ตอนที่ 104 ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว / ตอนที่ 105 หลีกเลี่ยงไม่ได้

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 104 ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว

 

 

โจวเฉวียนถูกคำพูดของชุยหังเล่นเอาตกตะลึง จากนั้นพูดว่า: “ยังไงก็ไม่ได้ คนตั้งเยอะขนาดนั้นฉันก็เสวยสุขไม่ไหวนะ”

 

 

“ไม่เป็นไร ดูแลทั่วถึงแล้วคัดเลือกส่วนสำคัญไง” ทันใดนั้นถังเฉิงก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา

 

 

โจวเฉวียนยังคงโบกมือไปมาพลางพูด: “ยังไงฉันก็ต้องเหลือไว้ให้พวกนายสักหน่อยสิ”

 

 

“ไม่เป็นไร เหล่าซื่อของพวกเรารูปหล่อ เดี๋ยวค่อยไปแย่งดาวคณะอื่นเอาก็ได้แล้ว” ชุยหังว่า

 

 

“เหลาอู่ นายอยากจะเสียดสีฉันอีกแล้วใช่ไหม” ถังเฉิงเคาะไม้กระดานเตียงจากเตียงชั้นล่าง

 

 

ชุยหังพูดจากเตียงชั้นบนว่า: “พี่สี่ นายต้องระวังหน่อยนะเผื่อว่าไม้กระดานมันไม่แข็งแรงแล้วฉันตกลงไปจะได้กระแทกนายเข้านะ เผื่อทำเอาใบหน้าที่สามร้อยหกสิบองศาก็มีแต่จุดบอดของนายถูกกระแทกจนพังขึ้นมา นายจะได้เสียโฉมเอานะ”

 

 

“ไอ้บ้าเหลาอู่ ถ้านายไม่ได้ยอกย้อนวนมาด่าฉันนายจะไม่สบายใช่ไหม แล้วอะไรคือสามร้อยหกสิบองศามีแต่จุดบอด?” ถังเฉิงถาม

 

 

ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา โจวเฉวียนพูดขึ้น: “ห้องของพวกนายนี่สนุกครึกครื้นทุกวันจริงๆ เลยนะ”

 

 

“ช่วยไม่ได้ในเมื่อมีเจ้าคนปากร้ายนี้อยู่ พวกเราไม่อยากครึกครื้นก็ไม่ได้” วังเฉียงว่า

 

 

“น้องหก ทำไมถึงได้พูดถึงพี่ห้าของนายแบบนี้ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เลยสักนิด” ชุยหังแสร้งทำทีว่าตนอายุมากแล้วพูดออกมา

 

 

“ชุยหัง นายตลกเกินไปแล้ว ฉันสมัครให้นายแล้วนะ ยังเหลืออีกหนึ่งรายการฉันต้องรีบไปหาห้องอื่นๆ ก่อน” โจวเฉวียนกล่าว

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ถ้าไม่ได้ก็จัดเป็นรายการรวม ทุกคนร้องเพลงร่วมกันอะไรแบบนั้น ในเมื่อทุกคนต่างก็ไม่อยากแสดงเดี่ยวกัน หรือไม่ก็ให้ฉันขึ้นไปพูดเสียดสีเหล่าซื่อสักห้านาทีสิ”

 

 

โจวเฉวียนหัวเราะพลางพูดตอบ: “ฉันก็กลัวว่าเหล่าซื่อของพวกนายจะตายลงตรงนั้นเอาน่ะสิ”

 

 

ถังเฉิงก็พูดขึ้น: “น้องห้าครับ ดูเหมือนว่านายจะอยากถูกจัดการ?”

 

 

“พี่สี่ ข้าน้อยมิกล้า” ชุยหังรีบยอมแพ้ทันที

 

 

โจวเฉวียนออกไปแล้ว คนในห้อง426ก็เอะอะจอแจกันสักพัก อยากให้ชุยหังเอาขลุ่ยออกมาให้พวกเขาดู

 

 

ชุยหังรั้นพวกเขาไม่ไหวก็ลงมาที่พื้น ก่อนจะเอาขลุ่ยที่เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางออกมา

 

 

ที่จริงอันนี้เป็นเครื่องดนตรีที่จัดว่าเรียนง่ายที่สุดแล้ว มีแค่หกรู เพียงลมหายใจถูกต้องและนิ้วมือไม่กดผิดก็พอแล้ว

 

 

เมื่อเทียบการดีดกีต้าร์ร้องเพลงพวกนั้นแล้วอาจจะไม่โรแมนติก แต่ว่าก็มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง

 

 

ทุกวันต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับซ่งไข่แล้วก็คิดถึงหลูจื้อ วันเวลาแบบนี้เกิดซ้ำวันแล้ววันเล่า

 

 

ความสับสนวุ่นวายของชุยหังก็เพิ่มพูนขึ้นไม่หยุด

 

