บทที่ 248 หยวนหยินของร่างแห่งเสวียนหยิน
นางมีท่าทางครุ่นคิด ค่อนข้างจะลังเล รู้ว่าหลัวซิวได้เริ่มสงสัยตนแล้ว
“สองคนเมื่อสักครู่นั้นเป็นศิษย์ราชวงศ์ตระกูลฝาน พวกมันคิดไม่ดีกับข้า เพราะข้าคือร่างแห่งเสวียนหยิน พวกมันต้องการใช้หยวนหยินเพื่อช่วยในการบรรลุ” ปี้เซียนเสว่กัดฟันกล่าว
“ร่างแห่งเสวียนหยิน?” หลัวซิวยักคิ้วขึ้น มีท่าทางประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าปี้เซียนเสว่คนนี้จะมีร่างพรสวรรค์พิเศษชนิดหนึ่ง
ฮู๋ชิงชิงที่หลัวซิวได้พบที่เทือกเขาจิ่วเฟิงในตอนนั้นคือร่างอสูรฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในร่างพรสวรรค์พิเศษ มีเสน่ห์ดึงดูดบางอย่างที่มีมาตั้งแต่กำเนิด สามารถทำให้นักยุทธ์สูญเสียสติสัมปชัญญะ เกิดความปรารถนา หรือถูกร่างอสูรฟ้าควบคุม กลายเป็นทาสรับใช้
ร่างแห่งเสวียนหยิน ในร่างพรสวรรค์นั้นเป็นร่างพิเศษที่มีพลังเสวียนหยินปะปนอยู่ ทำให้การฝึกฝนเคล็ดวิชา Attr หยินก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และพลังเสวียนหยินที่ฝึกฝนออกมานั้น จะแข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ที่อยู่ในแดนเดียวกันอีกมาก
และร่างแห่งเสวียนหยินกับร่างอสูรฟ้านั้นมีจุดที่เหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือถ้าหากถูกคนแย่งเอาหยวนหยินไป ก็จะสามารถเพิ่มระดับผลการฝึกตนได้ พูดได้ว่าเป็นสุดยอดเตากลั่นยาของการฝึกตนด้วยกันโดยเปลื้องอาภรณ์ระหว่างหญิงชาย
นอกจากนี้ในร่างพรสวรรค์พิเศษ ร่างอสูรฟ้าและร่างแห่งเสวียนหยินล้วนหาได้ยาก ส่วนหลัวซิวนั้นแค่ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงปีกว่า ก็สามารถพบได้ทั้งสองร่าง
ผู้ที่มีร่างพรสวรรค์พิเศษ เรียกได้ว่าเป็นบุตรที่รักของฟ้าดิน สามารถฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นปี้เซียนเสว่อายุเพียงสิบเก้า ก็สามารถฝึกตนมาจนถึงแดนฝึกจิตขั้น 4 ได้
หลังจากที่ได้บอกออกมาว่าตนเองนั้นเป็นร่างแห่งเสวียนหยิน ปี้เซียนเสว่ก็มีสีหน้าท่าทางค่อนข้างประหม่า กังวลว่าถ้าหากหลัวซิวคิดจะแย่งหยวนหยินของตนไปละก็ ตนคงไม่อาจต้านทานได้เป็นแน่
“ในเมื่อเจ้าเป็นร่างแห่งเสวียนหยิน เช่นนั้นความสามารถของเจ้าก็เพียงพอที่จะต่อกรกับผู้ฝึกจิตขั้น 6 ถึงจะถูก ทำไมภถึงยังได้รับบาดเจ็บ และยังถูกขวางเอาไว้ในหุบเขาเล็ก ๆ แห่งนี้?” หลัวซิวถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง
ปี้เซียนเสว่เหลือบมองหลัวซิว พบว่าในสายตาของเขาไม่มีความละโมบที่อยากจะได้หยวนหยินของตนไป มันทำให้นางวางใจลงไม่น้อย จึงกล่าวอธิบาย: “สาเหตุที่ข้าไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นเพราะในร่างกายของข้ามีกฎข้อห้าม”
ในตอนที่พูดประโยคนี้ สีหน้าท่าทางของปี้เซียนเสว่ดูหม่นหมอง มีรอยยิ้มอันขมขื่นอยู่ที่มุมปาก
