ตอนที่ 148 สัญญาเป็นโมฆะ (2) / ตอนที่ 149 กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของฉีเหยียนซีอย่างเต็มใจ (1)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 148 สัญญาเป็นโมฆะ (2) 

 

 

เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าดูดีใจขนาดนั้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขาก็เกร็งขึ้นทีละน้อยๆ ปลายนิ้วเริ่มสั่น น้ำเสียงเองก็เริ่มสั่นเทาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน “นี่เหรอเรื่องที่เธออยากคุยกับฉัน” 

 

 

“ใช่! เรื่องนี่แหละ!” อันซย่าซย่าพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกราวกับหัวใจเขาเล่นรถไฟเหาะตีลังกา จากจุดสูงสุดแล้ววูบตกลงมายังจุดต่ำสุด  

 

 

เขากำลังจะ…สารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอ  

 

 

แม้ว่าตัวเขาเองจะคิดว่ามันเป็นความคิดที่น่าขัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เริ่มต้นเข้าหาอันซย่าซย่าด้วยความผิดชอบชั่วดีที่ชัดเจนตั้งแต่แรก แต่เขาก็เป็นคนที่มักจะทำอะไรตามที่หัวใจบอกเสมอ 

 

 

เพราะว่าเขาชอบเธอ จึงอยากจะบอกให้เธอรู้ความรู้สึกของเขา เขาอยากจะอยู่ใกล้เธอ และอยากจะแสดงออกอย่างเปิดเผยในฐานะแฟนของเธอ 

 

 

ทว่า… 

 

 

เขาเป็นคนทะนงตัวมาตั้งแต่เด็ก—และเขาก็มีเหตุผลที่เป็นอย่างนั้น 

 

 

แต่ในแง่ของความสัมพันธ์แล้ว ตัวเขาเองเป็นเหมือนกับผืนผ้าใบว่างเปล่า 

 

 

นอกจากนั้น เขากลับลืมเรื่องที่สำคัญที่สุดไป… 

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความคิดหวังของเขา แต่อันซย่าซย่าจะรู้สึกต่อเขาแบบเดียวกันหรือเปล่า 

 

 

เห็นได้ชัดว่าไม่ 

 

 

ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ปฏิเสธจูบของเขา คงไม่หลบหน้าเขา หรือพยายามทุกวิถีทางที่หลบเลี่ยงเขา… 

 

 

อยู่ๆ วินาทีนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าเขาทำตัวน่าหัวเราะ 

 

 

เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความรักแต่กลับพยายามอย่างหนักที่จะรัก แต่ก่อนที่จะเขาจะได้ขยับเขยื้อนอะไรต่อไป เขากลับพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา 

 

 

ความเงียบของเขาทำให้หญิงสาวไม่สบายใจ เธอกัดเล็บพลางถามด้วยเสียงเบาๆ “เซิ่งอี่เจ๋อ นายเป็นอะไรหรือเปล่า” 

 

 

ชายหนุ่มมองเธออย่างสงบเงียบ นัยน์ตาดำสนิทจนดูราวกับหลุมดำที่สามารถสูบเธอเข้าไปในนั้นได้เลย 

 

 

ในที่สุด เขาก็ได้แต่ยิ้มเยาะตัวเอง “ไม่จำเป็นหรอก อันซย่าซย่า สัญญาของเราสิ้นสุดลงแล้ว เราหายกันแล้วนะ” 

 

 

“อะไรนะ” อันซย่าซย่าตกตะลึง 

 

 

สัญญาที่คอยรบกวนจิตใจเธอมาตลอดถูกยกเลิกง่ายๆ เท่านี้เองเหรอ 

 

 

“เธอทำอะไรให้ฉันมากมายและฉันก็พอใจมาก ดังนั้นก็แค่นั้นแหละ” น้ำเสียงเขาฟังดูสิ้นไร้อารมณ์ “หรือไม่อย่างนั้นก็คิดเสียว่าฉันเป็นฝ่ายผิดสัญญาก็แล้วกัน” 

 

 

เธอกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความงงๆ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกลืนน้ำลายพลางมองจ้องเข้าไปในดวงตาเธอซึ่งกระจ่างใสราวกับแก้วเจียระไน เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ที่สุดแล้วก็เงียบไป 

 

 

เขาเดินลงไปชั้นล่าง ปล่อยให้อันซย่าซย่ายืนงงอยู่อย่างนั้น 

 

 

หญิงสาวนิ่วหน้า ทำไมในอกเธอถึงปวดตุบๆ หลังจากที่เซิ่งอี่เจ๋อบอกเธอว่าพวกเราหายกันแล้ว 

 

 

 

 

 

กลับมาที่ชั้นสองของบ้าน โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ 

 

 

อันอี้เป่ยเป็นพ่อครัวชั้นยอด ซึ่งเขาไม่ได้แสดงฝีมือบ่อยนัก ดังนั้นความพยายามของเขาในวันนี้จึงได้รับการปรบมือชมเชยจากทุกคน 

