บทที่ 337 กระบี่คู่ม่วงคราม เคล็ดกระบี่สูงสุด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 337 กระบี่คู่ม่วงคราม เคล็ดกระบี่สูงสุด

วิหารแสงศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักที่เผ่าคุนใช้ต้อนรับแขกที่ทรงเกียรติที่สุด

ตำหนักนี้แกะสลักขึ้นจากผลึกหินล้ำค่าของทะเลอุดรทุกส่วน แวววาวระยิบระยับงดงาม

รอบๆ ตำหนักนี้ปลูกพืชแปลกมหัศจรรย์ กลิ่นหอมคละคลุ้ง ลำพังแค่ระดับความเข้มของพลังวิญญาณก็มากกว่าที่อื่นในทะเลอุดรหลายเท่า

เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับปิดด่านบำเพ็ญของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ นำแหวนเก็บของที่คุนซวีให้ออกมา

สารภาพตามตรง คุนซวีนี่ใจกว้างมาก พื้นที่ในแหวนเก็บของนี้ไม่เล็กไปกว่าแหวนเวหาเลย แค่มูลค่าของแหวนนี้ก็เทียบเท่ากับอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดแล้ว

แน่นอน ถ้าเทียบกับของในแหวนนี้ ก็ต่างกันอย่างชัดเจน

ในแหวนนี้มีอาวุธอริยะสามชิ้นกับวารีเทพใสแวววาวก้อนหนึ่งลอยอยู่ เปล่งแสงสว่างระยิบระยับ

ชิ้นแรกในอาวุธอริยะสามชิ้นเป็นเสื้อคลุมสีเงิน มีลายกฎเกณฑ์จางๆ ทุกส่วน แทบจะหลอมรวมกับมวลอากาศเป็นหนึ่งเดียว หากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่พบ

บนเสื้อคลุมห้อยม้วนหยกไว้ ในนั้นเขียนความเป็นมาของเสื้อคลุมนี้ไว้

เสื้อคลุมนี้มีนามว่า ‘เสื้อคลุมสุญญะ’ เป็นอาวุธอริยะระดับล่าง แต่ระดับความล้ำค่าเทียบได้กับอาวุธอริยะระดับกลางธรรมดา

เพราะเมื่อสวมเสื้อคลุมตัวนี้จะเก็บกลิ่นอายตนได้อย่างสมบูรณ์ เข้าไปหลอมรวมกับมวลอากาศได้เป็นหนึ่งเดียว แม้แต่ผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังหาตัวได้ยาก

ในการต่อสู้ เสื้อคลุมนี้จะควบคุมพลังของมิติช่วยเจ้าของต้านการโจมตีส่วนใหญ่ได้ เรียกได้ว่าเป็นอาวุธอริยะป้องกันรักษาชีวิต

แม้ผลการอำพรางพลังจะไม่มีประโยชน์กับเสิ่นเทียน แต่เขาชอบรูปลักษณ์ของเสื้อคลุมนี่มาก อีกทั้งเจ้านี่ยังเหมาะกับวิชาคุนเผิงของเขามาก

สวมเสื้อคลุมตัวนี้ วิชาคุนเผิงของเขาจะหลอมรวมกับมวลอากาศ อานุภาพก็น่าจะแกร่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ส่วนอาวุธอริยะชิ้นที่สองกับสาม เป็นกระบี่ยาวอาวุธอริยะระดับล่างคู่หนึ่ง เล่มหนึ่งสีม่วงทั้งเล่ม อีกเล่มเป็นสีครามทุกส่วน

กระบี่สองเล่มนี้คือหนึ่งชุด กระบี่สองเล่มร่วมกันสังหารศัตรู อานุภาพเทียบได้กับอาวุธอริยะระดับกลาง มีอานุภาพน่าสะพรึงฆ่าล้างเทพและพุทธ แหลมคมอย่างยิ่ง

