บทที่ 247 ท่านยายเย่ตายอย่างอนาถ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 247 ท่านยายเย่ตายอย่างอนาถ
ขณะที่กำลังตกตะลึง กลับเห็นซือโม่เฟยหันมาขยิบตาให้นางอย่างรักใคร่ ราวกับกำลังถามว่าอย่างนี้นับว่ามีวรยุทธแข็งแกร่งหรือไม่

กู้ชูหน่วนแทบอยากจะเป็นลมตาย

นี่เขาทำเอาหมาป่าตัวหนึ่งกลายเป็นลูกแกะน้อยไปเลย

การโจมตีของเย่จิ่งหานกับจอมมารยิ่งอยู่ก็ยิ่งเร็วขึ้น มือที่ดีดพิณของชายชุดขาวยิ่งอยู่ก็ยิ่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น ทันใดนั้น สายพิณขาดสะบั้น ชายชุดขาวกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง สาดกระจายไปบนสายพิณที่ขาวบริสุทธิ์

ดอกลำโพงที่กระหายเลือดและบทเพลงเสียงปีศาจยังคงโจมตีต่อเนื่อง ชายชุดขาวได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในทั้งหมด รวมถึงเส้นลมปราณล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขารวบรวมพลังภายใน พุ่งตัวขึ้นสกัดกั้น มุมปากเผยรอยยิ้มอบอุ่นจางๆ ทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ร่างขาวสะอาดดุจหิมะแตะกลางอากาศเบาๆไม่กี่ครั้ง ก็จากไปแล้ว

“ฮึ ภูเขาและสายน้ำยังคงไม่เปลี่ยนแปลงฉันใด ความแค้นของเราก็ไม่เปลี่ยนแปลงฉันนั้น เย่จิ่งหาน วันหลังพวกเราค่อยสู้กันใหม่”

ลำคอของเย่จิ่งหานมีความคาวพุ่งขึ้นมา เลือดกำลังจะพุ่งออกมา แต่กลับถูกเขากลืนลงไป

เขาพิการขาทั้งสองข้าง แล้วร่างกายยังได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้จะไล่ตามเวินเส้าหยีทัน ก็มีจุดจบที่ต้องบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย

จอมมารยังสู้ไม่พอ ในปากพึมพำ “เวินเส้าหยี เจ้ากลับมานะ พี่สาวยังไม่ได้เห็นข้าเอาชนะเจ้าจนถึงที่สุดเลย”

เวินเส้าหยีมีวิชาตัวเบาสูงส่ง แค่ชั่วพริบตาก็หายไปในป่าแล้ว จอมมารหรี่ตาลงเล็กน้อย ร่างสีแดงเพลิงเคลื่อนไหว คิดไม่ถึงว่า จะไล่ตามไป

กู้ชูหน่วนเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง “ใครก็ได้บอกข้าที เจ้าปีศาจชุดสีแดงนี้เป็นใครกันแน่”

เย่จิ่งหานจ้องนางแวบหนึ่ง

เป็นใครหรือ

นางไปหาเรื่องใครเข้า ก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ

พวกองครักษ์เพิ่งจะตามมาทันในตอนนี้ พวกเขาต่างก็คุกเข่าลง “ข้าน้อยไม่สามารถปกป้องท่านนายได้ ขอท่านนายลงโทษด้วย”

“รีบไปหาหมอหลวง ตรวจชีพจรให้กับพระชายา”

ดวงตาของเย่จิงหานมีแววกังวลผุดขึ้นมาสายหนึ่ง โดยเฉพาะตอนที่มองไปยังท้องของนาง เขาพูดเสียงขรึมว่า “เจ้ามานี่”

กู้ชูหน่วนคิดว่าเขาอยากจะให้นางช่วยตรวจดูชีพจร เพิ่งจะยื่นมือออกไป คิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งหานจะกุมมือของนางเอาไว้ พลังภายในที่หลั่งไหลไม่หยุดส่งผ่านไปยังร่างของนาง ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของนางราวกับได้รับลมอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ ความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกและมือหายไปจนสิ้น ไม่มีความรู้สึกไม่สบายอีกต่อไป

“ท่าน……”

มุมปากของกู้ชูหน่วนขยับ ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บภายในของเขารุนแรงกว่านางมาก จะสูญเสียลมปราณเพื่อนางทำไม

เย่จิ่งหานยิ้มเย็น “เจ้าคิดว่าข้าทำเพื่อเจ้าหรือ ข้าทำเพื่อลูกต่างหาก”

“……”

