าเผ่า เรื่องเชิญสหายเสิ่นมาเป็นพันธมิตร ไฉนต้องหารือกับลูกด้วย”
คุนซวีเผยรอยยิ้ม ‘เข้าใจ’ “ก็ต้องให้เจ้าลงนามทำสัญญากับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่รึ! ย่อมต้องใคร่ครวญถึงความยินยอมของเจ้าด้วย แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ยินดี พ่อก็จะไปหาสตรีคนอื่นในเผ่ามาทำสัญญากับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์”
ถึงอย่างไร คนที่เขาต้องขี่ก็คือเจ้า!
……
คุนอวี้ดื่มชาตระหนักรู้เบาๆ น้ำชาร้อนๆ ลงท้อง ทำให้นางหน้าแดงขึ้นมา
นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือโอรสสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในดินแดนบูรพา มีความสัมพันธ์กับเผ่ามังกรไม่ธรรมดา หากเลือกสตรีในเผ่าตามอำเภอใจไปทำสัญญากับเขา ก็อาจจะดูไม่ให้ความสำคัญมากพอ
ลูกเป็นองค์หญิงใหญ่ในเผ่า ได้รับเกียรติยศของเผ่า ย่อมต้องรับหน้าที่ขององค์หญิง เรื่องลงนามให้ท่านพ่อเป็นคนตัดสินใจแล้วกัน”
คุนหมิงในอ่างปลางุนงง
นี่มันอะไรกัน
เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงต้องเป็นพันธมิตรมนุษย์ของเผ่าคุนเรา
พวกท่านเคยถามความเห็นข้าหรือไม่ พวกท่านไม่รู้หรือว่าข้ามีความขัดแย้งกับเจ้านั่น จากนี้จะต้องทุบตีเขาน่ะ
สารเลวเสิ่นเทียน แย่งน้องเผียนเซียนของข้าไปยังไม่เท่าไร ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าหมายปองพี่สาวข้า หรือจากนี้คิดจะร่วมมือกับพี่สาวมาทุบตีข้ากัน
บัดซบ รังแกคุนเกินไปแล้ว รังแกคุนเกินไปแล้ว!
คุนหมิงลืมตาขึ้น ตะโกนอยู่ในอ่างปลา “ข้าขอคัดค้าน ข้าขอคัดค้านที่เจ้านั่นจะมาเป็นพันธมิตรของเผ่าเรา”
ราชาเทพคุนชำเลืองตามองบุตรชายโง่เขลาของตนทีหนึ่ง ก่อนจะรินชาตระหนักรู้เองดื่มเองแก้วหนึ่ง “บุตรศักดิ์สิทธิ์เสิ่นเทียนไม่ได้ขี่เจ้า คนไร้ประโยชน์อย่างเจ้ามีสิทธิ์มาคัดค้านตั้งแต่เมื่อไร”
ราชาเทพคุนดื่มชาตระหนักรู้แล้วเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า ในดวงตาสองข้างเหมือนมีทะเลดาราลอยอยู่
เขาถอนหายใจ “ชาดี เป็นชาดีจริงๆ! ดื่มชานี้แล้วปิดด่านบำเพ็ญสักสองสามวัน ตระหนักความลึกลับของวิชาคุนเผิง ข้าจะต้องก้าวหน้าไปอีกขั้นแน่นอน!”
คุนอวี้เอ่ย “ท่านพ่อ เผ่าเรากับเผ่ามังกรไม่ถูกกัน หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีติดในด้านไมตรีกับเกาะมังกร ไม่ตกลงทำสัญญากับลูกล่ะจะทำอย่างไร”
ราชาเทพคุนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะมีสีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาทันที
ใช่~
เกิดบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปฏิเสธจะทำอย่างไร
หากเป็นคนทั่วไป ถ้าได้เป็นพันธมิตรกับเผ่าคุนจะต้องมีควันดำลอยโชยเหนือหลุมศพบรรพบุรุษแน่
แต่ราชาเทพคุนไม่ลืมว่าเสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชคที่แท้จริง เป็นบุตรแท้ๆ ของสวรรค์
จะเป็นพันธมิตรของเผ่าคุนหรือไม่ สำหรับเขาแล้วเหมือนจะไม่มีความต่างอะไรเลยจริงๆ
การกอดต้นขาเหมือนจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นจริงๆ!
เฮ้อ ชาในปากเหมือนจะไม่มีรสชาติอะไรแล้ว~
……….
ผ่านไปพักใหญ่ ราชาเทพคุนก็ตบต้นขา “รู้แล้ว ให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ศึกษาศิลาโบราณต้องห้าม!”
