ตอนที่ 102 วันที่แสนเงียบสงบ / ตอนที่ 103 สมัครสักรายการ

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

​​​​​​​ตอนที่ 102 วันที่แสนเงียบสงบ

 

 

ชุยหังรักษาระยะห่างจากซ่งไข่จริงๆ ทุกครั้งที่เป็นช่วงพักเบรก เขามักจะรีบเข้าไปหลบอยู่ในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็จะเดินห่างออกไปไกลๆ จนถึงใต้ร่มเงาไม้

 

 

ซ่งไข่ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าย่อมมองอะไรออก แต่ทว่าเขาก็ไม่มีวิธีอื่นใด

 

 

ในที่สุดก็ถึงช่วงที่ต้องคัดเลือกกองขบวนสวนสนาม ซ่งไข่ไม่แม้แต่จะลังเลก็เลือกชุยหังในทันที

 

 

ชุยหังไม่รู้เลยว่าเขาคัดเลือกตนตามมาตรฐานเข้มงวดที่กำหนดไว้หรือเปล่า แต่ว่าคะแนนการเรียนที่ได้มาฟรีๆ ยังไงเขาก็ต้องรับมัน

 

 

ถ้าหากตอนนี้ปฏิเสธไป ด้านหนึ่งก็เท่ากับตบหน้าซ่งไข่เกินไป อีกด้านหนึ่งก็แค่เป็นตัวมายืนยันว่าตัวเองนั้นโง่มาก

 

 

เขาเดินอยู่ภายในกองขบวนอย่างสงบจิตสบายใจ เริ่มต้นทุกวันแห่งการฝึกฝนกองขบวนสวนสนามของพวกเขา

 

 

หลังจากที่ซ่งไข่ได้รู้ความคิดของเขาแล้วก็ไม่ได้คิดหาวิธีมาพูดอะไรที่ไม่ควรพูดกับเขาอีก ทุกครั้งเมื่อเห็นเขาก็ยังคงเอ่ยทักทายอย่างเปิดเผย จากนั้นก็เหมือนกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอะไรแบบนั้น

 

 

บรรยากาศแบบนี้ชุยหังรู้สึกว่ามันดีมากเลยทีเดียว

 

 

อย่างน้อยตนก็ไม่ต้องกังวลกลุ้มใจมากเกินไป

 

 

ด้านชย่าอวี่ชิวหลายวันมานี้ก็มีส่งวีแชทมาหาบ้างเป็นครั้งคราว ถามตนว่าถูกแดดเผาดำไหม แล้วก็ยังมีอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ตอนนี้สองคนพูดคุยกันได้ปรองดองกลมกลืนมาก แล้วก็ไม่ได้อึดอัดใจเพราะเรื่องก่อนหน้านี้เลย

 

 

พวกเขาต่างก็รู้กันทั้งสองฝ่าย ต่างไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องในทางด้านนั้นเลย

 

 

วันเวลาแบบนี้ สำหรับชุยหังแล้วมันค่อนข้างผ่อนคลายสบายขึ้นมาก

 

 

แต่มีติดอยู่นิดหน่อยคือหลังจากที่หลูจื้อติดต่อตนมาในวันนั้นแล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกเลย

 

 

ชุยหังดูโมเมนต์กลุ่มเพื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังคงว่างเปล่า

 

 

มีหลายครั้ง เขาถึงกระทั่งคาดเดาว่าหลูจื้อลบเขาออกจากเพื่อนไปแล้วหรือเปล่า เขาอยากจะส่งข้อความไปเพื่อทดสอบดูสักหน่อย แต่ท้ายที่สุดก็อดทนไว้ได้

 

 

ในเมื่อเขาไม่ติดต่อตนมา ตนก็จะไม่ติดต่อเขา เสแสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยมใครจะทำไม่ได้?

 

 

การฝึกทหารดำเนินการเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายแล้ว จู่ๆ อาจารย์หม่าก็ปรากฏตัวออกมา

 

 

หลายวันมานี้เขาโผล่หน้ามาน้อยมากก็ไม่รู้ว่ากำลังยุ่งๆ กับอะไรอยู่

 

 

ไม่ง่ายเลยกว่าการฝึกทหารตลอดทั้งหนึ่งวันจะจบลง เขาแจ้งให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ใต้ตึกหอพัก จากนั้นบอกกับทุกคนว่าในวันที่เสร็จสิ้นการฝึกทหารวันนั้นเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับความทุ่มเทของครูฝึกทุกท่าน พวกเขาตัดสินใจว่าจะจัดงานศิลปะการแสดงขึ้น รายการที่จัดแสดงไม่จำกัด

 

 

เมื่อถึงตอนนั้น บรรดาครูฝึกก็สามารถเข้าร่วมด้วยได้ ให้ทุกคนกระตือรือร้นหน่อย ทุกๆ ห้องเรียนคิดการแสดงสามรายการ