“ในตอนที่ข้าอายุหกขวบถูกพบว่าเป็นร่างแห่งเสวียนหยิน จากนั้นก็ถูกรับตัวไปที่วิทยาลัยพระวงศ์ ราชวงศ์ตระกูลฝานเพื่อที่จะควบคุมข้า จึงได้ลงวิชาสยบวิญญาณเอาไว้ในร่างกายของข้า ภายใต้การกักขังควบคุมของวิชาสยบวิญญาณ ข้าไม่สามารถลงมือกับศิษย์ราชวงศ์ตระกูลฝานได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกวิชาสยบวิญญาณผนึกผลการฝึกตนเอาไว้ไม่สามารถขัดขืนได้เลยสักนิด”
ตามที่ปี้เซียนเสว่ได้กล่าวมานั้น เป็นเพราะวิชาสยบวิญญาณ ศิษย์ราชวงศ์ตระกูลฝานสองคนนั้นถึงได้กล้าย่ำยีนางโดยไม่เกรงกลัวใด ๆ และไม่กลัวว่านางจะขัดขืนเลยสักนิด
ถ้าหากบอกกว่าโชคชะตาที่ถูกวิชาสยบวิญญาณควบคุมนั้นนับว่าน่าหดหู่ใจมากแล้ว สิ่งที่ปี้เซียนเสว่พูดในเวลาต่อมา ได้ทำให้ภายในใจของหลัวซิวเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูกที่มีต่อราชวงศ์ตระกูลฝาน
“ศิษย์ราชวงศ์ตระกูลฝานสองคนที่คิดจะย่ำยีข้าในเมื่อครู่นั้นได้กล่าวว่า ผู้อาวุโสของตระกูลฝานได้บอกกับพวกมันว่า หลังจากที่เข้ามาในแดนปริศนา ผู้ใดสามารถจับนางได้ ผู้นั้นก็จะได้รับหยวนหยินของนาง ผลการฝึกตนเลื่อนขั้นอย่างก้าวกระโดด”
การกระทำเช่นนี้ของตระกูลฝาน เห็นได้ชัดว่าใช้นางเป็นรางวัลอย่างหนึ่งที่กระตุ้นให้ศิษย์ภายในตระกูลแข่งขันกันเอง
และนี่ก็คือความมืดมนและโหดร้ายในโลกยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งควบคุมโชคชะตาของผู้อ่อนแอ แม้แต่ร่างแห่งเสวียนหยินที่มีกำลังแฝงค่อนข้างสูงอย่างปี้เซียนเสว่ ยังถูกราชวงศ์ตระกูลฝานลงวิชาสยบวิญญาณควบคุมเอาไว้ เป็นตายไม่สามารถกำหนดเองได้
หลัวซิวอดที่จะคิดไม่ได้ว่า หนานหรงชินหวาง ผู้นั้นเป็นตัวแทนราชวงศ์ชักชวนตนเองเมื่อตนตอบตกลง ไม่แน่ว่าอาจจะต้องถูกราชวงศ์ตระกูลฝานหาโอกาสลงวิชาสยบวิญญาณและควบคุมเขาโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้
“สารเลว ราชวงศ์ตระกูลฝานช่างเลวทรามต่ำช้าเสียจริง” หลัวซิวยิ่งคิดยิ่งดูน่าเกรงขาม
วิชาสยบวิญญาณ เป็นเคล็ดว่าชาโบราณอย่างหนึ่ง ใส่ข้อห้ามลงไปในวิญญาณหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้าม ควบคุมการเป็นตายของอีกฝ่าย
ครั้งแรกที่เข้าไปในแดนนานาอสูรในตอนนั้น เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็เคยใช้วิชาสยบวิญญาณควบคุมจอมยุทธ์พรสวรรค์หลายคน
ยกตัวอย่างเช่นหลัวซิวได้ลงตราสำนึกเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของหลงหมิง นับเป็นเพียงวิชาสยบวิญญาณแบบง่าย ๆ เท่านั้น สาเหตุหลักเป็นเพราะผลการฝึกตนของเขาไม่สูง ตัวสำนึกไม่เพียงพอลงวิชาสยบวิญญาณ
นอกจากนี้แล้ววิชาสยบวิญญาณก็แบ่งออกเป็นหลายชนิด ยิ่งเป็นวิชาสยบวิญญาณที่ล้ำลึกซับซ้อน เมื่อถูกลงวิชา ก็ยิ่งยากที่จะถอนได้
ปกติแล้ววิชาสยบวิญญาณจะแบ่งออกเป็นสี่ระดับ วิชาสยบวิญญาณระดับล่าง วิชาสยบวิญญาณระดับกลาง วิชาสยบวิญญาณระดับสูง วิชาสยบวิญญาณขั้นสุดยอด
และต่อให้เป็นวิชาสยบวิญญาณระดับล่างสุด ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีผลการฝึกตนในแดนจักรพรรดิยุทธ์ถึงจะสามารถหลุดพ้นได้
“ในสมัยโบราณ วิชาสยบวิญญาณระดับสูงสามารถควบคุมได้แม้กระทั่งความเป็นตายของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์” สำหรับเคล็ดวิชาโบราณอย่างวิชาสยบวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าหลงหมิงนั้นรู้มากกว่า