เล่าลือว่ากระบี่ชุดนี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เขตขุนเขา เป็นของเลียนแบบของกระบี่คู่ม่วงครามอาวุธสุดยอดของสำนักเขตขุนเขา

กระบี่คู่ม่วงครามที่แท้จริงหลอมขึ้นจากทองคำเซียนสูงสุดสองชนิด เป็นอาวุธจักรพรรดิแท้จริง มีพลังน่าสะพรึงที่ไร้พ่ายในห้าดินแดน

แม้อานุภาพของกระบี่คู่นี้จะห่างชั้นกับกระบี่คู่ม่วงครามของแท้นั้นไปไกล แต่ก็เป็นกระบี่ที่ผู้อริยะกระบี่สุดยอดท่านหนึ่งในยุคโบราณเมื่อหมื่นปีก่อนตั้งใจฟูมฟัก

ในสนามรบครั้งนั้น มีวิญญาณร้ายสิ้นชีพใต้กระบี่อริยะคู่นี้นับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าทรงพลังไม่มีใครต้านได้

น่าเสียดาย ผู้อริยะกระบี่ท่านนั้นก็เป็นเพียงผู้อริยะ สุดท้ายก็ยังถูกศัตรูแข็งแกร่งสังหาร

ภายใต้โชคชะตาชักพา กระบี่อริยะคู่นี้จึงตกมาอยู่ในมือของเผ่าคุน

แต่เผ่าคุนไม่ค่อยมีคนชอบใช้กระบี่มาตั้งแต่โบราณแล้ว กระบี่อริยะคู่นี้จึงถูกเก็บในคลังสมบัติของเผ่าคุนมาตลอด

ตอนนี้ในเมื่อจะให้ของขวัญกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จึงใช้กระบี่สองเล่มนี้มาผูกวาสนาดีกันได้ ถึงอย่างไรคุนซวีก็จำได้ว่าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ใช้กระบี่

เป็นศิษย์ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ วิชากระบี่ของเสิ่นเทียนก็น่าจะใช้ได้เช่นกัน เขาน่าจะชอบกระบี่ม่วงครามคู่นี้กระมัง!

ความจริงคุนซวีก็คาดเดาไว้ไม่ผิด เสิ่นเทียนชอบกระบี่คู่ม่วงครามนี้มากจริงๆ

อานุภาพเป็นอย่างไรไว้ก่อน แค่หน้าตาก็ดีเกินจริงไปมาก

……

เล่มหนึ่งมีสีม่วงทุกส่วน เหมือนแกะสลักขึ้นมาจากหยกม่วง แผ่ท่วงทำนองวิญญาณสีม่วงออกมาทุกส่วน งดงามมาก อีกเล่มเป็นสีครามทุกส่วน งดงามมากเช่นกัน เหมือนกับไม่ใช่อาวุธสังหาร แต่เป็นงานศิลปะ

แม้อานุภาพของกระบี่คู่นี้จะเทียบกับกระบี่ฟ้าสังหารไม่ได้แน่ แต่กระบี่ฟ้าสังหารคือไพ่ตายของเสิ่นเทียน กระบี่คู่นี้เอามาฟันพวกปีศาจน้อยในเวลาปกติได้ดียิ่ง

เสิ่นเทียนยื่นมือขวาออกมา บีบโลหิตบริสุทธิ์สีแดงอมทองหยดหนึ่งออกมา จากนั้นแบ่งเป็นสองส่วนส่งไปในกระบี่คู่ม่วงคราม ครู่เดียวก็จมหายเข้าไป

ทันใดนั้น กระบี่ล้ำค่าสองเล่มนี้พลันเปล่งแสงสว่าง

ทั้งตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมด้วยแสงกระบี่ม่วงครามสว่างจ้า เจตจำนงกระบี่ทรงพลังตัดสลับกันไปในระยะโดยรอบหมื่นจั้ง ทำให้สิ่งมีชีวิตก้นทะเลมากมายขนพองสยองเกล้า ตัวสั่นงันงก

กระบี่อริยะสองเล่มส่งเสียงกระบี่ไพเราะ ราวกับกำลังแสดงความยินดีที่ตนได้พบเจ้านายใหม่ อีกทั้งเจ้านายยังหล่อเหลาเช่นนี้

ก็ได้!

