ซู่ ซู่ ซู่!!!

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที พวกเขาเป็นเหมือนกับวานรก็ว่าได้ พุ่งเข้าไปในเหมืองหินวิญญาณนี้อย่างกะทันหัน ต้องการที่จะสังหารเหล่าชาวพื้นเมืองที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้น

ในช่วงเวลานี้ หมอกสีแดงก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมดั้งเดิม

“หืม? แปลกจริงๆ ชาวพื้นเมือง? อันที่จริงพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน?”

เมื่อฉางเซวียและคนอื่นๆพุ่งออกไปนั้น พวกเขากลับพบกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด ที่พื้นนั้นไม่ได้มีร่างของใครที่นอนหมดสติอยู่ แม้แต่ภูตผีวิญญาณสักตนก็ไม่ได้ปรากฏให้เห็น

สัญชาตญาณของพวกเขากำลังบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย

“ใช่ การที่สูดดมหมอกแดงเข้าไปนั้น ควรที่ไม่จะสามารถเคลื่อนไหวได้ถึงจะถูก ทว่าชาวพื้นเมืองเหล่านั้นหายไปไหนกัน?”

“หรือว่าศิษย์พี่เฉินเหว่ยจะสังหารพวกเขาไปทั้งหมด?”

“นี่ก็ไม่ถูก ต่อให้จะสังหารไปหมดแล้วจริงๆ ก็ต้องมีซากศพที่หลงเหลือให้พวกเราได้เห็น”

“แปลกจริงๆ ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่ามีชาวพื้นเมืองที่คุ้มกันอยู่เป็นจำนวนมาก ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะหายไปกันหมด”

ผู้คนจำนวนมากต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม พวกเขาต่างก็มองออกไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนต่างก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ในช่วงเวลานี้ รอบๆมีเสียงของอากาศที่แตกแยกและมีเสียงของฝีเท้าจำนวนมาก วินาทีต่อมา ภาพเงาก็ปรากฏขึ้นมารอบๆ ล้อมรอบฉางเซวียและคนอื่นๆอย่างกะทันหัน

ทว่าผู้คนเหล่านี้นั้นก็คือชาวพื้นเมืองที่พวกเขาเห็นก่อนหน้านี้นั่นเอง

“เป็นได้อย่างไร? ทำไมชาวพื้นเมืองเหล่านี้ถึงได้ไร้รอยขีดข่วน?” ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ช็อกไปตามๆกัน พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง นี่มันช่างเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการจริงๆ

เพราะว่าภายใต้หมอกแดงนั้น แม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับแกนทองก็ต้องหมดสติไป ด้วยพลังอำนาจของชาวพื้นเมืองเหล่านี้นั้น ควรที่จะไม่สามารถต้านทานพิษของหมอกแดงนี่ได้ถึงจะถูก

แต่ปัญหาก็คือว่า สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกัน ชาวพื้นเมืองเหล่านี้ไม่ใช่แค่ไม่ตาย ทว่าหนำซ้ำยังใช้โอกาสนี้ในการห้อมล้อมพวกเขาจนไม่มีเส้นทางหลบหนี ตกอยู่ในการห้อมล้อมรอบด้าน

“ฮ่าฮ่า เจ้าพวกปีศาจต่างถิ่นที่โง่เขลา พวกเจ้าหลงกลแล้ว”

ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่ศีรษะโล้นซึ่งมีความสูง190เซนติเมตรได้เดินเข้ามา เขามองฉางเซวียและคนอื่นๆด้วยสีหน้าที่พึงพอใจอย่างมาก สายตาเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม

อะไรกัน?!