หลังจากที่เวินเส้าหยีพ่ายแพ้และล่าถอยไป เผ่าเทียนเฟิ่นก็พ่ายแพ้ติดๆกัน บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน มีจำนวนน้อยที่มีชีวิตรอด และได้ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีไป

แม้เขาสูบวิญญาณจะถูกถล่มแล้ว แต่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้ากองธงทั้งหลายของเผ่าปีศาจอย่างกะทันหัน ด้วยเหตุนี้คนของเผ่าปีศาจต่างก็จากไปด้วยช่องทางลับ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็หายไปด้วย

การต่อสู้กันทั้งคืน ต่อเนื่องมาจนใกล้จะถึงวันรุ่งขึ้นจึงจบลง

ช่วงเวลาที่ฟ้าสาง กู้ชูหน่วนก็ไปรวมตัวพวกเย่เฟิงและท่านยายเย่

เย่จิ่งหานให้เวลาพวกเขาได้กล่าวลากัน

เย่เฟิงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ดูสะอาดสะอ้านแล้ว ร่างกายของเขายังคงมีบาดแผลเต็มไปหมด สีหน้าซีดขาว ดวงตาที่เย็นชามีแววแห่งความเหนื่อยล้า

ชายหนุ่มที่ช่วยเหลือพวกเขาได้หายไปแล้ว

ท่านยายเย่ได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว ทั้งสองคนต่างก็ขอบคุณนาง

กู้ชูหน่วนยิ้มบางๆ “คนที่ช่วยพวกเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเทพสงคราม ถ้าพวกเจ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณเขาเถอะ”

“หากไม่ใช่เพราะแม่นางกู้ เทพสงครามจะช่วยพวกเราได้อย่างไร อย่างไรเสียก็ต้องขอบคุณเจ้า”เย่เฟิงเอ่ยเสียงเรียบ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ได้กระทำขืนใจเขาต่อหน้านางหรือเปล่า จึงทำให้เขาลืมไม่ได้ เมื่ออยู่กับกู้ชูหน่วน ก็มีความห่างเหินขึ้นมาอีกหลายส่วน

“แผลที่มือของเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่”

เย่เฟิงกวาดตามองไปยังนิ้วก้อยและนิ้วนางที่ถูกหัก เอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า”คุ้นชินแล้ว ผ่านไปสักพักก็ดีขึ้น ”

เขาพูดอย่างสบายใจมาก แต่กลับทำให้กู้ชูหน่วนปวดใจอย่างไม่รู้สาเหตุ

อะไรที่เรียกว่าคุ้นชิน

เรื่องแบบนี้ จะคุ้นชินได้อย่างไร

แล้วมองร่างสูงปราดเปรียวของเขา ทั้งๆที่เป็นคนสดใสคนหนึ่งแท้ๆ กลับใส่ชุดที่ทำจากผ้าป่านหยาบกระด้าง และเสื้อที่สวมใส่อยู่ก็ไม่รู้ว่าปะชุนไปตั้งเท่าไหร่ ไม่น่าดูเอาเสียเลย

“ฮองเฮาฉู่ ได้มอบเสื้อผ้าให้เจ้าหนึ่งชุดมิใช่หรือ ทำไมไม่ใส่ชุดนั้น”

เสื้อตัวนี้เหมือนกับเอาเศษผ้ามาเย็บรวมกันทีละชิ้น

ดวงตาของเย่เฟิงมีแววเจ็บปวด ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้นัก ได้แต่บอกว่า “ที่ข้าใส่อยู่ ท่านยายเป็นคนตัดเย็บเองกับมือ ใส่แล้วรู้สึกสบายมาก”

ส่วนเสื้อที่ฮองเฮาฉู่มอบให้ เขาไม่คู่ควรที่จะสวมใส่ เขาเสียดายที่จะใส่

“จะถึงวันแต่งงานของข้าแล้ว เพื่อเป็นการระลึกถึงวันดีๆ ข้าจะมอบให้เจ้าบ้าง”กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างมีเลศนัย

นางรู้ ถ้าหากให้เงินกับเขา หรือมอบให้เขาโดยตรง เขาคงไม่มีทางรับเอาไว้

ดวงตาเย็นชาเรียบเฉยของเย่เฟิงมองไปยังเย่จิ่งหานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นไกลออกไป ในลำคอราวกับมีก้างปลาติดอยู่ ผ่านไปนานกว่าจะพูดขึ้นมาว่า

“เจ้าจะแต่งงานกับเขาจริงหรือ นี่เป็นเรื่องของทั้งชีวิต ถ้าหากเจ้าไม่……”

