ตอนที่ 1334 สุสานที่หายไป (4)
พ่อแม่ของพวกฟ่านจั๋วอาจโชคดีที่เข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดได้ และโชคของตอนนั้นก็บังเอิญเกิดขึ้นในวันเดียวกัน ดังนั้นจึงมีเพียงคนที่เข้ามาใกล้สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดในวันนั้นเท่านั้นที่สามารถค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงได้
และหลังจากที่เข้าไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด พวกเขาก็เจอกัน เพื่อที่จะยับยั้งอีกฝ่ายที่มาจากวิหารอื่น พวกเขาจึงคิดทำแผนที่ขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ทุกคนก็รู้แก่ใจดีว่าแผนที่ก็แค่วิธีแก้ปัญหาแบบผิวเผินเท่านั้น ตราบใดที่พวกเขาจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ แผนที่ก็ไม่จำเป็นอะไรเลย
แต่หลังจากนั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเจอกับอะไรเข้า เมื่อออกจากสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด พวกเขาก็ลืมทุกอย่างทันที……
การเดาของนางทำให้นางนึกถึงสิ่งที่เหวินหยูเคยบอกไว้ เหวินหยูได้รับบาดเจ็บสาหัสและคิดว่าคงรอดอยู่ได้ไม่นาน แต่พอเขาหมดสติไปในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ใครบางคนก็นำเขาออกจากผาสุดสวรรค์
นอกจากนั้น เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย ความทรงจำทั้งหมดในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดเหลือเพียงความว่างเปล่า
เรื่องนั้น ตอนแรกจวินอู๋เสียคิดว่าเป็นเพราะเหวินหยูบาดเจ็บหนักมากจนทำให้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอคิดย้อนกลับไป ก็น่าสงสัยว่าเขาจำไม่ได้ หรือว่า……ความทรงจำของเขาถูกลบออกไป?
จวินอู๋เสียมองไปยังทุ่งดอกไม้ที่ไร้ที่สิ้นสุดด้วยแววตาสิ้นหวัง
แผนที่ไม่น่าผิด และสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดก็อยู่ตรงนั้น
แต่พวกเขากลับมองไม่เห็น ไม่สามารถสัมผัสได้ เหมือนกับว่ามันหายไปจากที่นั่น
หลายปีที่ผ่านมานี้ สิบสองวิหารส่งยอดฝีมือมาที่ผาสุดสวรรค์มากมายเท่าไรแล้ว? แม้ว่าจวินอู๋เสียจะระบุจำนวนไม่ได้ แต่นางก็รู้ว่าคนพวกนั้นทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกนาง
พวกเขาสามารถหาทางมาถึงที่นี่ได้เหมือนพวกนาง แต่การได้เห็นทะเลดอกไม้ที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ทำให้พวกเขาหมดหวัง
พวกเขาหามันไม่เจอ หรือเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว?
ถ้าไม่ใช่เพราะแผนที่ที่อยู่ในมือ จวินอู๋เสียคงไม่อาจแน่ใจได้ว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดหายไปอยู่ที่ไหนกัน?
จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนและเดินต่อไปในทะเลดอกไม้
ทันใดนั้น ร่างเล็กๆก็โผล่มาตรงหน้านาง
มงกุฎดอกไม้ที่ทำจากดอกไม้สีม่วงปรากฏขึ้นตรงหน้า ใบหน้าสีชมพูระเรื่อของเสี่ยวเจว๋เงยขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองจวินอู๋เสีย มือสองข้างยื่นมงกุฏดอกไม้ให้จวินอู๋เสีย
“พี่ชายตัวน้อย ของขวัญ……ให้……ท่าน……” เสี่ยวเจว๋พูดด้วยเสียงประหม่าปนเขิน
จวินอู๋เสียประหลาดใจ นางยกมือขึ้นขยี้ผมสีแดงเพลิงของเสี่ยวเจว๋ เด็กน้อยทำเหมือนมาเที่ยว ไม่ได้มีท่าทางกังวลใจหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ก็ดีเหมือนกัน อยู่อย่างไร้กังวลก็ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างเศร้าโศกระทมทุกข์ไปตลอด
จวินอู๋เสียลงนั่งยองๆ มองดูเสี่ยวเจว๋
“ช่วยใส่ให้หน่อยซิ”
เสี่ยวเจว๋กระพริบตาปริบๆ มือเล็กๆของเขาสั่นขณะยกมงกุฎดอกไม้ที่ไม่ค่อยสวยนั่นขึ้นช้าๆและวางลงบนหัวของจวินอู๋เสีย
“สวยมาก” หลังจากที่เสี่ยวเจว๋ใส่ให้จวินอู๋เสีย เขาก็ก้าวถอยหลังไปอย่างอายๆ มือเล็กๆของเขากุมไว้ที่ด้านหลัง บิดตัวไปมาด้วยความเขินเล็กน้อย
จวินอู๋เสียยิ้มบางๆ สายตาของเลื่อนขึ้นไปเหนือไหล่ของเสี่ยวเจว๋อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นเอง นางก็ชะงักค้าง แววตาประหลาดใจผุดขึ้นมา นางยืนขึ้นและมองไปยังทะเลดอกไม้ที่ทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า