บทที่ 205 ความลึกลับของมิติ

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

บทที่ 205 ความลึกลับของมิติ

ภายในหอคอยเทพสงคราม

เย่เทียนผ่านชั้นที่ 20 และออกจากโลกเสมือนจริง วิญญาณศาสตราวุธก็ปรากฏตัวขึ้น “เย่เทียนยินดีด้วยที่เจ้าผ่านชั้น 20 ของหอคอยเทพสงครามและได้รับสิทธิพิเศษหลักของหอคอยเทพสงคราม!”

วิญญาณศาสตราวุธกล่าวแสดงความยินดี

“มันคืออะไร? ”

เย่เทียนกล่าวถาม

วิญญาณศาสตราวุธก็เอ่ยตอบในทันที “เจ้าสามารถใช้พลังของหอคอยเทพสงครามเพื่อโจมตีได้ 1 ครั้ง แต่มีข้อห้ามว่าห้ามโจมตีสมาชิกอย่างเป็นทางการของหอคอยเทพสงคราม นอกจากนั้นเจ้าสามารถโจมตีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้ การโจมตี 1 ครั้งคูลดาวน์เป็นเวลาสิบปี และเจ้าก็ยังได้รับสิทธิพิเศษที่สามารถใช้พลังป้องกันจากหอคอยเทพสงครามได้หนึ่งและเวลาคูลดาวน์ก็สิบปีเหมือนกัน!”

“มีสิทธิพิเศษเพิ่มมาอีกหนึ่งสิทธิ์!” สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไป

จักรพรรดิขวานสงครามและคนอื่นๆ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ พวกเขาได้รับเพียงการโจมตีของหอคอยเทพสงครามหนึ่งครั้งเท่านั้น แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ใช้พลังป้องกันของหอคอยเทพสงคราม

เห็นได้ชัดว่าการผ่านชั้นที่ 20 ของหอคอยเทพสงครามจะได้รับสิทธิ์มากขึ้น

“ไม่รู้ว่าหอคอยเทพสงครามเป็นสมบัติระดับไหนกันแน่ แต่พลังป้องกันของมันก็น่าเหลือเชื่อมาก การป้องกันจากหอคอยเทพสงครามเพียงหนึ่งครั้ง ก็เพียงพอแล้วที่จะปกป้องชีวิตของเราได้!”

เย่เทียนคิดกับตัวเอง

แน่นอน

สิ่งที่เขาพึ่งพาได้จริงๆคือความแข็งแกร่งของเขาเอง หากพลังของเขายังมีไม่มากพอ ถึงหอคอยเทพสงครามจะมอบอานาจให้กับเขามากน้อยเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์

เมื่อกลับไปที่ห้องโถงของหอคอยเทพสงคราม

“เย่เทียน เราไปยังมิติศิลาเทพสงครามกันเถอะ!”

จักรพรรดิจันทราจับมือของเย่เทียนและกล่าว

“ตกลง!”

เย่เทียนพยักหน้า

การมายังหอคอยเทพสงครามในครั้งนี้เป้าหมายของพวกเขาคือศิลาเทพสงคราม สําหรับการท้าทายหอคอยเทพสงคราม มันเป็นเพียงเป้าหมายรอง

จากนั้นทั้งสองก็เข้าสู่มิติของศิลาสงครามเทพสงคราม

แผ่นหินลอยอยู่ในมิติของศิลาเทพสงครามนั้นไม่เล็กเลย มันเพียงพอสําหรับทั้งสองคนที่จะนั่งด้วยกันเพื่อทําความเข้าใจ ดังนั้นเย่เทียนและจักรพรรดิจันทราจึงนั่งบนแผ่นหินเดียวกัน

ฝึกยกระดับจักรพรรดิและระดับศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ที่เห็นจักรพรรดิจันทราและเย่เทียนที่นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างคิดว่าสองคนนี้คงรักกันมาก แต่ในความเป็นจริงสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองต้องนั่งด้วยกันก็เป็นเพราะว่าเย่เทียนต้องการเปิดพรสวรรค์ด้านเวลาเร่งเวลาขึ้น 3 เท่า

ระยะห่างของแต่ละแผ่นดินที่ลอยอยู่ค่อนข้างไกล หากเย่เทียนเปิดทักษะเร่งเวลาขึ้น 3 เท่าครอบคลุมระยะแผ่นดินทั้ง 2 แผ่น หากมีคนเดินผ่าน แน่นอนว่าคนผู้นั้นจะต้องค้นพบความลับของเขาและถ้าทั้งสองคนนั่งด้วยกัน ต่อให้เปิดการเร่งความเร็วของเวลา ก็ไม่มีใครรู้

ด้วยการเร่งเวลาเช่นนี้ทําให้การเข้ามาในมิติศิลาเทพสงคราม 1 วันจะเทียบเท่ากับคนอื่นที่ใช้เวลา 3 วัน

คะแนนที่ได้รับจากหอคอยเทพสงครามนั้นมีจํากัด การกระทําของเย่เทียนเหมือนเขาได้รับคะแนนจากหอคอยเทพสงครามถึง 3 เท่า ใครกันที่จะไม่พอใจกับกําาไรเช่นนี้?

