ตอนที่ 265: ออกเดินทาง.

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 265: ออกเดินทาง.

เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นขณะที่ไตร่ตรอง ” พี่ฉิงหยุน ท่านพูดว่าคนที่สามารถเข้าร่วมในงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างต้องมีอายุต่ำกว่า 50 ปีอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นสำหรับผู้ที่เข้าร่วม ท่านคิดว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ? “

หลังจากพิจารณาถึงคำถาม ฉิงหยุนก็ตอบว่า “จากการชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างสองสามครั้งที่ผ่านมา จำนวนสิบอันดับแรกล้วนเป็นเซียนปฐพี ถึงกระนั้นการพัฒนาจนเป็นเซียนปฐพีก็เป็นเรื่องยากและเต็มไปด้วยอันตราย การได้เป็นเซียนปฐพีก่อนอายุห้าสิบนั้นเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นอยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นจะมีเซียนสวรรค์เข้าร่วมด้วยใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม ด้วยความช่วยเหลือของจิตวิญญาณกระบี่สีม่วง-ฟ้า เซียนปฐพีจึงเป็นเพียงภัยคุกคามเล็กน้อยสำหรับเขา ในใจของเจี้ยนเฉิน เขาไม่กลัวว่าจะแพ้เซียนปฐพี ปัญหาเดียวที่เขามีก็คือเซียนสวรรค์

” ไม่แน่นอน ! ” ฉิงหยุนส่ายหน้า “เซียนสวรรค์ถือเป็นจอมยุทธในหมู่จอมยุทธอีกที ระดับดังกล่าวยากมากที่จะบ่มเพาะ เป็นไปได้อย่างไรที่คนที่อายุต่ำกว่า 50 ปีจะสามารถเข้าถึงระดับนั้นได้ ? อัจฉริยะที่สามารถเข้าถึงระดับดังกล่าวก่อนอายุ 50 ปีจะเป็นอัจฉิระในรอบพันปี ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าพวกเขาจะไปถึงระดับดังกล่าวก่อนอายุ 50 ปีก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถมีส่วนร่วมได้ เมื่องานชุมนุมทหารรับจ้างกำลังจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับดังกล่าวในเวลานั้นได้”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเข้าใจว่าสิ่งที่ฉิงหยุนพูดนั้นถูกต้อง ไม่ใช่ว่าทหารรับจ้างที่มีพรสวรรค์ทุกคนจะสามารถมีส่วนร่วมได้ ในตอนที่มีการชุมนุมเขาต้องมีอายุน้อยกว่า 50 ปี แม้ว่าคนผู้หนึ่งจะสามารถเป็นเซียนสวรรค์ก่อนอายุ 50 ปี มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำได้ทันเวลาสำหรับงานชุมนุมทหารรับจ้าง หากพวกเขาเกิดมาสายเกินไป พวกเขาก็จะพลาดโอกาส จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีบุคคลใดที่เป็นเซียนสวรรค์ตอนอายุ 34 ปี

หลังจากนั้นฉิงหยุนได้อธิบายอีกสองสามอย่างเกี่ยวกับงานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างและตอบคำถามของเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเขาจะพูดคุยเกี่ยวกับรางวัลของทหารรับจ้างสิบอันดับแรกเท่านั้น เจี้ยนเฉินก็ให้ความสนใจในทันที

ชายจากนิกายเทียนหัวทั้งสามคนออกเดินทาง ทิ้งเจี้ยนเฉินและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 7 คนไว้เบื้องหลัง เขาถามทั้งเจ็ดเกี่ยวกับการชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้าง พวกเขากลับไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก พวกเขาสามารถอธิบายบางสิ่งได้แต่พวกเขาไม่มีข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับรางวัล

“หัวหน้า งานชุมนุมกลุ่มทหารรับจ้างเป็นงานที่ถูกจัดขึ้นทุก 50 ปี และโอกาสที่จะตายนั้นสูงมาก ข้าได้ยินมาว่าอัตราการรอดชีวิตรอดมีเพียงแค่หนึ่งส่วนเท่านั้น” ชาร์คัสพยายามอธิบาย

“ข้าเคยได้ยินเช่นกันว่าเซียนปฐพีจำนวนมากเข้าร่วมการแข่งขัน พวกเขาแข็งแกร่งกันมาก” เต้าคังพูดเสริมออกมา

“หัวหน้า หากท่านต้องการเข้าร่วมงานชุมนุมทหารรับจ้างจริง ๆ ท่านต้องคิดถึงเรื่องนี้ให้รอบคอบ แน่นอนว่ารางวัลนั้นมีค่ามากมายมหาศาลแต่โอกาสที่จะตายก็สูงมากเช่นกัน ทหารรับจ้างที่มีความสามารถเกือบทุกคนในทวีปเทียนหยวนจะเข้าร่วม ทหารรับจ้างที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์หรือคนที่มีชาติตระกูล คนที่เป็นเซียนปฐพี คนที่มีความสามารถพิเศษหรือทักษะการต่อสู้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน” โม่เทียนพูดอย่างจริงจัง สำหรับเขาแล้ว งานชุมนุมทหารรับจ้างไม่ได้มีอะไรพิเศษ นี่คือบางสิ่งที่ทหารรับจ้างคนอื่นอาจดิ้นรนต่อสู้ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา

“แน่นอนข้ารู้ว่าการแข่งขันจะรุนแรง ถ้าเจ้ารู้ว่าเมืองทหารรับจ้างอยู่ที่ไหนก็บอกข้าที” เจี้ยนเฉินตอบอย่างใจเย็น เจี้ยนเฉินได้ตัดสินใจแล้วหลังจากที่ฉิงหยุนแจ้งให้เขาทราบเกี่ยวกับงานชุมนุมทหารรับจ้าง เขาต้องไปที่งานนี้อย่างแน่นอน เสน่ห์ของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์นั้นเย้ายวนเกินไป

สามวันต่อมา เจี้ยนเฉินวางแผนและออกจากเมืองเวค เขาได้มอบหมายภารกิจให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีไปกับการล่าสัตว์อสูรเพื่อรับรางวัลเป็นเงินชั่วคราว พวกเขาต้องออกไปทั้งหมดเพื่อเพิ่มระดับของทหารรับจ้าง

ก่อนออกเดินทาง เขามอบเงิน 1,000 เหรียญม่วงและแกนอสูรระดับ 2 ทั้งหมดที่เขาไม่ต้องการให้กับกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเขา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาพวกเขาจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อความก้าวหน้า

เนื่องจากทักษะการเป็นผู้นำของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษทั้งเจ็ด เจี้ยนเฉินจึงมอบหน้าที่ให้พวกเขาดูแลชั่วคราวด้วยความโล่งใจ

เจี้ยนเฉินใช้สัตว์อสูรระดับ 2 ในการเดินทาง มันเป็นเวลา 1 วัน และเขาก็เดินทางไปได้ 1,000 ไมล์ก่อนที่จะมาพักผ่อนในคืนสุดท้ายที่เมืองหลันเฟิงซึ่งเป็นเมืองชั้นสอง

เมื่อเจี้ยนเฉินเข้ามาในเมือง เขาก็รีบหาโรงเตี๊ยมให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเดินไปที่ส่วนห้องอาหารและนั่งลง

ถึงตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดและมันก็เลยเวลาอาหารเย็นตามปกติแล้ว ดังนั้นโรงเตี๊ยมจึงไม่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ยังมีโต๊ะประมาณ 20 โต๊ะโดยมีเสี่ยวเอ้อเพียงไม่กี่คนรีบวิ่งไปรอบ ๆ

ทันใดนั้นทหารสวมชุดเกราะหนักนำรถม้าลากเหล็กมาหยุดที่ด้านนอกโรงเตี๊ยม ทหารชุดเกราะเดินก้าวเท้าเสียงดังเข้ามาในโรงเตี๊ยม ด้านขวาตรงกลางของเสื้อเกราะของเขามีเหรียญตราชิ้นหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นตราสัญลักษณ์ของอาณาจักรวายุคราม

“เสี่ยวเอ้อ นำอาหารออกมาและจัดโต๊ะให้เรา ! ” ชายใส่ชุดเกราะเรียกเสียงดังในห้องอาหาร ผู้ชายอีกคนที่มากับเขาก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ด้านในของโรงเตี๊ยมแล้วมองคนอื่น

” ขอรับ ! นายท่าน โปรดนั่งรอสักครู่ เราจะนำอาหารและสุราที่ดีที่สุดของเราออกมาทันที โปรดรอสักครู่ ! ” เสี่ยวเอ้อมองไปที่เหรียญตราบนหน้าอกของทหารก่อนที่จะมีสีหน้าจริงใจทันทีที่เขาวิ่งไปรับแขก

ชายชุดเกราะที่เหลือไม่ได้พูดอะไรเลยและเดินไปนั่งที่โต๊ะ มีผู้ชายเข้ามามากขึ้นในภายหลัง รวมทั้งหมดมีผู้ชาย 100 คน พวกเขาเข้ามาจนเต็มโรงเตี๊ยม ไม่มีใครสักคนพูดอะไรสักคำเดียว ซึ่งบ่งบอกถึงวินัยของพวกเขา

ก่อนที่คนเหล่านี้จะเข้ามาในโรงเตี๊ยมก็มีการพูดคุยเสียงดังพอควร แต่ในทันทีที่พวกเขาเข้ามา ในโรงเตี๊ยมารทั้งหมดก็เงียบลงราวกับว่ามีความรู้สึกแปลก ๆ อยู่ในห้อง

เจี้ยนเฉินมองทุกคนอย่างช้า ๆ เขาเดาได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใครทันทีที่เขาเห็นเหรียญตราบนหน้าอกของพวกเขา พวกเดียวที่สามารถสวมชุดเกราะของอาณาจักรวายุครามคือกองทัพของอาณาจักร ถึงกระนั้นก็มีเพียงกองทัพชั้นยอดเท่านั้นที่จะสามารถใส่มันได้ ทหารระดับล่างไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น