“ศิษย์น้องฟ่าน อย่ากังวลไป ข้าเป็นอย่างไร เจ้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือ? การที่ท้าทายผู้คนในนิกายหวนคืนปรโลกของข้านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นี่ไม่ใช่เป็นการดูถูกเหยียดหยามข้าหรือ?”

เฉินเหว่ยมองไปที่ฟ่านหมิงพร้อมกับยิ้มออกมา ดวงตาของเขานั้นเป็นเหมือนกับงูอสรพิษก็ว่าได้ ทำให้ผู้คนอื่นๆสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

“เกิดอะไรขึ้น? เฉินเหว่ยนี่เจ้าจัดการกับเจ้าเด็กนั่นแล้วหรือ?” ฟ่านหมิงสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บบนอากาศเมื่อเห็นสายตาที่น่าสะพรึงกลัวของเฉินเหว่ย

เขาไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ตนเองได้เห็นเฉินเหว่ยแสดงสายตาเช่นนี้ออกมา ทว่าทุกครั้งที่เห็นนั้น มันจะเป็นตัวแทนของการนองเลือดครั้งยิ่งใหญ่ ไม่รู้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่จะต้องตายไปด้วยกลอุบายที่ชาญฉลาดของเขา

เฉินเหว่ยหรี่ตามอง “ยังไม่ได้จัดการ ทว่าตอนนี้เขานั้นไม่ได้อยู่ห่างไปจากความตายมากนัก”

“เจ้าเด็กนั่นก็ถูกยาพิษเช่นกันหรือ?”

ฟ่านหมิงเข้าใจได้ถึงคำพูดของเฉินเหว่ยได้ทันที เพราะว่าเขานั้นก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ ล่วงรู้ถึงแผนการต่อไปของเฉินเหว่ย

“ใช่”

เฉินเหว่ยพยักหน้า “ข้าเห็นกับตาของตนเองว่าเขาได้กินอาหารของข้าเข้าไป ตอนนี้เขาได้รับพิษที่ร้ายแรง คาดการณ์ได้ว่าในวันพรุ่งนี้ เขาจะต้องกลายเป็นซากศพ“

“แน่นอนว่าไม่ใช่มีเพียงแค่เจ้าอู๋ไท่โต่วเท่านั้น แม้แต่คนของเขาเองก็ต้องตายไปเช่นกัน”

น้ำเสียงของเขานั้นไร้อารมณ์อย่างมาก ดูไม่เหมือนกับเป็นการสังหารผู้คน แต่เป็นการเหยียบย่ำมดปลวกเพียงไม่กี่ตัว

“เยี่ยม”

ฟ่านหมิงก็มีความสุขขึ้นมา เผยรอยยิ้มที่แสดงถึงความพึงพอใจออกมาทันที “รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ จะสามารถเห็นเจ้าเด็กนั่นนอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นและอ้อนวอนขอความเมตตา ดูสิว่าเขาจะสามารถแสดงความยโสโอหังออกมาได้อีกหรือไม่”

“แต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาเป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะอิสระ เป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้น ทำไมถึงต้องใช้กลอุบายในการจัดการกับเขา ทำไมถึงไม่ใช้หมัดสังหารเขาไปโดยตรง?”

เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

“เจ้าโง่”

เฉินเหว่ยเปล่งเสียงออกมาในลำคอ “หากเจ้ายังเป็นคนที่บุ่มบ่ามและไม่ใช้สมองคิดเช่นนี้ เจ้าอาจจะเสียท่าให้กับคนอื่นได้ง่ายๆ ในฐานะที่นักบ่มเพาะอิสระนั้น การที่กล้าเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณเพียงลำพังโดยที่ไม่ได้มีฝีมือนั้น เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ?”

“แม้แต่การที่เผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งๆหน้าเช่นนั้น เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ได้แสดงความกลัวออกมาแม้แต่น้อย ข้าสามารถยืนยันได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นจะต้องมีวิธีการบางอย่างที่สามารถต่อกรกับพวกเราได้อย่างแน่นอน”

น้ำเสียงของเขานั้นจริงจังอย่างมาก

“ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา ต่อให้จะร้ายกาจเพียงใด เขาจะมีวิธีการใดที่จะเอาชนะพวกเราได้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เจ้าเด็กนั่นมีวิธีการบางอย่างนั้น พวกเราจะไม่มีหรือ?” ฟ่านหมิงไม่เต็มใจยอมรับเรื่องนี้เล็กน้อย

“เป็นไปได้ว่าอาจจะมี เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่มี ทว่านี่คือความไม่แน่นอน”

