บทที่ 248 ดีจนทำให้รู้สึกสงสาร

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 248 ดีจนทำให้รู้สึกสงสาร
ในขณะที่กู้ชูหน่วนกับเย่เฟิงกำลังจะจากกัน ในพงหญ้าที่ไม่ไกลนักก็มีเสียงเคลื่อนไหวเบาๆแทบไม่ได้ยินส่งมา

กู้ชูหน่วนแววตาขรึมลง “ใคร ใครอยู่ตรงนั้น”

ยังไม่ทันพูดจบ ฝูงกวงได้เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว กระชากคนที่อยู่ในพงหญ้าออกมา

“อย่าฆ่าข้า อย่าทำร้ายข้า ขอร้องเจ้าล่ะ ข้าไม่ใช่เย่เฟิง ขอร้องอย่าทำร้ายข้าเลย ”

ทุกคนต่างก็จ้องมองนิ่งๆ รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

ชายหนุ่มตรงหน้านี้ ไม่ใช่เจียงซวี่หรอกหรือ

เจียงซวี่ในเมื่อก่อนเลือดเย็นเหี้ยมโหด ใช้วิธีเลวทราม ท่าทีเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

เขาในตอนนี้ ผมเผ้ารุงรังราวกับรังนก เสื้อผ้ายุ่งเหยิง ยังถูกฉีกขาดไปไม่น้อย เผยให้เห็นร่องรอยบาดแผลจากแส้และแผลถูกของร้อนลวก

ใบหน้าของเขาสกปรกมอมแมม ไม่มีความหล่อเหลาดังเช่นวันวาน แววตาของเขาพร่ามัว สายตาเหม่อลอย ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดและคอยหลบไปด้านข้าง กอดร่างของตนเองเอาไว้แน่น ในปากก็ยังคงพึมพำกับตัวเอง “อย่าทำร้ายข้า ขอร้องพวกเจ้าอย่างทำร้ายข้า”

ท่าทีที่น่าสมเพชของเขา ทำให้รู้สึกคาดไม่ถึงจริงๆ

กู้ชูหน่วนเห็นเขาแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจ ที่ชีวิตของเย่เฟิงน่าเวทนาขนาดนั้น เขาหนีความผิดไม่พ้น

“คนสารเลวแบบนี้ถ้าไม่ฆ่า จะเก็บไว้ทำไม ฝูกวง ฆ่าเขาซะ”

“ขอรับ”

“อย่า อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้าเลย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ขอร้องล่ะ ฮือๆ ……ขอร้องพวกเจ้าล่ะ”

เจียงซวี่คลานไปข้างกายเย่เฟิงราวกับบ้าไปแล้ว กอดขาของเย่เฟิงไว้แน่น หลบไปอยู่หลังเขาอย่างหวาดกลัว

เย่เฟิงกวาดมองร่องรอยจากการทำรักภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของเขา รวมไปถึงรอยแส้ที่มีอยู่เต็มร่าง ขมวดคิ้วเบาๆ “เขา เหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว เอาอย่างนี้ ช่างมันเถอะ”

อยู่ที่หอฉิวเฟิ่งมาตั้งหลายปี เขาเข้าใจดีว่าร่องรอยแห่งการทำรักและบาดแผลเหล่านั้นหมายถึงอะไร

วันนั้นที่อยู่ที่หอฉิวเฟิ่ง เจียงซวี่มอมเหล้าเขาไปมาก แม้เขาจะเมาจนสะลึมสะลือ แต่ก็จำความได้บ้าง

เดิมทีคืนนั้นเป็นเขาที่ต้องถูกส่งไปยังยอดเขาสูงสุดเพื่อให้หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ได้เสพสุข กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ช่วยเขาเอาไว้ ใช้แผนสับเปลี่ยนคน ใช้เจียงซวี่ปลอมตัวเป็นเขา ส่งไปยังยอดเขาสูงสุด

ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด เกรงว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้คงคิดว่าเจียงซวี่เป็นเขา จากนั้น ……กระทำการข่มเหงเขา

หลังจากนั้นก็พบว่าเจียงซวี่ไม่ใช่เขา ก็ยิ่งทรมานเขาอย่างโหดเหี้ยมขึ้นไปอีก

คนทั่วไปไหนเลยจะสามารถทนรับการทารุณกรรมเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะชายหนุ่มที่สูงสง่าคนหนึ่ง