 

 

สำหรับข่าวนี้ทุกคนต่างก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ในเมื่อทุกคนก็รู้จักคบค้าสมาคมกันมาตั้งหลายวันแล้ว นับว่ามีความรู้สึกอยู่

 

 

จากนั้นอาจารย์หม่าก็ไม่ได้พูดไร้สาระมากมายอะไรอีก เพียงแต่ให้รักษาการณ์หัวหน้าห้องของแต่ละห้องรวบรวมรายการการแสดงของห้องตน จากนั้นให้รวมกันไปส่ง

 

 

ชุยหังแสดงท่าทีเหมือนทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับตน ในเมื่อทุกๆ ห้องมีแค่สามรายการ อีกอย่างคนก็มีมากขนาดนั้น สามรายการเชื่อว่าต้องจัดแบ่งได้อย่างง่ายดายมากแน่

 

 

ในงานศิลปะการแสดงครั้งนี้เพียงแค่สามารถได้เสนอหน้าบ้างก็คงจะเพิ่มคะแนนเรียนได้อย่างง่ายดายมาก ตัวเขาถูกเลือกเข้าไปอยู่ในกองขบวนสวนสนามแล้ว ย่อมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแย่งชิงโอกาสในครั้งนี้กับคนอื่นอีก

 

 

ดังนั้นจิตใจของเขาในตอนนี้ผ่อนคลายสบายใจมากจึงไปกินข้าวกับเพื่อนรูมเมทไม่กี่คนของเขาแล้ว

 

 

“เหลาอู่ นายไม่ร้องเพลงหรอ” จ้าวหลินเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังตะลึงไป จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าเขาคงจะอยากรู้ว่าตอนงานศิลปะการแสดงตนเตรียมตัวจะไปร้องเพลงสักเพลงใช่หรือเปล่า

 

 

“ไม่ล่ะ ฉันเดินสวนสนามแล้ว โอกาสนี้ฉันไม่เข้าร่วมด้วยแล้ว”

 

 

“นายโง่หรือเปล่าเนี่ย มีความสามารถก็ขึ้นไปเลยสิ นายก็ใช่ว่าร้องเพลงไม่เป็นเสียหน่อย” จ้าวหลินกล่าว

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ห้องของพวกเรามีอยู่ตั้งสี่สิบกว่าคน สามรายการนี้ต่างก็แย่งกันขึ้น ฉันจะเข้าร่วมความสนุกครึกครื้นครั้งนี้ไปทำไม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 103 สมัครสักรายการ

 

 

ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา รู้สึกว่าคำพูดของชุยหังดูเหมือนจะมีเหตุผลก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

ตอนเย็นกลับมาถึงห้องพักชุยหังเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์อีกแล้ว ด้านหลูจื้อยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าตนในตอนนี้ที่กำลังรอข้อความจากหลูจื้อเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าการรอข้อความจากหลิวเฮ่อเมื่อก่อนหน้านี้เสียอีก

 

 

เพราะอย่างน้อยหลิวเฮ่อก็มีเวลาการทำงานและพักผ่อนที่ค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับกฎเกณฑ์ทั่วไป อีกอย่างไม่ได้ควบคุมเรื่องโทรศัพท์ด้วย แต่สถานการณ์ด้านหลูจื้อนั้นดูเหมือนกับเรื่องของโทรศัพท์มือถือนี้จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด

 

 

เขาไม่ได้บอกใครว่าเขามีเบอร์มือถือและวีแชทของหลูจื้อ

 

 

เขาไม่อยากให้คนรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ในขณะเดียวกันเขาก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่หน่อยๆ ด้วย คือเขาไม่อยากให้คนอื่นติดต่ออะไรกับหลูจื้อ

 

 

ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลูจื้อในตอนนี้ยังไม่ได้ชัดเจนอะไรขนาดนั้น

 

 

โจวเฉวียนเดินเข้าห้องมาแล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา: “ชุยหัง นายสามารถแสดงสักรายการหน่อยได้หรือเปล่า”

 

 

ชุยหังตะลึงงัน คนตั้งเยอะขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าการแสดงแค่สามรายการก็จัดไม่ได้?