กระบี่ระดับอาวุธอริยะยังไม่เกิดสติปัญญา ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก

ตอนนี้ที่กระบี่คู่ม่วงครามคึกคักเช่นนี้ เพียงเพราะโลหิตในกายเทพกระบี่ฟ้าได้กระตุ้นเจตจำนงกระบี่ของพวกมันออกมา

ตอนนี้หลังจากดูดเลือดของเสิ่นเทียนแล้ว อานุภาพของสองกระบี่ก็ฟื้นกลับมาในทุกด้าน กระทั่งยังตัดสลับจู่โจมกัน ออกมาเป็นเคล็ดกระบี่ลึกลับยากจะคาดเดาบางอย่าง

เสิ่นเทียนไม่รีบร้อนเก็บกระบี่ แต่ปล่อยให้กระบี่สองเล่มนี้ปะทะกันตรงหน้าเขา

กระบี่ม่วงกับกระบี่ครามปะทะกันแต่ละครั้ง เหมือนกับนักกระบี่สุดยอดที่มีวิชากระบี่สูงสุดสองคนกำลังประลองกัน

ทางด้านเสิ่นเทียนดวงตาเปล่งแสงสีเงิน เจตจำนงกระบี่ลึกล้ำแผ่มาจากรอบตัวเขาเช่นกัน เขากำลังตระหนักและเรียนรู้เคล็ดกระบี่นี้อย่างละเอียด

เขาสัมผัสได้ว่าเคล็ดกระบี่นี้มีอานุภาพไม่ธรรมดา ทำให้กายเทพกระบี่ฟ้าของเขากู่ร้องพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มรดกธรรมดา มีโอกาสสูงที่จะเป็นคัมภีร์จักรพรรดิ!

บางทีอาจจะเป็นเคล็ดกระบี่สูงสุดที่บันทึกในคัมภีร์จักรพรรดิกระบี่เขตขุนเขาที่เจ้าของเดิมของกระบี่คู่ม่วงครามนี้ฝึกฝนก็ได้!

……

หากเป็นคนปกติ การจะตระหนักวิชาลับที่ไม่เผยแพร่ของแดนศักดิ์สิทธิ์เขตขุนเขาจากกระบี่คู่ม่วงคราม เรียกได้ว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน

ทว่าเสิ่นเทียนมีกายเทพกระบี่ฟ้ากับเนตรมรรคสวรรค์ประทาน ทำให้การตระหนักรู้ต่อกระบี่มากพอจะทำให้นักกระบี่ในใต้หล้าอับอาย ตอนนี้จึงตระหนักความหมายลึกลับออกมาได้ไม่น้อย

“เคล็ดกระบี่ม่วงคราม!”

ดวงตาเสิ่นเทียนวาววับ สองมือคีบเป็นนิ้วกระบี่

ไอกระบี่สีม่วงครามพุ่งออกมาจากตัวเขา พริบตาเดียวก็หมุนม้วนไปหลายพันจั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเสิ่นเทียนออกจากห้องลับมาข้างนอกแล้ว เกรงว่าตอนนี้ทั้งตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์คงโดนไอกระบี่ของเขาทำลายจนสิ้นซาก

กระบี่จงมา!

เสิ่นเทียนเพ่งสายตาเล็กน้อย กระบี่คู่ม่วงครามที่เดิมทียังตัดสลับกันพลันกลายเป็นประกายสายรุ้งสองสายเข้าไปในมือเสิ่นเทียน

แสงกระบี่สีม่วงครามหลั่งไหลเข้าไปในกระบี่อริยะสองเล่มนี้ไม่หยุด แสงกระบี่รอบตัวเสิ่นเทียนทำลายล้างทุกอย่างราวกับเทพกระบี่!