กู้ชูหน่วนตัดบทคำพูดของเขา “แต่งกับเขาไม่ดีตรงไหน มีอำนาจคับฟ้า เงินทองกองเป็นภูเขา อีกทั้งผ้าไหมผ้าแพร อยู่ใต้เพียงหนึ่ง อยู่เหนือนับหมื่น เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน”

บรรยากาศเงียบสงบลงในทันใด

ทุกคนต่างก็ไม่มีใครพูดจา มีแต่จะคาดเดาความคิดของกู้ชูหน่วนเท่านั้น

“วางใจเถอะ คนที่ข้าไม่อยากจะแต่งงานด้วย ก็ไม่มีใครบีบบังคับข้าได้”

เย่เฟิงยิ้มขมขื่น ไม่รู้หัวใจเป็นอะไร รู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูกอยู่บ้าง “ที่จริง ……แต่งงานกับอ๋องหาน เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย เขาดีกับเจ้ามาก สามารถมอบความสุขให้เจ้าได้ และไม่ได้น่ากลัวเหมือนในข่าวลือ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากจะกลับไปที่ราชวิทยาลัยอีก และไม่อยากจะไปกับข้า ฉะนั้นข้าจึงให้ฝูกวงพาพวกเจ้าไปที่สำนักอสุรา สำนักอสุรายินดีจะรับพวกเจ้าเอาไว้ แม้หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะอยากเข้าไปยุ่งสักแค่ไหน ก็ไม่กล้ายุ่งกับสำนักอสุรา ”

ท่านยายเย่ดีใจ อารมณ์ตื่นเต้นขึ้นมาหลายส่วน “แม่นางกู้ พวกเรา พวกเราไปที่สำนักอสุราได้จริงหรือ”

“แน่นอน ไม่เชื่อท่านก็ถามฝูกวงดู ” กู้ชูหน่วนกระทุ้งที่แขนของฝูกวง

เจ้านี่ หลังจากที่ไปต่อสู้กับผู้อาวุโสตงแห่งเผ่าเทียนเฟิ่นกลับมา ท่าทีก็ไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ ดูจิตใจไม่ค่อยสงบ

ฝูกวงตอบสนองได้ช้า “หา……ใช่ ข้าได้บอกกับคนของสำนักอสุราแล้ว พวกเขายินดีจะรับพวกเจ้าเอาไว้ ภายหน้าพวกเจ้าก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างสบายใจเถอะ ไม่มีใครรบกวนพวกเจ้าได้อีก ”

“ขอเพียงพวกเราไปถึงสำนักอสุรา หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ไม่สามารถหาเรื่องพวกเราได้อีกแล้วจริงหรือ”

“ใช่”กู้ชูหน่วนยิ้ม และหวังว่าพวกเขาสองยายหลาน จะได้ใช้ชีวิตที่ปกติสุขเสียที “ในร่างกายของท่านมีพิษ ข้าได้เบาะแสแล้ว จะใช้เวลาที่สั้นที่สุด พยายามถอนพิษให้ท่าน”

“ข้าอายุปูนนี้แล้ว จะเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร ข้าห่วงแค่ว่าเขาสูบวิญญาณถูกทำลายครั้งนี้ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้คงโกรธมาก จะหาเรื่องเฟิงเอ๋อ”

ฝูกวงแบกดาบคู่เอาไว้ บนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มที่มั่นใจเบ่งบานขึ้น “วางใจเถอะ สำนักอสุราของพวกเราใช่ว่าใครก็บุกเข้าไปได้ วรยุทธของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะสูงส่งแค่ไหน ก็เข้าไปไม่ได้ ”

“ขอบคุณ ขอบคุณพวกท่านมาก”

ท่านยายเย่งอเข่าทั้งสองข้างลง อยากจะคุกเข่าคำนับให้กับกู้ชูหน่วน กู้ชูหน่วนรีบประคองนางขึ้นมาทันที “อย่าทำเช่นนี้เลย นี่เท่ากับลดอายุข้าแท้ๆ อีกอย่าง ข้ากับเย่เฟิงก็เป็นเพื่อนกัน”

เย่เฟิงพูดยิ้มๆว่า “ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตข้า ก็คือการได้พบกับเจ้าและเซียวหยู่เซวียน ในขณะที่ข้าไร้ที่พึ่งที่สุด น่าสมเพชที่สุด คนที่อยู่เคียงข้างข้า เป็นพวกเจ้ามาตลอด คำพูดซาบซึ้ง ข้าไม่ขอพูดมาก รักษาตัวด้วย”