 

 

“หัวหน้า ทำไมหรอ รายการแสดงไม่ครบหรอ”

 

 

โจวเฉวียนพูดตอบ: “ตอนนี้มีห้องพักพวกเราที่ร้องเพลง คนอื่นๆ ต่างก็ไม่แสดง”

 

 

“ทำไมถึงไม่ขึ้นแสดง? โอกาสดีขนาดนี้ คนก็ตั้งเยอะแยะการแสดงแค่สามรายการ ยังไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถแบ่งได้ภายในไม่กี่นาทีอีกหรอ” ชุยหังรู้สึกแปลกใจ

 

 

โจวเฉวียนพูด: “ห้องอื่นๆ เหมือนจะมีคนที่เล่นกีต้าร์ได้ ห้องของพวกเราไม่มีจึงได้แต่ขึ้นไปร้องสด…ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้วก็เลยไม่อยากขึ้นกันแล้ว”

 

 

“เปรียบอะไรกับเขาก็แค่สนุกๆ กัน เผื่อว่าได้คะแนนเรียนเพิ่มด้วยล่ะ ทำไมถึงได้โง่กันขนาดนี้” ชุยหังว่า

 

 

“ไม่สนละ ไม่ว่ายังไงฉันก็สมัครให้นายแล้ว นายต้องทำการแสดงหนึ่งรายการ” โจวเฉวียนกล่าว

 

 

ชุยหังลุกขึ้นนั่งแล้วพูดว่า: “หัวหน้าห้อง นายยังจะให้ฉันร้องเพลงอีกหรอ รูมเมทห้องพวกนายก็ไม่ใช่ว่าจะร้องเพลงหรอ”

 

 

อันที่จริงเขาก็รู้ว่ารูมเมทห้องพวกเขาที่ร้องเพลงก็คือโจวเฉวียน เพียงแต่โจวเฉวียนอายที่จะพูดออกมาตรงๆ ก็เท่านั้น

 

 

เขารู้สึกนับถือโจวเฉวียนที่ในสถานการณ์แบบนี้ยังสามารถลุกขึ้นมาเป็นแบบอย่างให้กับทุกคน

 

 

“นั่นก็ไม่ได้ ยังขาดอีกสองรายการ คนก็ตั้งมากขนาดนี้ยังดึงออกมาไม่ได้เลย” โจวเฉวียนกล่าว

 

 

ชุยหังครุ่นคิดแล้วพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ร้องเพลงได้ไหม”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นนายจะทำอะไร” โจวเฉวียนเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ไม่ใช่ว่ายังไงก็ให้สมัครการแสดงเข้าไปก่อนก็โอเคแล้วไม่ใช่หรอ ต้องบอกตอนนี้เลยหรอว่าจะทำอะไร”

 

 

“แน่นอนสิ เผื่อว่าเป็นร้องเพลงเหมือนกันหมดก็จะได้จัดแยกออกจากกัน ไม่อย่างนั้นก็จะแบ่งยาก” โจวเฉวียนกล่าว

 

 

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นนายสมัครแสดงเดี่ยวเป่าขลุ่ยให้ฉันก็แล้วกัน” ชุยหังว่า

 

 

โจวเฉวียนใช้สายตาแบบนั้นมองชุยหังแล้วถาม: “นายเล่นได้?”

 

 

ทุกคนในห้องต่างก็มองมาที่ชุยหังหมดพลางแสดงสีหน้าสงสัย

 

 

ชุยหังพูดอย่างเก้อเขินนิดหน่อย: “อืม ได้นิดหน่อย”

 

 

ที่จริงเมื่อก่อนเขาเคยเรียนมา แถมยังได้รางวัลด้วย เพียงแต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ทุกคนต่างเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงรัก ทำให้คนอื่นๆ สามารถผ่อนคลายได้ ส่วนตนเอาขลุ่ยมาเป่าก็ทำได้แค่ให้คนอื่นระทึกใจเท่านั้น

 

 

“สุดยอดเลยนะเหลาอู่ ซ่อนไว้ซะมิดชิดเลย ยังมีเรื่องอะไรที่ยังปิดบังพวกเราอีกไหม ไม่ใช่ร้องเพลงก็เครื่องดนตรี ไม่ใช่ว่าผ่านไปอีกไม่กี่วันก็มาบอกให้พวกเรารู้ว่านายมีเมียแล้ว?” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “อันนี้มีไม่ได้ มีไม่ได้เด็ดขาด”

 

 

“สายตาอย่าได้สูงขนาดนั้น นายดูผู้หญิงการจัดการทางทะเลพวกนั้นสิ นายถูกใจคนไหน” จ้าวหลินว่า

 

 

ชุยหังรีบพูดล้อเล่นขึ้นมา: “ฉันไม่ยุ่งจะดีกว่า พวกนั้นทั้งหมดเป็นของโจวเฉวียนหมด”

 

 

โจวเฉวียนมึนงงพลางเอ่ยถาม: “เป็นของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“ไม่ใช่ว่าวันนั้นนายตะโกนแหกปากถามผู้หญิงทั้งหมดว่ารักนายไหมหรอกหรอ” ชุยหังพูดล้อเล่นถึงเพลง (รักฉันไหม) ที่เขาร้อง

 

 

โจวเฉวียนหัวเราะพลางพูด: “พวกเขาก็พูดแล้วว่าไม่รักไง”

 

 

“นายทำไมถึงโง่แบบนี้ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปากไม่ตรงกับใจนะ”