เซ่นไหว้!

เสิ่นเทียนคีบนิ้วกระบี่ ทันใดนั้นสองกระบี่ม่วงครามก็พุ่งออกไปพร้อมกัน กลายเป็นสายรุ้งยาวสองสายพุ่งไปไกลร้อยลี้ ฟันหินยักษ์ก้อนหนึ่งแหลกเป็นผุยผง

อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเสิ่นเทียน เขาสัมผัสได้ว่าหากตนยินดี ก็จะยืดระยะไปได้ไกลกว่านี้อีก

เห็นได้ชัดว่าเคล็ดกระบี่ม่วงครามนี้คือยอดวิชาสูงสุดที่คุมกระบี่สังหารศัตรู

เมื่อฝึกถึงระดับลึกล้ำ ระหว่างพูดคุยหัวเราะก็เด็ดศีรษะคนที่ห่างไปพันลี้ได้

อานุภาพการโจมตีน่ากลัวมาก!

รูปลักษณ์ก็ดีถึงที่สุด!

……

มอบอาวุธอริยะให้ชุดหนึ่ง ทั้งยังแนบวิชาคุมกระบี่ระดับจักรพรรดิมาให้ ชาวเผ่าคุนนี่เกรงใจกันมากจริงๆ

เสิ่นเทียนเก็บกระบี่คู่ม่วงครามไปอย่างพึงพอใจ ก่อนจะมองของขวัญชิ้นสุดท้าย…ต้นกำเนิดสามประกายวารีเทพ

และนี่ คือสิ่งที่เสิ่นเทียนสนใจมากที่สุดในสมบัติสี่ชิ้นในแหวนเก็บของ

ถึงอย่างไรต่อให้อาวุธอริยะสามชิ้นจะล้ำค่ากว่านี้ สำหรับเสิ่นเทียนแล้วจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ได้เพิ่มกำลังรบของเสิ่นเทียนเท่าไร

แต่สิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินชิ้นนี้ โดยเฉพาะสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินสิบอันดับแรก สำหรับคุณสมบัติกายพิเศษอย่างเสิ่นเทียนแล้ว นี่คือของบำรุงที่สมบูรณ์แบบที่สุด

หากหลอมรวมต้นกำเนิดสามประกายวารีเทพก้อนนี้ได้ กำลังรบของเสิ่นเทียนจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น นี่เป็นของจำเป็น

ถึงอย่างไรมันก็อยู่อันดับหกในรายนามวารีแท้ ล้ำค่ายิ่งกว่าน้ำมวลหนักปฐมกาล

เสิ่นเทียนนำสามประกายวารีเทพออกมาจากแหวนเก็บของ เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าร่างกายตนเกิดความกระหายอย่างแรงกล้า

เขาต้องการ~

เขายื่นมือขวาออกไปช้าๆ เข้าไปในต้นกำเนิดวารีเทพ

ทันใดนั้นวารีเทพใสแวววาวก็เริ่มหลอมรวมเข้าไปในมือเสิ่นเทียน ก่อนจะเข้าไปในกายของเขา

พลังชีวิตที่เปี่ยมล้นอย่างยิ่งพลันอัดแน่นไปทั่วร่างกายเสิ่นเทียน ทำให้ทุกทวารของเขาเปล่งแสงสว่างออกมาอย่างบ้าคลั่ง

นั่นคือท่วงทำนองวิญญาณของสามประกายวารีเทพกำลังแผ่กระจาย แฝงไว้ด้วยพลังงานแก่กล้าที่คืนชีพคนใกล้สิ้นลมหายใจได้

ตอนนี้หากมีคนธรรมดาที่บาดเจ็บหนักมาอยู่ข้างกายเสิ่นเทียน แค่สัมผัสกับแสงวิญญาณเล็กน้อยก็จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับมาได้ทั้งหมด

นี่ ก็คือสมบัติสุดยอดสูงสุดในอันดับหกของรายนามวารีแท้…สามประกายวารีเทพ!