นอกจากนี้คะแนนของเย่เทียนก็ไม่ได้มากมายนัก

ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถผ่านชั้น 20 มาได้ เขาก็ได้รับคะแนนทั้งหมดมาเพียง 2,550 คะแนน 2,550 คะแนนดูเหมือนจะมากมาย แต่ในความเป็นจริงเขาสามารถฝึกฝนในหอคอยเทพ สงครามได้เพียง 7 ปี และจักรพรรดิจันทราก็ไม่ได้มีคะแนนมากนัก เธอมีคะแนนเพียง 600 คะแนนเท่านั้น แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

การเร่งเวลาขึ้น 3 เท่า มันจะช่วยประหยัดเวลาและประหยัดคะแนนได้

พริบตาเดียว หนึ่งเดือนก็ผ่านไป

เย่เทียนเสร็จสิ้นการทําความเข้าใจด้วยศิลาเทพสงคราม

“นี่มันช้าเกินไป การที่จะบรรลุเต๋าแห่งดาวให้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์นั้น เกรงว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีเต็ม”

เย่เทียนพึมพาและถอนหายใจ

หนึ่งปีมันนานเกินไปสําหรับเขา แม้ว่าเขาจะสามารถเร่งเวลาขึ้น 3 เท่าได้ แต่นั่นก็ยังต้องใช้เวลา 4 เดือน การพยายามทุ่มเทกับการทําความเข้าใจในวิถีดาบถึง 4 เดือนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่อาจหาได้ เพราะเขาต้องฝึกฝนเพื่อที่จะทําลายขีดจํากัดของร่างกาย

แต่วิธีดับนั้นเกี่ยวข้องกับทักษะดาบระดับตํานาน เขาจําเป็นจะต้องบรรลุมันให้ถึง 10

เปอร์เซ็นต์ให้ได้ เขาถึงจะสามารถฝึกฝนทักษะดาบตัดดาราไปจนถึงความสําเร็จขั้นกลางได้ เมื่อสามารถฝึกฝนได้จนถึงขั้นกลาง พลังโจมตีของเขาจะเพิ่มขึ้นถึง 50 เท่า

“หากสามารถขโมยศิลาแห่งการรู้แจ้งมาได้ก็คงจะดี!”

เย่เทียนนึกถึงโลกของสัตว์อสูรที่อยู่อีกฝั่งของรอยแยกระดับ 3 ดาวใกล้กับฐานทะเลมาร ซึ่งมันอยู่ใกล้กับที่ตั้งของแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้ง

และอีกอย่างโลกของสัตว์อสูรใบนั้นเหล่าสัตว์อสูรอ่อนแอกว่าโลกของ 12 จ้าวแห่งสัตว์อสูร น่าเสียดายที่รอยแยกมิติระดับ 3 ดาว ไม่อนุญาตให้ระดับจักรพรรดิเข้าไป หากสามารถเข้าไปได้แล้วเราก็เขาจะได้รับศิลาแห่งการรู้แจ้งได้อย่างง่ายดาย

“ไม่สิ เราสามารถผ่านรอยแยกมิติได้อย่างแน่นอน แต่เราก็ต้องได้รับบาดเจ็บเช่นกัน!”

เย่เทียนครุ่นคิด

ก่อนหน้านี้สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิสามารถทะลุผ่านรอยแยกมิติมาได้ แม้ว่าจะเป็นมือแค่ข้างเดียวก็ตาม ถึงแม้พวกมันจะได้รับผลสะท้อนกลับ แต่พวกมันก็ยังไม่ตาย หากเย่เทียนฝืนผ่านรอยแยกมิติไป สําหรับเขาในตอนนี้ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์ด้านมิติ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งตายเลยก็ได้

แต่ถ้าเป็น…

“หากยกระดับพรสวรรค์ด้านมิติให้ก้าวไปสู่ระดับลึกลับปลอมได้ล่ะ?”

สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไป

เขารู้สึกว่าพรสวรรค์ด้านมิตินั้นหากสามารถทําให้มันกลายเป็นระดับลึกลับปลอมได้แล้วล่ะก็มันสมควรที่จะทําให้เขาผ่านรอยแยกมิติระดับ 3 ดาวไปได้โดยได้รับผลกระทบจากการสะท้อนกลับไม่มากนัก

พรสวรรค์ด้านมิติของเขาในตอนนี้เป็นเพียงระดับสูงสุด มันเป็นเรื่องยากมากที่จะทําให้มันกลายเป็นระดับลึกลับปลอมได้ แม้แต่อสูรกลืนนภาก่อนหน้านี้ยังไม่มีพรสวรรค์มิติระดับลึกลับปลอมเช่นกัน

แต่พรสวรรค์ทางสายเลือดของจักรพรรดิอสูรกลืนนภานั้นเป็นเพียงระดับจันทรา แต่เขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับไว้ที่เปรียบ

ยิ่งพรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงเท่าใด ความเข้าใจก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น บางทีเขาอาจจะสามารถทําความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์และยกระดับพรสวรรค์ด้านมิติให้กลายเป็นระดับลึกลับปลอมได้

แม้จักรพรรดิอสูรกลืนนภาจะไม่สามารถเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์มิติได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของศิลาเทพสงครามและพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับใดที่เปรียบ บางทีมันอาจจะมีหวัง

“ตอนนี้ผมจะเลิกทําความเข้าใจเต๋าแห่งดาบก่อน แล้วลองทดสอบทําความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ด้านมิติ!”

เย่เทียนบอกแบ่งปันความคิดนี้กับจักรพรรดิจันทรา

จักรพรรดิจันทรารู้อยู่แล้วว่าเย่เทียนมีพรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุด ดังนั้นเธอจึงเห็นด้วยกับความคิดของเย่เทียน

“กักขังมิติ!

เย่เทียนเปิดทักษะกักขังมิติ ผนึกพื้นที่รัศมี 10 เมตรไว้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาก็เริ่มทําความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ด้านมิติ

เวลาผ่านไปในทุกๆวัน

ครึ่งเดือนต่อมา คลื่นพลังประหลาดก็ปรากฏออกมาจากร่างของเย่เทียน

เย่เทียนค่อยๆปลดปล่อยคลื่นพลังแห่งมิติออกมา และมันยังเป็นคลื่นพลังแห่งมิติระดับลึกลับ

ในตอนนี้เขาสามารถทําให้พรสวรรค์ด้านมิติระดับสูงสุดกลายเป็นระดับลึกลับได้สําเร็จ!

ในตอนนี้พรสวรรค์ด้านมิติของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว

“พรสวรรค์ด้านมิติ: ลึกลับปลอม”

ตอนนี้พรสวรรค์ด้านมิติของเขาเพิ่งเริ่มกลายเป็นระดับลึกลับปลอมเท่านั้น ยังไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเย่เทียนก็ยังรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง

อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านกฎเกณฑ์นี้ได้สําเร็จ

เมื่อเป็นเช่นนั้น เย่เทียนจึงพยายามทําความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ด้านมิติอย่างต่อเนื่อง ไม่นาน 1 เดือนก็ผ่านไปในตอนนี้ความเข้าใจในความลึกลับของพรสวรรค์มิติของเขามาถึง 10% แล้ว

“พรสวรรค์ด้านมิติระดับลึกลับปลอม 10% น่าจะเพียงพอแล้ว หากยังคงทําความเข้าใจมันต่อไป ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเกินครึ่งปี ก็ไม่มีทางที่จะทําให้พรสวรรค์ระดับลึกลับปลอมกลายเป็น 20%

ได้ การทําความเข้าใจพรสวรรค์ระดับลึกลับด้านมิตินั้นอยากเย็นกว่าพรสวรรค์ระดับลึกลับอื่นๆมาก!”

เย่เทียนไม่สามารถเสียเวลาทั้งหมดไปกับการทําความเข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ด้านมิติ มันไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่นัก

ดังนั้น เขาและจักรพรรดิจันทราจึงเดินทางออกจากมิติศิลาเทพสงคราม

หลังจากออกจากหอคอยเทพสงครามทั้งสองก็แยกจากกัน

จักรพรรดิจันทรากลับไปยังวิหารเทพจันทราเพื่อฝึกฝน แต่เย่เทียนออกจากฐานจงไห่

การใช้พลังปราณขัดเกลาร่างกายเพื่อที่จะทําลายขีดจํากัดทางร่างกายครั้งที่ 4 นั้นช้าเกินไป

เขาต้องการพลังปราณธาตุเพื่อขัดเกลาร่างกาย ด้วยวิธีนี้การทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่ 4

จะใช้เวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น

และเป้าหมายของเขาก็คือแม่น้าฉางหลิง

ไม่นานเย่เทียนก็มาถึงแม่น้ําฉางหลิงอีกครั้ง

“ด้านล่างของแม่น้ําฉางหลิงมีพลังปราณธาตุน้ําที่เข้มข้น สถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่เหมาะสมสําหรับฝึกฝนของเรามากที่สุดในตอนนี้!”

เย่เทียนพึมพ่า

โดยไม่พูดพร่ําทําเพลง เขากระโดดลงไปในแม่น้ําฉางหลิง และเริ่มเก็บตัวฝึกฝนบริเวณก้นแม่น้ํา