อยู่ที่หอฉิวเฟิ่งมาสิบสามปี เขาแทบจะได้เห็นคนเป็นบ้าในช่วงเวลาห่างกันไม่กี่วันเสมอ

กู้ชูหน่วนเกือบจะคิดว่าตนเองฟังผิดไป “ช่างเหรอ เขาทำลายชีวิตเจ้า เจ้าจะปล่อยเขาไปง่ายๆเช่นนี้หรือ”

“เขาได้รับกรรมได้”

กู้ชูหน่วนโมโหจนเลือดลมพลุกพล่าน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้แกล้งทำเพื่อให้เจ้าเห็นใจ”

เย่เฟิงขมวดคิ้วเบาๆ ก้มลงไปมองเจียงซวี่อีกครั้ง

เห็นเพียงเจียงซวี่เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวก็คว้าดินขึ้นมาอย่างซื่อบื้อ ยัดเข้าไปในปากของตัวเอง กินดินเข้าไปทีละคำ ตบมือหัวเราะชอบใจ “อร่อย อร่อยมาก ”

กู้ชูหน่วนเตะเขากระเด็น “จะแสร้งทำไม เจ้าคิดว่าเจ้าแกล้งทำเป็นคนบ้า ก็สามารถหลบพ้นอย่างนั้นหรือ”

“ฮือๆ ข้าเจ็บ เจ้าเป็นคนเลว ฮือๆ ข้าไม่ใช่เย่เฟิง ทำไมเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วย”

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น “ความหมายของเจ้าคือ ถ้าหากเป็นเย่เฟิงก็ควรถูกทำร้ายอย่างนั้นหรือ”

“ข้าไม่ใช่เย่เฟิง พวกเจ้าอย่าทำร้ายข้า อย่าทำร้ายข้า ข้ากลัว”

กู้ชูหน่วนยกขาขึ้นข้างหนึ่ง อยากจะแตะเขาให้ตายคาที่ เย่เฟิงกลับขวางนางเอาไว้ “เขาบาดเจ็บสาหัสมาก ถ้าเจ้าแตะเขา เขาไม่ตายก็ต้องเป็นพิการ”

“หรือเจ้าจะลืมไปแล้วว่าเจ้ามีชีวิตอย่างไรตอนที่อยู่หอฉิวเฟิ่ง หรือเจ้าจะลืมไปแล้ว ที่เจ้าถูกเลือกเป็นทาสบำเรอ ล้วนเป็นฝีมือเขาทั้งสิ้น หรือเจ้าจะลืมไปแล้ว เขามอมเหล้าเจ้าให้เมาอย่างไร ส่งเจ้าไปที่เตียงของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้”

เย่เฟิงยิ้มอย่างเศร้าใจ

เขาจะลืมได้อย่างไร

สิ่งที่เจียงซวี่ทำกับเขา ไม่ได้มีเพียงเท่านี้

ครั้งหนึ่ง เขาเป็นเพียงแค่ทาสบำเรอต่ำต้อยคนหนึ่ง ส่วนเขาเป็นฉีโส่ว

แม้ว่าฉีโส่วก็เป็นบ่าว แต่ก็สูงส่งกว่าทาสบำเรอไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

มีความแตกต่างด้านสถานะ เจียงซวี่ขัดเขาทุกอย่าง หาเรื่องเขาเสมอ

ต่อมา เขาเลื่อนตำแหน่งเป็นถันจู่ ก็ยิ่งทรมานเขาอย่างไม่เกรงกลัวใครอีกต่อไป คอยโรยเกลือบนบาดแผลของเขาทุกวันทุกคืน

สิบสามปี เขาไม่เคยได้กินอิ่มเลยสักมื้อ ไม่เคยสวมชุดเสื้อผ้าฝ้ายดีๆสักครั้ง กระทั่งข้าวบูดยังไม่ได้กิน เขาทั้งหิวทั้งหนาว ถูกกระทำทารุณ ล้วนเป็นฝีมือเขาทั้งสิ้น

คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจ

นั่นเป็นเรื่องเก่าที่เขาไม่อยากจะรำลึกถึงมากที่สุดในชีวิตนี้

ถึงแม้ว่าจะเจ็บปวดใจมากเพียงใด แม้จะเคยเกลียดชังเขาสักแค่ไหน เขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าใจ “จองเวรจองกรรมกันไม่จบสิ้น อดีตได้ผ่านไปแล้ว”

กู้ชูหน่วนรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างรุนแรง

นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คนคนหนึ่งจะสามารถใจกว้างได้ถึงเพียงนี้ สามารถใจดีได้ถึงเพียงนี้