 

 

เฉียวมู่สวาปามของกินโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธอเลย และนั่นทำให้อันอี้เป่ยเบ้ปากใส่ 

 

 

หลังจากมื้อค่ำ สมาชิกทั้งสามของสตาร์รี่ไนต์ก็กลับขึ้นไปชั้นบน จากนั้นอันอี้เป่ยก็ไล่น้องสาวกลับไปทำการบ้านที่ห้อง แล้วก็พาเฉียวมู่ไปที่ห้องของเขา 

 

 

 

 

 

เฉียวมู่หยอกเขาเล่น “เป่ยเป่ย นายไม่กลัวว่าฉันจะกลายร่างเป็นหมาป่าแล้วขย้ำนายหรือไง” 

 

 

อันอี้เป่ยตีหน้านิ่ง “ของที่ให้ช่วยหาอยู่ที่ไหน” 

 

 

เฉียวมู่ถอนหายใจก่อนทำสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นเธอก็หยิบแฟ้มออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา 

 

 

“ฉันคิดว่าคราวก่อนนายคงจะเห็นรูปแล้วสินะ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและอ่อนโยนมาก… แต่โชคร้ายที่ป่วยตายไปเมื่อครึ่งปีก่อน…” 

 

 

อันอี้เป่ยสั่นเทา เขาเปิดแฟ้มเพื่อดูใบมรณะบัตรที่อยู่ภายใน ก่อนจะทันรู้ตัว น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาภายในดวงตาเขา 

 

 

“อย่าบอกซย่าซย่า” 

 

 

เฉียวมู่อดค้านไม่ได้ “ไม่ช้าเธอก็จะต้องรู้อยู่ดี” 

 

 

“ไม่ใช่ตอนนี้!” อันอี้เป่ยขึ้นเสียง 

 

 

เฉียวมู่เงียบงันไป แววสะเทือนใจไหววูบอยู่ในดวงตาเธอ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 149 กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของฉีเหยียนซีอย่างเต็มใจ (1) 

 

 

วันต่อมา อันซย่าซย่าไปโรงเรียนก็พบว่าที่นั่งข้างเธอนั้นว่างเปล่า เซิ่งอี่เจ๋อยังถ่ายฉากของเขาไม่เสร็จ  

 

 

หลังจากความพ่ายแพ้เมื่อคืนนี้แล้ว ฉีเหยียนซีก็เลิกมานั่งข้างเธอเหมือนกัน แม้แต่สีหน้าของเขาที่มองเธอก็กลับเฉยชา 

 

 

หญิงสาวหดคอก้มหน้า พยายามขดตัวให้เหลือเล็กที่สุด 

 

 

ไป่จือเย่ว์ ครูประจำชั้นของห้องซีประกาศหลังจากเลิกคลาส 

 

 

“จะมีการแข่งขันบาสเกตบอลซึ่งจะมีโรงเรียนมัธยมปลายเข้าร่วมราวหนึ่งร้อยโรงเรียนอีกไม่นานนี้ มีใครต้องการเข้าร่วมทีมนักบาสของโรงเรียนบ้างจ๊ะ” 

 

 

นักเรียนทั้งห้องส่งเสียงฮือฮาปรึกษากันทันที  

 

 

เมื่อมองไปยังที่นั่งข้างๆ เธอซึ่งว่างเปล่า อยู่ๆ อันซย่าซย่าก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อจะต้องเสนอตัวเข้าร่วมทีมอย่างแน่นอนถ้าเขานั่งอยู่ตรงนี้  

 

 

น้ำเสียงอวดดีของฉีเหยียนซีดังขึ้นในตอนนั้นเอง “ผมครับ!” 

 

 

ครูประจำชั้นมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ  

 

 

ข่าวเกี่ยวกับวีรกรรมอันน่าชิงชังของลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลฉีลือกันไปทั่วห้องพักครู เธอจึงไม่เคยคิดเลยว่าฉีเหยียนซีจะอาสาเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม  

 

 

แต่อย่างไรก็ตามในฐานะครู เธอก็ยังหวังว่าจะช่วยให้ฉีเหยียนซีได้ปรับปรุงตัวและแนะนำให้เขาได้กลับเข้ารูปเข้ารอย เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มทันทีพลางตอบ “งั้นครูขอให้เธอโชคดีนะจ๊ะ หัวหน้าห้องช่วยส่งแบบฟอร์มให้เขาด้วย” 

 

 

นักเรียนคนอื่นๆ ก็ลงชื่อเข้าร่วมทีมด้วย คังเจี้ยนก็เช่นกัน เขายังคะยั้นคะยอให้อันซย่าซย่ากับซูเสี่ยวมั่วเข้าสมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์ด้วย  

 

 