เฉินเหว่ยเผยให้เห็นสายตาที่เย็นชา “อันที่จริงไม่ว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีวิธีการอะไรเพื่อช่วยเหลือตนเองอยู่ สรุปสั้นๆก็คือแผนการนี้ของข้านั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน”

“ข้าเฉินเหว่ยจะไม่ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่แน่นอน ข้าไม่เคยหวังพึ่งโชคดวง ข้าเชื่อมั่นในแผนการที่จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างแท้จริงเท่านั้น ไม่ให้การกระทำที่โง่เขลาทำให้ปัญหาใหม่สอยแทรกเข้ามา”

“ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาได้แสดงท่าทางยโสโอหังไปได้ชั่วคราว เมื่อพิษในร่างกายของเขาออกฤทธิ์และไม่มีพลังอำนาจที่จะต้านทานได้ เขาก็จะเป็นเพียงแค่มดปลวกในกำมือของข้า สามารถที่จะใช้ฝ่ามือสังหารได้อย่างกะทันหัน”

“ฟ่านหมิง ข้าขอเตือนเจ้า จนกว่าเรื่องของวันพรุ่งนี้จะสิ้นสุดลง อย่าทำอะไรที่โง่เขลาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้เจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก ข้าก็จะส่งเจ้าไปที่ยมโลกเช่นกัน”

เขาได้เตือนฟ่านหมิงอย่างโหดเหี้ยม จิตสังหารเดือดดาลออกมา ไม่ได้ปกปิดแม้แต่น้อย

“เข้าใจแล้ว”

ทั่วทั้งร่างกายของฟ่านหมิงสั่นเทา รู้สึกเหมือนกับว่าอากาศทิ่มแทง ต่อให้เขาและเฉินเหว่ยนั้นจะอยู่ในฝ่ายเดียวกัน เป็นศิษย์พี่และศิษย์น้อง ทว่าเขาก็ยังมีความรู้สึกเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ

หากเฉินเหว่ยต้องการที่จะสังหารเขาจริงๆ บางทีมันอาจจะง่ายดายเหมือนกับการเป่าฝุ่นให้หายไป

เขาก้มหัวลงทันที ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทางต่อต้านอีกต่อไป

“เยี่ยมมาก จากนั้นก็รอให้ถึงวันพรุ่งนี้” เฉินเหว่ยพยักหน้า รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

…………..

ค่ำคืนได้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เกิดปัญหาใดๆ

วันต่อมา เซี่ยปิงและคนอื่นๆได้ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็ได้เดินทางไปสู่เหมืองหินวิญญาณ ใช้ระยะเวลาการเดินทางเพียงไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงที่พื้นที่รอบนอกของเหมืองหินวิญญาณ

มองดูจากระยะไกล พวกเขาค้นพบทันทีว่ามีทหารที่คุ้มกันอยู่รอบๆเหมืองหินวิญญาณ มีจำนวนมหาศาล กระจายตัวออกไปในทุกซอกทุกมุมของเหมืองแร่แห่งนี้

บนอากาศนั้น ภายในส่วนลึกของเหมืองแร่แห่งนี้เหมือนกับว่ามีออร่าของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมา คืบคลานอยู่ในความมืด เหมือนกับว่ามีอสูรโบราณที่น่าสะพรึงกลัวกำลังจำศีลอยู่ข้างในความมืดก็ว่าได้ รอให้ศัตรูเข้ามา จากนั้นก็สังหารศัตรูให้สิ้นซาก

“ใช่ ที่นี่คือเหมืองหินวิญญาณจริงๆ ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงออร่าที่อุดมสมบูรณ์ของหินวิญญาณได้อย่างชัดเจน”

“เป็นจริงอย่างที่ว่า มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา บางทีหากมีเพียงแค่พวกเรานั้น คงจะไม่สามารถฝ่าเข้าไปในเหมืองแร่แห่งนี้ได้”

“ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็คุ้มกันอยู่ที่นี่เช่นกัน หากพวกเราถาโถมกันเข้าไป จะต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน”

“ใช่ เพราะว่าถึงอย่างไรชาวพื้นเมืองที่อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก พวกเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านทักษะพลังวิญญาณ เมื่อใดที่โจมตีออกมานั้น เป็นไปได้ว่าจะสามารถสังหารพวกเราทั้งหมดโดยที่ไร้เสียงและไร้ร่องรอย”

ผู้คนต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม ลดเสียงและลมหายใจของตนเอง ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น เพราะว่าเหมืองหินวิญญาณอยู่ต่อหน้าตนเอง ภารกิจใกล้ที่จะสำเร็จเต็มที ไม่มีใครที่จะไม่รู้สึกตื่นเต้น