ศึกษาศิลาโบราณต้องห้ามรึ
คุนอวี้ทำหน้าแปลกๆ “ท่านพ่อ ท่านจริงจังรึ”
ศิลาโบราณต้องห้ามที่ว่านี้คือศิลาทองสัมฤทธิ์ที่บรรพบุรุษเผ่าคุนกู้ขึ้นมาจากหุบเหวสิ้นหวัง บนนั้นแกะสลักลายมรรคอันลึกลับอย่างยิ่ง
ลายมรรคนี้มหัศจรรย์มาก ในนั้นแฝงไว้ด้วยความหมายลึกลับของมหามรรค ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหาอริยะก็ยังมีแรงดึงดูดถึงแก่ชีวิต
เล่าลือว่าบรรพบุรุษเผ่าคุนสุญตาก็เคยตระหนักศิลาทองสัมฤทธิ์นี้ ระดับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากจนพิสูจน์มรรคได้รับขนานนามว่าจักรพรรดิ
จากนั้นเป็นใหญ่ในทะเลอุดร ให้กำเนิดสายเลือดเผ่าคุนสุญตา
ดังนั้นศิลาหินชิ้นนี้จึงถูกเรียกว่าศิลาจุดกำเนิดของเผ่าคุนสุญตา มีฐานะสูงส่ง โอรสสวรรค์คนสำคัญของเผ่ายังเข้าใกล้ไม่ได้
กระทั่งมหาอริยะคุนเผิงในตอนนั้นเสี่ยงอันตรายดำลงไปในหุบเหวสิ้นหวังสี่ล้านจั้ง ก็เพราะหวังว่าจะค้นพบสมบัติคล้ายๆ กับศิลาหินชิ้นนี้
น่าเสียดาย เขาไม่ได้ดวงดีขนาดนั้น
เช่นนั้นเหตุใดศิลาโบราณมหัศจรรย์เช่นนี้ เผ่าคุนถึงเรียกมันว่าศิลาต้องห้าม!
เหตุผลง่ายมาก เพราะตั้งแต่โบราณกาลมา สุดยอดโอรสสวรรค์ที่ตระหนักศิลาหินนี้ นอกจากบรรพบุรุษรุ่นแรกแล้วไม่มีใครมีจุดจบที่ดี
บ้างนั่งแห้งเหี่ยวอยู่หน้าศิลาโบราณหลายพันปี ใช้ต้นกำเนิดไปจนหมดใกล้สิ้นชีพก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
บางคนฝืนตัวถอยจากศิลาโบราณ ปรากฏว่าธาตุไฟเข้าแทรก พลังเทพระเบิดตัวเองตาย
และยังมีบางคนเหมือนจะตระหนักวิชาสูงสุดบางอย่าง ทั้งตัวกลายเป็นท่วงทำนองมรรคถูกศิลาโบราณดูดไป
ใช่ ถูกศิลาโบราณดูด
อีกทั้งตอนที่โอรสสวรรค์พวกนั้นถูกศิลาโบราณดูด ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม เหมือนว่าการหลอมรวมเป็นหนึ่งกับศิลาโบราณคือเรื่องอันทรงเกียรติที่สุด
จุดจบแปลกประหลาดเช่นนี้ ย่อมทำให้ชาวเผ่าคุนมากมายขนพองสยองเกล้า
นานวันเข้า เผ่าคุนก็ไม่มีใครกล้าตระหนักศิลาต้องห้ามอีก กระทั่งยังพูดถึงน้อยลง
……
ดวงตาคุนซวีเป็นประกายเร่าร้อน “ทุกคนรู้ว่าหากไม่มีคุณสมบัติของมหาจักรพรรดิสะท้านโลกกับดวงชะตาที่อยู่เหนือห้าดินแดน การตระหนักศิลาหินนี้แทบจะเรียกว่าส่งไปตาย! แต่ว่าเสิ่นเทียนไม่มีหรือ”
ราชาเทพคุนพูดอย่างมั่นใจ “หากแม้แต่เสิ่นเทียนยังไม่อาจตระหนักวิชาจากในศิลาโบราณได้ เช่นนั้นก็คงไม่มีใครตระหนักได้แล้ว”
น่าเสียดายก็แต่ตอนที่บรรพบุรุษตระหนักวิชาในศิลาโบราณสำเร็จ ไม่ได้ถ่ายทอดมรดกให้เพราะมีเหตุผลว่า ‘วิชานี้อันตรายเกินไป’
หากไม่เช่นนั้น จะได้ถ่ายทอดให้เสิ่นเทียนได้เลย จะได้ไม่ต้องให้เสิ่นเทียนไปเสี่ยงเช่นนี้
“ข้าจะแจ้งเรื่องนี้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก่อน ต้องคุยเรื่องผลประโยชน์และเสียประโยชน์ให้ชัดเจน!”
หลังจากครุ่นคิดแล้ว ราชาเทพคุนก็รู้สึกว่าต้องจัดการเรื่องนี้ให้แน่นอนหน่อย
ถึงอย่างไรจะไม่มีผลประโยชน์ก็ได้ แต่หากเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้น เขาก็แบกรับไม่ไหว!
ราชาเทพคุนกับคุนอวี้ดื่มชาตระหนักรู้ไปทีละแก้ว น้ำชาเหยือกนั้นใกล้จะเห็นก้นแล้ว
อีกด้านหนึ่ง จิตใจของคุนหมิงเย็นเยือกสุดขีด
เพิ่งได้วิชาคุนเผิง ชาตระหนักรู้นี่จึงเย้ายวนเขาถึงที่สุด
เดิมทีคิดว่าบิดาแค่ทำท่าทางไปอย่างนั้น ถึงอย่างไรก็พ่อลูกกัน อย่างไรก็ต้องแบ่งให้ถ้วยหนึ่ง
ไม่นึกเลยว่าเขาจะใจอำมหิตเช่นนี้จริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่เหลือไว้ให้ข้าสักถ้วย หรือข้าถูกเก็บมาเลี้ยงกัน
เมื่อเห็นคุนซวีรินน้ำชาตระหนักรู้ส่วนสุดท้ายออกมา ไม่เหลือสักหยดแล้ว ในที่สุดคุนหมิงก็ทนไม่ไหว
…..
เขาลืมตาขึ้นมองคุนซวีกับคุนอวี้ตาปริบๆ “คือว่า ท่านพ่อ ท่านพี่…ชานี่หอมมาก! จะ…จะแบ่งให้ข้าสักถ้วยได้หรือไม่”
……………………………….