“สนุกออก พวกเธอจะได้โดดเรียนเพื่อไปซ้อม แถมยังได้ไปรู้จักกับนักเรียนโรงเรียนอื่นๆ ตอนที่เริ่มฤดูกาลแข่งขันด้วยนะ…”  

 

 

ทีแรกอันซย่าซย่าและซูเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมนักหรอก แต่ส่วนที่บอกว่าจะได้ไปนั่งเล่นนอนเล่นก็ทำให้ทั้งคู่ลงชื่อทันที 

 

 

นั่นหมายความว่าพวกเธอจะได้มีโอกาสได้เจอกับหนุ่มๆ น่ารักมากขึ้นน่ะสิ ฮ่าๆๆๆ 

 

 

หลังจากเลิกเรียนในบ่ายวันนั้น ทั้งสองสาวก็ได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการคัดตัวเข้าร่วมทีมเชียร์ และเพิ่งมารู้เอาตอนที่มาถึงสนามกีฬาแล้วว่ามีเด็กผู้หญิงลงชื่อเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก 

 

 

ครูที่มีหน้าที่ดูแลเป่านกหวีดและการคัดตัวก็เริ่มขึ้น 

 

 

เด็กสาวตัวสูงคนหนึ่งก้าวออกมาเป็นคนแรกและฉีกขาได้อย่างสบายๆ! 

 

 

ทั้งคู่ถึงกับอ้าปากค้าง 

 

 

เด็กสาวคนที่สองเย้ย ก่อนจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นเลยศีรษะในท่ายืนฉีกขาด้านหน้า! 

 

 

ให้ตายเถอะ! นี่มันการคัดตัวเชียร์หรือแข่งยิมนาสติกกันแน่ 

 

 

พวกคนที่มีความสามารถพิเศษต่างก็แสดงออกเต็มที่ คนที่เหลือซึ่งไม่มีความสามารถอะไรอย่างอันซย่าซย่าและซูเสี่ยวมั่วต้องไปลงแข่งวิ่งแปดร้อยเมตร 

 

 

“มีตำแหน่งว่างอีกสิบสองที่ ดังนั้นสิบสองคนแรกที่เข้าเส้นชัยก่อนจะได้เข้าร่วมทีม นี่เป็นความต้องการพื้นฐานที่สุดในแง่ของความแข็งแรงทางด้านร่างกาย” ครูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และเมือเสียงนกหวีดดังขึ้น เด็กสาวทุกคนก็ออกวิ่งอย่างกับฝูงผึ้ง 

 

 

ต้องขอบใจร่างกายที่แข็งแรงของเธอ ซูเสี่ยวมั่ววิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 อันซย่าซย่าทำหน้าขึงขังและวิ่งเร็วสุดชีวิตเท่าที่ช่วงขาสั้นๆ ของเธอจะวิ่งได้ 

 

 

คนอื่นๆ เริ่มวิ่งแซงเธอขึ้นไปทีละคนๆ ในที่สุดอันซย่าซย่าก็ตระหนักแก่ใจอย่างเศร้าสร้อยว่าเธอคงได้ที่โหล่ 

 

 

แต่มันไม่สำคัญหรอก! นักรบที่แท้จริงย่อมกล้าพอที่จะเผชิญกับอุปสรรคทุกรูปแบบ! 

 

 

อันซย่าซย่าปลอบใจตัวเองระหว่างที่วิ่งไปก็หอบไปพลางหายใจทางปาก 

 

 

ห่างออกไปไม่ไกลนัก การคัดตัวนักบาสเกตบอลก็กลายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นกัน 

 

 

ฉีซย่ามีชื่อเสียงด้านทีมบาสที่แข็งแกร่งมาตลอด มีนักบาสที่เก่งๆ มากเกินกว่าใครจะนับได้ 

 

 

และการปรากฏตัวของฉีเหยียนซีก็ดึงดูดทุกสายตาในทันที 

 

 

เขาเลี้ยงลูกบอลไปมา ย่อเข่าแล้วก็ชู้ตไปยังห่วง การเคลื่อนไหวของเขาช่างเป็นธรรมชาติและราบรื่นมาก 

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ไม่มัวรอดูผล และตรงไปหยิบลูกบอลลูกที่สอง 

 

 

ทุกคนต่างก็มองดูตาแทบถลน กล้ามาก! เขารู้ได้ยังไงว่าจะชู้ตบอลลงหรือไม่ลง? 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม… 

 

 

ตุ้บ— 

 

 

เป็นการชู้ตที่สมบูรณ์แบบมาก! 

 

 

มีเสียงโห่ร้องดังไปทั่วทั้งสนาม 

 

 

ฉีเหยียนซีชู้ตลูกบาสต่อๆ กันอีกสิบสองครั้ง ทุกครั้งลูกจะโค้งอย่างสวยงามในอากาศและตรงเข้าห่วง 

 

 

ไม่มีใครค้านอีกต่อไป