ทว่าเซี่ยปิงนั้นมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก เขายืนอยู่ในกลุ่มผู้คนอย่างเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ทุกๆคน”

ในตอนนี้เฉินเหว่ยพูดขึ้นมา “แผนการจะเริ่มในไม่ช้า ข้าจะแอบลักลอบเข้าไปและปล่อยหมอกแดงนี่ออกไป หลังจากที่ชาวพื้นเมืองทั้งหมดเหล่านั้นหมดสติไปนั้น พวกเจ้าก็สังหารพวกเขาทันที สังหารชาวพื้นเมืองที่หมดสติไปให้หมดสิ้น”

“ศิษย์พี่เฉิน การที่ศิษย์พี่ทำเช่นนี้มันจะไม่เป็นการเสี่ยงเกินไปหรือ?”

ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกคนหนึ่งได้พูดแทรกขึ้นมาทันที “เดิมทีแผนการนี้ก็เป็นศิษย์พี่ที่ได้เสนอขึ้นมา ทว่าภารกิจที่อันตรายที่สุดก็ให้ศิษย์พี่เป็นคนทำอีก หากกลุ่มของชาวพื้นเมืองเหล่านั้นค้นพบร่องรอยของศิษย์พี่ขึ้นมา บางทีอาจจะเผชิญกับการห้อมล้อมของชาวพื้นเมืองได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะไม่รอดชีวิตกลับมา”

เซี่ยปิงมองดูอย่างเงียบๆ ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกคนนี้คือหน้าม้าอย่างแน่นอน ทำหน้าที่เพิ่มภาพลักษณ์ของเฉินเหว่ยให้ดูดีมากขึ้น

“เฮ้ เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น หากข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลง” เฉินเหว่ยเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่เคร่งขรึม “แผนการนี้ข้าเป็นคนเสนอขึ้นมา ภารกิจที่อันตรายที่สุดก็ควรจะเป็นข้าที่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่สมควรที่จะรับหน้าที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้”

“ข้าไม่มีอะไรที่จะพูดมากไปกว่านี้ เริ่มต้นแผนการกันเถอะ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือเข้ามาช่วยเหลือข้าโดยเร็ว มันจะเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าเฉินเหว่ย”

ได้ยินคำเหล่านี้ ผู้คนก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจอย่างยิ่ง เจ้าเฉินเหว่ยนี่ช่างเป็นคนที่มีคุณธรรมยิ่งนัก หากเป็นผู้นำปกติทั่วไปล่ะก็ เมื่อเผชิญกับอันตรายจะต้องส่งลูกน้องออกไปอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่จะเสียสละตนเองเช่นนี้

ทว่าเฉินเหว่ยนั้นกลับยอมเสียสละ ยอมก้าวนำหน้าและให้เหล่าลูกน้องรั้งท้าย เข้าไปเผชิญกับอันตรายเป็นคนแรก หากนี่ไม่ใช่บุคคลที่มีคุณธรรมล่ะก็ ใครกันที่จะมีอีก

ตอนนี้พวกเขานั้นไม่ได้มีความเคลือบแคลงใจแม้แต่น้อย อีกทั้งบางคนนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของเฉินเหว่ยอย่างมาก

“นี่ก็ถือว่าเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง”

เซี่ยปิงแอบชื่นชมอย่างลับๆ หากเขาไม่ได้ล่วงรู้มาล่วงหน้านั้น คาดการณ์ได้ว่าก็คงจะเป็นเหมือนกับกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้าม

วิซ!

หลังจากที่พูดจบ เฉินเหว่ยก็เคลื่อนไหวออกไปทันที หายไปจากจุดเดิมโดยที่ไร้ร่องรอย แอบลักลอบเข้าไปในเหมืองหินวิญญาณ

ปัง!

ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน เซี่ยปิงและคนอื่นๆได้ยินเสียงระเบิดที่ดังออกมาจากส่วนลึกของเหมืองแร่ เหมือนกับเป็นเสียงสายฟ้าฟาด จากนั้นหมอกสีแดงก็ลอยออกมาจากส่วนลึกของเหมืองแร่

ภายในไม่กี่ลมหายใจ หมอกสีแดงนี้ก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่

จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ เสียงของการล้มลงไปกับพื้น รวมถึงเสียงของดาบที่ปะทะกันและเสียงคร่ำครวญก่อนตายเช่นกัน

“เวลามาถึงแล้ว พวกเราลุย” ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกได้สั่งการออกไป