ทั้งที่เขาเป็นผู้ถูกทำร้ายแท้ๆ

ท่านยายเย่กุมมือเย่เฟิงไว้แน่น เสียงแก่ๆดังขึ้นช้าๆ “เฟิงเอ๋อพูดถูก เขาได้รับกรรมสนองแล้ว ช่างมันเถอะ ข้าก็ไม่อยากให้เฟิงเอ๋อเป็นเหมือนเขา เลือดเย็นไร้หัวใจ”

ฝูกวงเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย “กรรมที่สนอง อาจเป็นการดูถูกเขาเกินไป ในความคิดข้า ตัดแขนตัดขาเขาทิ้งเสียดีกว่า ให้เขาได้ลิ้มรสของความโศกเศร้าไร้หนทางบ้าง”

“ข้าไม่ใช่เย่เฟิง อย่าทำร้ายข้า อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าจะเลี้ยงเจ้ากินขออร่อย ฮ่าๆๆ……”เจียงซวี่หัวเราะโง่ๆ ยิ่งหัวเราะชอบใจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกินดินมากขึ้นเท่านั้น

เย่เฟิงย่อตัวนั่งลง ช่วยเขาเช็ดคราบดินที่มุมปาก ให้เขาคายดินออกมา ยังช่วยเขาเช็ดสิ่งสกปรกที่มือของเขาด้วยตนเอง

“นี่กินไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากจะกิน ประเดี๋ยวจะซื้อขอให้เจ้ากิน”

กู้ชูหน่วนราวกับถูกทิ่มแทงจนเจ็บลึกข้างใน เย่เฟิงที่เป็นคนดีขนาดนี้ สวรรค์ช่างไร้ตาจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะให้เขาต้องทนรับความเจ็บปวดมากมายเช่นนี้

เขาเป็นองค์ชาย องค์ชายที่มีฐานะสูงส่ง

ถ้าหากไม่เกิดภัยพิบัติครั้งนั้น เป็นไปได้สูงว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ในอนาคตของแคว้นฉู่ เป็นราชาของแคว้น เป็นฮ่องเต้ที่สยบทั่วหล้า

เขาเป็นคนดีขนาดนี้ ถ้าหากได้เป็นฮ่องเต้ คงเป็นวาสนาของประชาชนอย่างแน่นอน

แววตาของกู้ชูหน่วนชั่งใจ เอ่ยอย่างไม่พอใจอย่างที่สุด”ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าเย่เฟิง ข้าไม่ฆ่าเจ้า เจ้ารีบไสหัวไปซะ ไปได้ยิ่งไกลยิ่งดี ไม่เช่นนั้นหากข้าพบเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าจะทำร้ายเจ้าครั้งหนึ่ง”

ไม่รู้ว่าเพราะกู้ชูหน่วนดุดันเกินไปหรือไม่ เจียงซวี่ถอยร่นไป ราวกับหวาดกลัวกู้ชูหน่วนมาก

“เย่เฟิง คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เจียงซวี่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เขาจะมีจุดจบอย่างไร ก็ไม่ควรค่าที่จะไปเห็นใจ อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าเขาบ้าไปแล้วจริงๆหรือแค่แกล้งโง่ เจ้าอยู่ห่างจากเขาหน่อยก็ดี”

“ได้ ข้าจะฟังเจ้า การไปสำนักอสุราครั้งนี้ ข้าคงจะใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา อยู่กับท่านยายที่นั่นตลอดชีวิต ไม่ก้าวออกมาในโลกภายนอกนี้อีกแม้แต่ครึ่งก้าว”

“แน่ใจหรือว่าจะไม่ดื่มเหล้ามงคลก่อนจากไป”

“เหล้ามงคลข้าคงไม่ดื่มแล้ว แต่ว่าข้าจะอวยพรให้เจ้ามีความสุขจากที่ที่ไกลออกไป”

ทั้งสองต่างมองหน้ากันและยิ้ม ต่างก็เห็นคำอวยพรในสายตาของกันและกัน

และในช่วงเวลานี้เอง เจียงซวี่ที่เดิมทีดูโง่ๆบ้าๆ นัยน์ตากลับมีไอสังหารผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เขาพลิกฝ่ามือ มีดเล่มหนึ่งที่มีประกายเย็นเยียบพุ่งตรงไปยังตำแหน่งหัวใจจากทางด้านหลังของเย่เฟิง