เผ่าคุนทำใจมอบให้ได้จริงๆ~

ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนกำลังมีความสุขอยู่ในใจนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในความคิดเขา “บุตรศักดิ์สิทธิ์ เชิญมาที่คุยกันที่ตำหนักราชาคุนหน่อย”

คุ้นหูมาก เป็นเสียงของราชาเทพคุน

ตอนนี้เจ้านี่ควรจะต้มชาตระหนักรู้วิชาคุนเผิงอยู่ไม่ใช่รึ

เสิ่นเทียนผงะไปเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายให้ผลประโยชน์มาเยอะขนาดนี้ ก็ต้องให้เกียรติกันบ้าง

เสิ่นเทียนปรับลมหายใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลายเป็นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งไปยังตำหนักราชาคุน เรียกความสนใจมากมายไปตลอดทาง

ถึงอย่างไรเผ่ามนุษย์หล่อเหลาเช่นนี้ก็มีให้เห็นน้อยมากในหุบเหวสิ้นหวัง!

……

ตำหนักราชาคุนที่คุ้นเคย ราชาเทพคุนและคุนอวี้ที่คุ้นเคย

ถ้าบอกว่ามีสิ่งเดียวที่ทำให้เสิ่นเทียนแปลกใจ นั่นก็คือเขาพบคุนหมิง

เจ้านี่ยืนตัวสูงใหญ่อยู่ตรงนั้น เหมือนกับหมีดำ ทั้งยังอารมณ์ไม่ดีด้วย

แต่จะเห็นได้ชัดว่าเจ้าคุนหมิงนี่น่าจะโดนคุนซวีอบรมมาแล้ว ตอนนี้พบเสิ่นเทียนจึงไม่ได้โมโห

ในทางตรงข้าม เขาอึดอัดจนใบหน้าใหญ่แดงก่ำ โค้งตัวให้เสิ่นเทียนช้าๆ “เสิ่นเทียน ข้าขอโทษเจ้าด้วย! ข้าคิดเล่นงานเจ้าเพราะองค์หญิงเผียนเซียน อยากจะสั่งสอนเจ้ามาตลอด ไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับไม่คิดแค้นเรื่องในอดีต ไม่ใช่แค่คืนวิชาคุนเผิงช่วยรักษาให้ข้า

แต่ยังมอบใบชาตระหนักรู้คุนเผิงกับเผ่าข้า ท่านพ่อบอกข้าแล้ว ขะ…ข้าควรเอาอย่างเจ้า!”

ยิ่งพูดถึงช่วงท้าย ใบหน้าใหญ่ของคุนหมิงก็แดงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับตักขึ้นมาจากในหม้อ ร้อนมาก!

คุนหมิงสาบานว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยรู้สึกอัปยศเช่นนี้มาก่อน!

แต่ก็ช่วยไม่ได้!

กินของคนอื่นเขาแล้วก็ต้องยอม เขาตอบตกลงกับบิดาว่าจะขอโทษบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างจริงใจ ถึงได้ดื่มชาตระหนักรู้

กลิ่นชานั่นหอมมากจริงๆ!

ท่านพ่อพูดถูก ชีวิตของคุน มีเพียงละวางสิ่งที่หนักอึ้งลงถึงจะบินไปได้สูงกว่า

อย่างเช่นเกียรติ!

ดังนั้นข้าจึงไม่มีเกียรติแล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น คุนหมิงเหมือนตระหนักอะไรได้บางอย่าง ความคิดพลันโลดแล่น

กระทั่งคอขวดที่เดิมทีไม่อาจตระหนักได้ในวิชาคุนเผิง ตอนนี้ยังรู้สึกเปิดโล่งปลอดโปร่งนิดๆ

เวลานี้พลังที่แผ่มาจากตัวคุนหมิงแข็งแกร่งขึ้น ลอยล่องขึ้น เหมือนจะกลายเป็นเผิงสวรรค์บินขึ้นฟ้าได้ตลอดเวลา