หลิวหยูหลานสะดุ้งตกใจ เพราะว่าเธอจดจำสถานะที่แท้จริงของชายหัวโล้นคนนี้ได้ทันที ต่อให้จะกลายเป็นเถ้าถ่านเธอก็สามารถที่จะจดจำได้ เขานั้นก็คือจั่วฮาว จ้าวสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิง

เธอไม่คาดคิดว่าจะมาพบเจอกับจั่วฮาวอีกครั้งอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“สหายเฉิน ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะรักษาสัญญาของตนเองและนำพากลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้มาตายจริงๆ ข้าพึงพอใจกับการทำธุรกิจครั้งนี้อย่างมาก” ชายวัยกลางคนหัวโล้นได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

“สหายจั่วฮาว การที่เจ้าพึงพอใจก็เป็นเรื่องที่ดี ความซื่อสัตย์ก็คือพื้นฐานของนักธุรกิจ เดิมทีการร่วมมือของพวกเรานั้นไม่ได้สร้างขึ้นมาจากความซื่อสัตย์หรอกหรือ?”

ในช่วงเวลานี้ ชายหนุ่มได้เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

“เฉินเหว่ย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? ทำไมกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ถึงได้มีชีวิตอยู่?” ฉางเซวียและคนอื่นๆเห็นว่าเฉินเหว่ยยืนอยู่ข้างชาวพื้นเมืองเหล่านี้อย่างไม่คาดคิด เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่เหมือนกับเป็นความรู้สึกของนักวิทยายุทธของจักรวาลที่มีความบาดหมางกับผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ

พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง คิดว่านี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สมเหตุสมผล เมื่อไหร่กันที่ชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณจะมีท่าทางเป็นมิตรกับนักวิทยายุทธของจักรวาลเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้

“นี่จำเป็นที่จะต้องถามอีกหรือ?”

เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย “เห็นได้ชัดว่าเจ้าเฉินเหว่ยนี่ได้ทรยศพวกเรา ร่วมมือกับชาวพื้นเมืองเหล่านี้”

เขาขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกว่าตนเองนั้นประเมินความสามารถของเฉินเหว่ยต่ำเกินไป เป้าหมายตั้งแต่แรกของฝ่ายตรงข้ามนั้นก็คือกลุ่มของพวกเขา ฝ่ายตรงข้ามได้ร่วมมือและวางแผนสมคบคิดกับชาวพื้นเมืองเหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

“ทรยศพวกเรา? เฉินเหว่ย เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตนเองมีสถานะอะไร?”

“ไม่คาดคิดว่าจะร่วมมือกับชาวพื้นเมือง? หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งจักรวาลจะไม่มีที่ให้เจ้าอาศัยอยู่”

“ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้? อันที่จริงกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ให้ผลประโยชน์อะไรกับเจ้ากัน?!”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห พวกเขานั้นไม่ใช่คนโง่เขลา ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้นั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเฉินเหว่ยได้ทรยศพวกเขาอย่างแท้จริง ร่วมมือกับกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านี้

“ผลประโยชน์? เจ้าคิดว่าการที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่มากพอนั้น ข้าจะทำเรื่องเช่นนี้หรือ?” เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ตอนนี้ต่อให้ข้าจะบอกพวกเจ้าถึงเหตุผลของเรื่องนี้ก็คงจะไม่เป็นไร พวกเรานิกายหวนคืนปรโลกนั้นได้ทำข้อตกลงร่วมกับสหายชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้”

“หากทำการแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตของพวกเจ้านั้น หินวิญญาณสองในสามส่วนของเหมืองหินวิญญาณแห่งนี้ก็จะตกเป็นของพวกเรา เจ้าคิดว่าผลประโยชน์เช่นนี้นั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะปฏิเสธ?!”

เขา จั่วฮาวและคนอื่นๆได้ทำการเจราจาตกลงเงื่อนไขกันก่อนหน้านี้

หลิวหยูหลานก็เข้าใจได้อย่างกะทันหันว่าทำไมจั่วฮาวถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ เพราะว่าสำหรับสำนักวิญญาณนั้น ชีวิตของปีศาจต่างถิ่นนั้นสำคัญยิ่งกว่าหินวิญญาณ หากใครสามารถที่จะสังหารปีศาจต่างถิ่นได้นั้น จะได้ครอบครองรางวัลที่มหาศาลและจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณ

ด้วยตำแหน่งเช่นนี้ในสำนักวิญญาณ รวมถึงรางวัลที่สำนักวิญญาณมอบให้ แลกกับการที่เสียหินวิญญาณของเหมืองหินวิญญาณไปบางส่วนนั้น พวกเขาก็ยินดีที่จะร่วมมือกับเฉินเหว่ยและคนอื่นๆ

