ตอนที่ 19 พี่สาวรู้วิธีอุ่นเตียงไหม?

ระบบอัพเกรดเทพชาย

หลิงเซียวเดินไปตรงหน้าสาวผมหางม้าและถามว่า “พี่สาวรู้วิธีอุ่นเตียงไหม?”

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังชีวิต +2!”

“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังวิญญาณ +2! “

ดวงตาของหลิงเซียวเป็นประกายสดใส คนๆนี้ควรจะเป็นจางรุ่ย

ก่อนหน้านี้หลิงเซียวไม่เคยได้พลังชีวิตกับพลังวิญญาณ 2 จุด กับนักเรียนคนไหนมาก่อน!

“ดูเหมือนว่านักรบจิตวิญญาณสามารถให้คุณลักษณะแก่เขาได้มากกว่า คนธรรมดา!” หลิงเซียว ลอบกล่าวในใจพร้อมกับสีหน้าสงบ

และทันใดนั้นครูที่นำทีมก็พลันรู้สึกว่าหนังศีรษะของตนเสียวซ่า ตามที่คาดไว้ในที่สุดสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจริงๆ

เซี่ยหยู่ และอีกสามคนลอบกลืนน้ำลายในเวลาเดียวกัน หลิงเซียว คนนี้ช่างกล้ามากจริงๆ!

หลิงเซียวอาจไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่เซี่ยหยู่และคนอื่นๆรู้

ผู้หญิงคนนี้คืออันดับหนึ่งของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิง จางรุ่ย ผู้ปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของเธอขึ้นมา

เมื่อ หลิวมู่ และ ซูเหยา ได้ยินคำพูดของหลิงเซียว การแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขาก็พลันแข็งค้างขึ้นมาทันที

“แคกแคก… “

ครูและนักเรียนของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สอง สำลักน้ำลายเพราะประโยคที่ร้ายกาจของหลิงเซียว

เมื่อหลิงเซียว มองไปที่พวกเขา ก็ราวกับว่าคนที่สำลักน้ำลายก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกเขาซะอย่างนั้น

“คุณรู้จักฉันด้วยหรือ?” สาวผมหางม้ากล่าวอย่างเย็นชา

หลิงเซียวพูดอย่างหน้าด้าน “ผมไม่รู้จักคุณ แต่ผมคิดว่า … คุณอาจจะเป็นจางรุ่ย”

“คุณรู้ว่าเป็นฉัน แต่คุณก็ยังจะกล้าพูดแบบนั้น?” สีหน้าของจางรุ่ยมืดลงในทันที

ในฐานะนักสู้อันดับต้นๆ ของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่หนึ่ง ไม่มีใครเคยพูดเรื่องแบบนี้กับเธอมาก่อน

แม้แต่ครูและครูใหญ่ก็ยังให้ความเคารพเธอ

เมื่อหลิงเซียวได้ยินแบบนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที “ไม่เคยมีใครพูดอะไรกับคุณแบบนี้มาก่อน คุณอยากให้ผมพูดอีกครั้งไหม?”

ครูและนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม หันหน้าหนีไปทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหลิงเซียว

การเคลื่อนไหวนี้เป็นไปอย่างราบรื่นราวกับว่ามีการซักซ้อมกันมาก่อน

พวกเขาเงียบ แสดงความหมายว่า: เราไม่รู้จักคนคนนี้!

จางรุ่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ พลังจิตวิญญาณของเธอควบแน่นและส่งฝ่ามือขวาฟาดออกไปทันที

หวือ!

ความเร็วของฝ่ามือมันรวดเร็วมากจนอากาศฉีกขาด!

หลิงเซียวหรี่ตาและส่งฝ่ามือออกไปตอบโต้เช่นเดียวกัน

ปัง

เมื่อฝ่ามือทั้งสองปะทะกันก็ถึงกับทำให้อากาศสั่นสะเทือน

จางรุ่ยตกใจและโพล่งออกมา “นักรบจิตวิญญาณ!”

“มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่จะมีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่สามารถเป็นนักรบจิตวิญญาณได้?” หลิงเซียว กล่าวอย่างใจเย็น

เมื่อคนอื่นๆได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาก็พลันเบิกกว้าง

ความจริงที่ว่า จางรุ่ย กลายเป็นนักรบจิตวิญญาณในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่เกือบทุกคนในเมืองหนานเฉิงรู้

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมืองหนานเฉิงไม่เคยมีนักเรียนมัธยมปลายคนใดที่สามารถเข้าถึงอาณาจักรนักรบจิตวิญญาณได้มาก่อน!

แต่หลิงเซียว? โดยพื้นฐานแล้วมันคือตรงกันข้าม

นอกเหนือจากสมาชิกจากกองกำลังดาบที่แหลมคมเพียงไม่กี่คนในวันนั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้

แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่พวกเขาก็ถูกห้ามไม่ให้เผยเเผร่ออกไปโดยกองกำลังดาบที่แหลมคม เพราะกลัวว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คน

เป็นเพราะเหตุนี้ชื่อเสียงของหลิงเซียวจึงไม่เป็นที่รู้จัก

“หลิงเซียว คุณกลายเป็นนักรบจิตวิญญาณตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูเหยา อุทานขึ้นมาทันที หลังจากที่สติสัมปชัญญะของเธอกลับคืนมา

หลิงเซียวมองไปที่เธอและพูดว่า “สามวันก่อน”

เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาก็สูดลมเย็นเข้าปอดทันที

สามวันเพียงแค่ช่วงเวลาสามวันสั้นๆ หลิงเซียวกลับได้ล่ะทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้ว

นักศิลปะการต่อสู้และนักรบจิตวิญญาณดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันเพียงระหว่างคำที่ใช้เรียก

อย่างไรก็ตามมีเพียงคนที่มาถึงระดับนักรบจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาได้!

นี่เป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่คนธรรมดายากที่จะก้าวข้าม มันเป็นเส้นเเบ่งระหว่างอัจฉริยะและมนุษย์!

เดิมทีพวกเขาคิดว่ามีเพียงจางรุ่ยคนเดียวเท่านั้นที่เป็นนักรบจิตวิญญาณท่ามกลางทุกคนที่มีอยู่ แต่ตอนนี้กลับมีข้อยกเว้นเกิดขึ้นในหมู่พวกเขาอีกคนแล้ว!

“สามวันก่อนงั้นเหรอ?” ดวงตาของจางรุ่ยเบิกกว้างราวกับว่าเธอจำอะไรบางอย่างได้