ตอนที่ 20 เสน่ห์ที่ถูกสาปของฉัน!

ระบบอัพเกรดเทพชาย

หลิงเซียวกล่าวต่อว่า “ทำไมผู้หญิงถึงได้อยากปีนขึ้นไปบนเตียงของฉันกันน่ะ”

“เฮ้อ…ฉันเกลียดโลกนี้ ความหล่อเหลาอันรุ่งเรืองของฉันมันปกปิดความสามารถอันน่าทึ่งของฉัน ฉันไม่สามารถกำจัดเสน่ห์ที่น่ารังเกียจนี้ของฉันได้!”

ในขณะที่พูด เขาก็ลูบผมของเขาราวกับทำอะไรไม่ถูก

เมื่อคนอื่นๆได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก

แต่จากการแสดงออกของพวกเขาจะเห็นได้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะหลิงเซียวได้ พวกเขาคงจะไปลุมตื้บหลิงเซียวแล้ว

“การแสดงออกแบบนั้นหมายความว่าอะไร ถึงหน้าตาจะดูไม่หล่อ แต่ก็มีเสน่ห์ไม่ใช่หรือ?” หลิงเซียวกล่าวอย่างโกรธเคือง

ทันทีที่หลิงเซียวพูดคำนี้ออกไป คนอื่นๆก็หมดอารมณ์ทันที

หลังจากระบบอวยพรอย่างต่อเนื่องแม้ว่าหลิงเซียว จะมีใบหน้าขี้หมาแห้ง มันก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาไม่มีเสน่ห์

ในทางตรงกันข้ามทุกการเคลื่อนไหวของหลิงเซียวสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้

แม้ว่า … ใบหน้านี้จะดูเลอะเทอะและดูราคาถูกไปหน่อยก็เถอะ

จางรุ่ยกัดฟันเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้

เธอต่อต้านความโกรธในใจของเธอและถามว่า “เมื่อสามวันก่อน ที่โรงเรียนประถมหนานเฉิง นักเรียนมัธยมคนนั้นคือคุณใช่หรือเปล่า?”

หลิงเซียวผงะไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “คุณรู้ได้ยังไง?”

“ไม่สำคัญ” จางรุ่ยตอบ

จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกมาและพูดว่า “มาทำความรู้จักกันใหม่ ฉันชื่อจางรุ่ยเป็นเทพีสงครามแห่งหนานเฉิง!”

“ผมหลิงเซียว เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” หลิงเซียวก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน

เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็งุนงงเล็กน้อย ทำไมทั้งสองที่เพิ่งจะต่อสู้กันก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับกลายมาเป็นจับมือกันและสร้างสันติภาพขึ้นมา?

เมื่อฟังการแนะนำตัวของทั้งสองคนที่หยิ่งผยองเหมือนกัน ทุกคนก็พึมพำในใจและอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านี่คือการรวมตัวกันในตำนานของคนหลงตัวเองหรือไม่?

ผู้คนจากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่หนึ่ง ยิ่งอธิบายไม่ถูก

เทพีสงครามวันนี้เธอคงไม่ได้กินยาลืมเขย่าขวดมาใช่ไหม? เธอคุยง่ายขนาดนี้ได้ยังไง?

นี่มันไม่ถูกต้อง! จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง!

ชูเหยา เป็นคนแรกที่ตอบสนอง เธอถามขึ้นมาในทันทีว่า “รุ่ยรุ่ย เกิดอะไรขึ้นกับเมืองหนานเฉิง เมื่อสามวันก่อน”

คนที่เหลือก็กลับมามีสติอีกครั้ง

จางรุ่ยเหลือบมองไปที่หลิงเซียวอย่างลึกล้ำและพูดว่า “เมื่อสามวันก่อนมีนักรบจิตวิญญาณต่างโลกจำนวนเล็กน้อยปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหนานเฉิง!”

“จริงเหรอ? นักรบจิตวิญญาณจากต่างโลกบางคนออกมาจากรอยแยกมิติอื่นจริงๆ?”

“มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะออกมา แต่พวกเขากลับปรากฏตัวขึ้นในสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ในใจกลางเมือง! “

“หืม? ไม่ถูกต้อง! จางรุ่ยเธอกำลังจะบอกว่าหลิงเซียวต่อสู้กับนักรบจากต่างโลก? “

” … “

ในไม่ช้าทุกคนก็ตระหนักได้ถึงคำพูดที่จางรุ่ยกำลังจะสื่อ

จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลิงเซียวด้วยความประหลาดใจทันที ราวกับว่าพวกเขากำลังคิดถึงบางสิ่งที่น่าตกใจ

คราวนี้จางรุ่ยพูดออกมาตรงๆ “ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเคยได้ยินเรื่องนี้หรือเปล่า เย็นวันนั้นเหนือหนานเฉิงเล็กน้อย มีเงามืดของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดยาวหนึ่งพันเมตรปรากฏขึ้น! ถ้าฉันเดาไม่ผิด นั่นน่าจะเป็น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของหลิงเซียว!”

“ให้ตายเถอะ!”

“จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิด ยาวหนึ่งพันเมตร? “

“นั่นไม่ได้หมายความว่า จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของหลิงเซียวมีระดับที่สูงมากหรอกเหรอ? “

ก่อนที่พวกเขาจะทันได้พูดอะไรต่อ จางรุ่ยก็พูดอะไรบางอย่างเพิ่มเติม ข่าวนี้ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิม

“สมาชิกสามคนจากกองกำลังดาบที่แหลมคมในวันนั้น ที่เป็นนักรบจิตวิญญาณระดับหนึ่งและระดับสอง ทั้งสามคนล้วนพ่ายแพ้ให้แก่นักรบจากต่างโลก!”

“แต่หลังจากที่หลิงเซียวปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดขึ้นมา เขาก็สามารถเอาชนะนักรบต่างโลกนั้นได้โดยตรง !” จางรุ่ยกล่าวอย่างช้าๆ

เว้ง!

คำพูดของจางรุ่ยเป็นเหมือนระเบิดที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง

หลิงเซียวที่เพิ่งปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของเขา กลับสามารถทำให้นักรบต่างโลกที่สู้กับสมาชิกจากกองกำลังดาบที่แหลมคมทั้งสามจนแพ้พ่าย พิการได้

แน่ใจเหรอว่านี่ไม่ได้โกหกกัน