จั่วฮาวและผู้คนของชนเผ่าวิญญาณคนอื่นๆต้องการชีวิตของฉางเซวียและปีศาจต่างถิ่นคนอื่นๆ ส่วนเฉินเหว่ยและลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกคนอื่นๆนั้นก็ต้องการหินวิญญาณ เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ตอบสนองความต้องการของทั้งสอง เป็นการร่วมมือกันโดยที่ไม่มีช่องโหว่

“เฉินเหว่ย เจ้าเสียสติไปแล้ว ชาวพื้นเมืองเหล่านี้แต่ละคนนั้นต่างก็เป็นอาชญากรที่ไม่มีจริยธรรม เมื่อพวกเขาสังหารพวกเราเสร็จสิ้น พวกเขาก็จะสังหารพวกเจ้าเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นเหมือนกับการใช้ตะกร้าไผ่หาบน้ำ เจ้าจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี” ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโหพร้อมกับจ้องมองไปที่เฉินเหว่ย

“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป”

เฉินเหว่ยมีท่าทางที่สงบนิ่ง “ข้าได้เซ็นสัญญาทางจิตวิญญาณกับพวกเขา หากใครกล้าที่จะละเมิดสัญญา จิตวิญญาณก็จะแตกสลายไปในทันที ตายไปอย่างน่าสมเพช”

“การที่มี่สัญญาทางจิตวิญญาณอยู่นั้น ไม่มีใครที่จะกล้าทรยศหักหลัง!”

เขาได้เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นคงจะไม่กล้าร่วมมือกับผู้คนของชนเผ่าวิญญาณเหล่านี้

ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนของชนเผ่าวิญญาณก็คิดเช่นเดียวกัน

สัญญาทางจิตวิญญาณ?!

หลิวหยูหลานก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึม แม้แต่ในทวีปโลหิตวิญญาณเอง สัญญาทางจิตวิญญาณนั้นก็เป็นม้วนกระดาษอักขระที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด มันนั้นเป็นอักขระลึกลับที่มาจากยุคสมัยโบราณ เมื่อใดที่เซ็นสัญญานี้ จิตวิญญาณของทั้งสองฝ่ายจะผูกมัดกัน หากใครฝ่าฝืนข้อบังคับของสัญญานั้น จิตวิญญาณจะถูกทำลายและแตกสลายไปในทันที ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือได้

เพื่อที่จะกำจัดกลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าจั่วฮาวนี่ก็ได้ลงทุนพอสมควร

“บัดซบ เฉินเหว่ย เจ้าขายจิตวิญญาณของตนเองให้กับศัตรู เจ้าไม่ใช่คนของพวกเราอีกต่อไป”

“อย่าคิดว่าการที่ร่วมมือกับชาวพื้นเมืองนั้นจะทำให้เจ้าได้เปรียบ พวกเรายังคงมีจำนวนมากกว่าร้อยคน เจ้าจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี”

“พวกเราร่วมมือกัน สังหารเจ้าเฉินเหว่ยนี่และกลุ่มของชาวพื้นเมืองที่เหลือซะ”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็โมโหอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะถูกผู้คนของชนเผ่าวิญญาณซุ่มโจมตี ทว่าด้วยพลังอำนาจของพวกเขานั้น การที่จะต่อสู้จนตัวตาย ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ

แต่ละคนต่างก็ต้องการที่จะพุ่งตัวออกไป ต้องการที่จะปลิดชีวิตของเจ้าเฉินเหว่ยนี่

“ต้องการที่จะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ? สายเกินไป คำนวณจากเวลาแล้วนั้น ฤทธิ์ของยาคงจะแสดงอาการออกมาในตอนนี้”

เฉินเหว่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทางของคนที่ได้วางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้า ไร้ซึ่งความเกรงกลัวต่อความโมโหของฉางเซวียและคนอื่นๆ อีกทั้งยังมองดูคนกลุ่มนี้เหมือนกับว่ากำลังมองมดปลวกก็ว่าได้