ตัวสำนึกของหลัวซิวสำรวจเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของปี้เซียนเสว่ วิญญาณของนางถูกลำแสงสีทองครอบคลุมเอาไว้ เป็นเหมือนดั่งคุก เป็นตายไม่สามารถกำหนดได้ด้วยตัวเอง
สำหรับการอธิบายของปี้เซียนเสว่ หลัวซิวเชื่ออยู่เจ็ดแปดส่วน
ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลัวซิวก็ไม่ได้รับปากที่จะตามหาสมบัติภายในแดนปริศนาไปพร้อมกันกับปี้เซียนเสว่
นางและตนไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายกัน ถ้าหากพานางไปด้วย ศิษย์ตระกูลฝานที่เห็นนางเป็นเหยื่อรางวัลพวกนั้น จะต้องเกิดการปะทะกับตนเป็นแน่
นอกเสียจากว่าเขาจะสามารถสังหารศิษย์ตระกูลฝานและผู้ที่รู้ลับลมคมในที่เข้ามาในแดนปริศนาได้จนหมด ไม่เช่นนั้นละก็หลังกลับออกไปจากแดนปริศนา เขาจักต้องเผชิญหน้ากับความพิโรธจากผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์ตระกูลฝานเป็นแน่
ในฐานะตระกูลราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศเทียนหวู ภูมิหลังของตระกูลฝานสืบทอดกันมานับพันปี ต่อต้านโดยอาศัยพลังของเขา ก็เหมือนกับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง
และต่อให้ตนสามารถปกป้องนางชั่วขณะ ตราบใดที่ไม่สามารถถอนวิชาสยบวิญญาณที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของนางได้ หลังจากที่ออกไปจากแดนปริศนา ก็ยังคงจะต้องถูกคนตระกูลฝานควบคุมอยู่ดี
ปี้เซียนเสว่เห็นหลัวซิวขมวดคิ้ว ใบหน้างดงามก็ซีดเซียงลงไปทันที นางรู้ดีว่าหากไม่ได้รับการคุ้มครองจากหลัวซิว ทันทีที่ตนได้พบกับศิษย์ตระกูลฝาน ก็จะต้องเป็นเหมือนดั่งลูกแพะที่รอถูกเชือด ให้คนเข่นฆ่าตามอำเภอใจ
นางกัดริมฝีปากแดง “หลัวซิว ถ้าหากเจ้ารับปากคุ้มครองข้า แทนที่ต้องจะถูกศิษย์ตระกูลฝานพวกนั้นย่ำยี ข้ายินยอมที่จะมอบหยวนหยินให้เจ้า”
สำหรับปี้เซียนเสว่แล้ว หยวนหยินของร่างแห่งเสวียนหยิน เป็นเบี้ยเพียงหนึ่งเดียวที่นางสามารถใช้ประโยชน์ได้
เมื่อหลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็หลุดหัวเราะออกมา แม้ว่าการได้รับหยวนหยินของร่างแห่งเสวียนหยินนั้นจะมีผลดีต่อเขาเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ใช่คนฉวยโอกาสเช่นนั้น
นอกจากนี้ฮู๋ชิงชิงในตอนนั้นก็เป็นร่างอสูรฟ้า เทพแห่งวัฏจักรชีวิตก็กล่อมให้เขาแย่งชิงหยวนหยินของอีกฝ่ายแต่ตนก็ไม่ได้ตกลง
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพาเจ้าไปด้วย ศิษย์ตระกูลฝานพวกนั้นไม่ได้เป็นอันตรายอะไรต่อข้า ประเด็นหลักก็คือถ้าหากไม่สามารถถอนวิชาสยบวิญญาณของเจ้าได้ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่บนตัวของเจ้าโดยสิ้นเชิงได้” หลัวซิวกล่าว
“แล้วจะทำอย่างไรดี……” นางมีท่าทางเหม่อลอย ดูไร้ที่พึ่งและน่าสงสาร นึกถึงชะตาอันน่าหดหู่ของตนนับจากวันนี้ไป หยดน้ำตาก็ได้ไหลออกมาจากเบ้าตา
นางอยากตาย แต่เป็นเพราะวิชาสยบวิญญาณที่มีอยู่ ทำให้นางอยากจะตายก็ตายไม่ได้