เจ้านี่ เหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว

เสิ่นเทียนไม่คิดอะไรมาก ไม่เคยคิดแค้นคุนหมิงด้วย

ถึงอย่างไรก็เป็นชาวสวนผักกุยช่าย ก็ควรจะมีจิตใจไม่เลือกที่รักมักที่ชังต่อผักกุยช่ายทั้งหมดอยู่แล้ว

ต้องใจกว้าง เป็นมิตรฉันพี่น้อง ต่อให้ผักกุยช่ายจะมองตนเป็นศัตรูอยู่ช่วงหนึ่ง ก็ต้องใช้ความรักละลายพวกเขา ใช้เหตุผลกำราบพวกเขา

นานวันเข้าเหล่าผักกุยช่ายโอรสสวรรค์พวกนี้จะเติบโตแข็งแกร่ง เป็นลูกรักของเสิ่นเทียน

นี่ ก็คือความรักอันยิ่งใหญ่ไร้พรมแดน~

…….

เสิ่นเทียนยิ้ม “สหายคุนทำเป็นคนอื่นคนไกลไป แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับเผ่าคุนมีไมตรีต่อกันมาแต่โบราณกาล เข้าใจผิดกันไปบ้างก็ไม่ต้องใส่ใจเลย”

ราชาเทพคุนชำเลืองตามองคุนอวี้ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ คนกันเองก็ไม่ต้องเกรงใจกัน ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กโง่นี่ไม่รู้เรื่อง บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่โกรธก็ดีแล้ว”

ราชาเทพคุนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะมองเสิ่นเทียน “ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคยได้ยินเรื่องศิลาโบราณต้องห้ามของเผ่าข้าหรือไม่”

ศิลาโบราณต้องห้ามรึ

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากชื่อแล้วไม่ใช่ของมงคลอะไร

ราชาเทพคุนเล่าเรื่องศิลาโบราณต้องห้ามไม่หยุดปาก ไม่ได้ปิดบังจุดจบของผีดวงซวยที่ตระหนักรู้ล้มเหลวพวกนั้นด้วยเช่นกัน

คนที่เคยตระหนักศิลาโบราณนี้มีแต่เป็นจักรพรรดิ คนอื่นล้วนสิ้นชีพทั้งหมดรึ

เสิ่นเทียนหนาวสั่น คนโง่สิที่จะไปยุ่งกับเจ้าบ้านี่!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเงียบ ราชาเทพคุนกลับไม่ได้ร้อนใจ “เรื่องนี้อันตรายมาก บุตรศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ตรึกตรองแล้วกัน ข้าแจ้งกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ท่าทีของเขาเหมือนจะให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง สนับสนุนเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข”

อย่างนั้นรึ

เสิ่นเทียนหลับตาลง เงียบอยู่ครู่หนึ่ง

ผ่านไปเนิ่นนานเขาถึงลืมตาขึ้นช้าๆ “โอรสสวรรค์ทั้งหลายไม่ควรจะเกรงกลัวสิ่งใด แม้ศิลาต้องห้ามจะอันตรายยากจะคาดเดา แต่ในเมื่อมีคนตระหนักวิชาสูงสุดจากในนั้นได้ ข้าก็ทำได้เช่นกัน!

ข้า จะตระหนักศิลาโบราณต้องห้าม!”

……

คำพูดนี้ฮึกเหิมห้าวหาญ พูดจนคุนอวี้ดวงตาลุกวาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

แม้แต่คุนหมิงยังใจลอยไปนิดๆ ศิลาโบราณต้องห้ามอันตรายเช่นนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่กลัวเลยรึ

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอยู่บ้าง มีคุณสมบัติแย่งน้องเผียนเซียนกับข้า

แต่ก็แค่ฝืนใจยอมรับได้เท่านั้น ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

องค์หญิงเงือกอวี้เผียนเซียน เป็นของข้าเท่านั้น!

……………………………..…