 

เขากระทั่งเคยคิดว่า หรือหลังจากที่หลูจื้อส่งรูปถ่ายพวกนั้นให้ตนเสร็จแล้วเกิดเสียใจภายหลัง จากนั้นก็เลยแอบลบตนทิ้งไปแล้ว

 

 

เพียงแต่เขาโง่เง่ายังไม่รู้เรื่องอะไรก็เท่านั้น

 

 

ในที่สุดก็ถึงวันสุดท้ายของการฝึกทหารแล้ว ตอนที่ขบวนสวนสนามผ่านเวทีหลักอย่างพร้อมเพรียงกันนั้นหัวใจของชุยหังก็นับว่าปล่อยวางลงแล้ว

 

 

ช่วงเช้าเป็นพิธีตรวจสอบ ช่วงบ่ายเป็นงานศิลปะการแสดง

 

 

ถึงแม้ว่าขอบข่ายของพวกเขาเมื่อเทียบกับคณะศิลปะแล้วจะไม่ได้อยู่ในเกรดเดียวกัน แต่ก็แสดงได้ถึงความอบอุ่นใจ

 

 

เมื่อผ่านวันนี้ไปพวกเขาก็ต้องถอดชุดลายพลางนั้นแล้ว ต้องบอกลากับบรรดาครูฝึกแล้ว

 

 

อยู่ร่วมกันมาเป็นเวลายาวนาน ทุกคนต่างก็เกิดความอาลัยอาวรณ์ต่อครูฝึกประจำห้องของตน

 

 

ไม่ว่าในช่วงระยะเวลาการฝึกทหารนั้นครูฝึกคนนี้จะเคยลงโทษพวกเขาหรือตำหนิติเตียนพวกเขาอย่างเข้มงวด แต่ต่างก็อยู่บนหนทางการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของพวกเขา เป็นบุคคลที่ไม่สามารถลบลืมได้

 

 

การเริ่มต้นชีวิตในมหาวิทยาลัย คนกลุ่มนี้ได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา

 

 

การแสดงของคณะการเดินเรือยังคงจัดอยู่ที่โรงอาหารห้า ใกล้ๆ กับตึกหกเก่าแก่ ที่นั่นถูกตกแต่งเอาไว้เรียบร้อยนานแล้ว

 

 

แต่ทว่า ตอนที่พวกเขาเข้ามานั่งในโรงอาหารทั้งหมดแล้วนั้น ครูฝึกประจำห้องสามซ่งไข่กลับไม่มา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 105 หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

ทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมครูฝึกคนอื่นอยู่หมด แต่ซ่งไข่กลับไม่มา

 

 

อาจารย์หม่าเดินมาแล้วบอกกับนักเรียนห้องสามว่า เพราะครูฝึกซ่งมีเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้กำลังจัดเก็บสัมภาระอยู่ที่ที่พักอาจจะมาไม่ได้

 

 

ทุกคนต่างก็แสดงออกว่าไม่ค่อยเห็นด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะมาช่วยภายหลัง อีกทั้งตอนที่ฝึกฝนพวกเขาก็โหดที่สุดเลยด้วย แต่ว่าผ่านการรู้จักใช้เวลาด้วยกันมาหลายวัน พวกเขาก็นับว่ามีความรู้สึกต่อกัน

 

 

ถ้าในโอกาสแบบนี้เขายังไม่มาล่ะก็ ภายในใจของทุกคนก็คงจะรู้สึกเสียใจ

 

 

อันที่จริงเหตุผลที่อาจารย์หม่าบอกเมื่อครู่นี้พวกเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

 

 

เขาจะต้องรู้สึกว่าตนมาทีหลังแล้วพื้นฐานทางความรู้สึกระหว่างเขากับนักเรียนเทียบไม่เท่าหลูจื้อ ดังนั้นจึงรู้สึกว่ามาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะต้องรู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอน

 

 

“อาจารย์หม่าครับ หาคนไปเชิญครูฝึกมาเถอะครับ ไม่อย่างนั้นคนอื่นมีครูฝึกหมด พวกเราไม่มีมองแล้วก็ดูไม่ค่อยดีนะครับ” โจวเฉวียนเสนอความคิดเห็น

 

 

อาจารย์หม่าพูดขึ้น: “โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกนายก็เลือกตัวแทนสักคนไปเถอะ”

 

 

“ยังต้องพูดอีกหรอ ชุยหังไง” มีคนพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ชุยหังตกตะลึง ไม่ใช่ว่าควรจะให้โจวเฉวียนไปหรอ

 

 

อาจารย์หม่ามึนงงนิดหน่อย พลางถาม: “ชุยหังอยู่ไหน”

 

 

ชุยหังลุกขึ้นยืนอย่างมึนๆ งงๆ : “อาจารย์ผมอยู่นี่ครับ”

 

 

“ทุกคนต่างก็เสนอนาย ถ้าอย่างนั้นนายไปเถอะ ครูฝึกซ่งอยู่อาคาร3 ห้อง 101”

 

 

ห้อง 101? นั่นมันห้องที่หลูจื้อพักอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรอ

 

 

ชุยหังมึนๆ นิดหน่อย อันที่จริงเรื่องแบบนี้เขาไม่อยากทำเลยจริงๆ

 

 

เมื่อเขารู้สึกตัวก็เหลือบไปมองโจวเฉวียน โจวเฉวียนพูดขึ้น: “ไปเถอะ ครูฝึกซ่งเคยคุยกับนายตามลำพังมาตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรอ ความประทับใจต่อนายคงจะดีพอสมควร”

 

 

“ถ้าไม่อย่างนั้นนายไปกับฉันเถอะ นายเป็นหัวหน้า ในช่วงเวลาแบบนี้จะกลัวไม่ได้” ชุยหังกล่าว

 

 

โจวเฉวียนมองอาจารย์หม่า อาจารย์หม่าพยักหน้าขึ้นลงพลางพูด: “ถ้าอย่างนั้นพวกนายสองคนไปเถอะ”

 

 

ที่จริงชุยหังไม่กล้าเผชิญหน้ากับซ่งไข่ด้วยตนเอง เพราะหลังจากที่ปฏิเสธเขาไปวันนั้นบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนก็อึดอัดขึ้นมาอย่างประหลาด

 

 

เอาแต่รู้สึกว่าเขามีคำที่อยากจะพูดกับตนแต่กลับไม่พูดอะไร

 

 

ถ้าหากตนไปเพียงลำพัง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรกับตนก็คงจะอึดอัดเอามากแน่

 

 

เรียกโจวเฉวียนไปด้วยก็ทั้งสามารถรักษาหน้ารักษาการณ์หัวหน้าชั่วคราวของเขาแล้วยังสามารถทำให้ตนไม่ต้องตกไปอยู่ในสถานการณ์แสนอึดอัดใจได้ด้วย

 

 

ชุยหังคิดๆ ไปแล้วยังรู้สึกเลยว่าตนฉลาดเกินไปแล้ว

 

 

ห้อง101 ชุยหังเคาะประตูห้อง ซ่งไข่เปิดประตูอย่างรวดเร็ว

 

 

“ครูฝึกครับ พวกเราเป็นตัวแทนของนักเรียนห้องสามทั้งหมดมาเชิญครูไปเข้าร่วมงานศิลปะการแสดงครับ” โจวเฉวียนพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ซ่งไข่นิ่งไปพักหนึ่งเขากำลังติดกระดุม จากนั้นก็เหลือบมองชุยหังเล็กน้อย

 

 

“ทางนี้ฉันยังมีเรื่องนิดหน่อย…”

 

 

“ครูฝึกครับ ครูไปช่วยพวกเราหนุนหน้าหน่อยเถอะครับ ครูไม่อยู่พวกเราไม่มีแกนหลักเลย” โจวเฉวียนกล่าว

 

 

ชุยหังยังคงไม่พูดไม่จาสักคำ ปกติฝีปากเก่งแท้ๆ ในตอนนี้กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

 

 

ซ่งไข่ลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดกับโจวเฉวียนว่า: “ห้องของพวกนายมีกี่คน”

 

 

“สามสิบหกคนครับ”

 

 

“นับรวมที่ปรึกษาแล้วก็สามสิบเจ็ดคนใช่ไหม” ซ่งไข่พูดพร่ำสักพัก ก่อนจะหยิบเอากระเป๋าตังค์ออกมาจากในอกหยิบเอาแบงค์สีแดงออกมายื่นให้โจวเฉวียน : “ไปที่ซุปเปอร์มาเกตซื้อน้ำแร่มาสามสิบขวด เอาแบบเย็นแล้วก็เอาไปส่งที่โรงอาหารเลย”

 

 

“ครูฝึกไม่ต้องครับ ที่ผมมีเงินอยู่ครับ” โจวเฉวียนรีบพูดจากนั้นก็ยื่นเงินกลับไป

 

 

“ให้นายไปนายก็ไปเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ไปแล้ว” ซ่งไข่ว่า

 

 

โจวเฉวียนไม่มีทางเลือกจึงพูดได้แค่ว่า: “ถ้าอย่างนั้นขอบคุณครับครูฝึก ชุยหังไปเถอะ”

 

 

ชุยหังกำลังคิดอยากจะแยกตัวตามไปด้วย ซ่งไข่ก็พูดขึ้น: “นายไปเองก็พอแล้ว ชุยหังมาช่วยฉันเก็บข้าวของหน่อย”

 

 

ในหัวของชุยหังมึนงงไปเล็กน้อย ดูเหมือนยังไงก็ต้องอยู่กับเขาตามลำพังสินะ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยจริงๆ