ซูฉิงพูดกับหัวหน้าหน่วยค้นหากู้ภัยอย่างรวดเร็วและชัดเจน “รบกวนคุณส่งคนอีกสองสามคนไปที่อาคารเรียนกับกับฉันเพื่อช่วยชีวิตคนหน่อยค่ะ ถ้าสายเกินไปจะไม่ทัน!”
“ได้ครับ!” หัวหน้ากู้ภัยปล่อยให้คนดึงอุปกรณ์กู้ภัยออกมา และรีบไป
โชคดีที่อาคารเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ อาคารเรียนพังทลายลงมาเหลือเพียงกำแพง
ยวี๋น่าไม่สนใจสิ่งสกปรกและความเจ็บปวดเลย เธอวิ่งขึ้นไปที่กองหินและพยายามขุดหินนั่นด้วยมือเปล่า ไม่กี่วินาทีต่อมามือของเธอก็เต็มไปด้วยเลือด
ซูฉิงเข้าไปดึงยวี๋น่าให้ลุกขึ้น “เธอกำลังขวางทางทีมกู้ภัยอยู่ เทียนเหอต้องการความช่วยเหลือจากทีมกู้ภัยมืออาชีพนะ”
“เทียนเหอ… นายต้องอดทนไว้ก่อนนะ!”
ยวี๋น่าพนมไว้บนหน้าอก และอธิษฐานไม่หยุด
“หลบหน่อยครับ!” ทีมกู้ภัยที่อยู่ข้างหลังรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับเครื่องมือและเครื่องจักร
ซูฉิงรีบดึงยวี๋น่าไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ขณะที่บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งกำลังช่วยเหลือทีมกู้ภัย
“เร็วหน่อยสิ ได้โปรดล่ะพวกคุณเร็วๆหน่อย!” หัวใจของยวี๋น่าเหมือนถูกบีบแน่น
ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ถ้ายังไม่พบอู๋เทียนเหอ…
ยวี๋น่าไม่กล้าคิดต่อ
“พี่น่า เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาแฟนของคุณให้เจอโดยเร็วที่สุด” หลินหนานที่เดินตามหลังยวี๋น่ามาอย่างเงียบๆ กล่าวขึ้น
พลั่วและเครื่องจักรผลัดกันทำงาน ส่วนที่พังทลายของอาคารเรียนค่อยๆ โล่งขึ้นทีละน้อย
ใต้ซากปรักหักพังมีผมสีดำสั้นๆ ปรากฏขึ้นมา
เป็นผู้ชาย!
“เทียนเหอ! ต้องเป็นเทียนเหอแน่ๆ !” ยวี๋น่าจับตามองสมาชิกในทีมกู้ภัยที่กำลังทำความสะอาดซากปรักหักพัง หัวใจของเธอก็แทบจะหลุดออกมาเมื่อเธอเห็นผมสั้นของผู้ชาย เธอก็ตื่นเต้นจนร้องออกมา
“เจอคนแล้ว! ขุดต่อไป!”
ทันทีที่สมาชิกในทีมพูดจบ จู่ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันที มันคืออาฟเตอร์ช็อก!
ซูฉิงรู้สึกว่าเหมือนโลกหมุนไปครู่หนึ่ง เธอจับยวี๋น่าไว้แน่นก่อนที่ทั้งสองคนจะกลับมายืนได้อย่างมั่นคง
อาฟเตอร์ช็อกรุนแรงมากและเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนสมาชิกในทีมกู้ภัยหลายคนสูญเสียการทรงตัวล้มลงกับพื้น พลั่วที่อยู่ในมือกกดหล่นไปอยู่ข้างๆ
วินาทีถัดมา เสียงก้อนหินและก้อนอิฐก็ดังขึ้นอย่างแรง
ผนังครึ่งที่เหลือของอาคารเรียนก็พังทลายลง และฝังผู้คนไว้ใต้ซากปรักหักพังอีกครั้ง
อาฟเตอร์ช็อกกินเวลาไปหนึ่งหรือสองนาที จากนั้นก็สงบลง แต่ตอนนี้อาคารเรียนได้พังทลายลงมาหมดแล้ว อิฐและปูนของผนังครึ่งหนึ่งที่เพิ่งพังลงมาใหม่ก็กองแน่นอยู่ด้านบน
“เทียนเหอ!”
ครั้งนี้ยวี๋น่าทนไม่ไหวแล้ว น้ำตาของเธอไหลออกมา เธอคลั่งจนอยากจะกระโดดขึ้นไปด้านบนนั้น
ไม่ง่ายเลยที่จะค้นหาอู๋เทียนเหอพบ แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกครั้ง!
ถ้าอู๋เทียนเหอตายจริงๆ เธอจะทำอย่างไร?
“เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการบาดเจ็บสาหัส พวกเราเร่งมือหน่อย!” หลังจากหัวหน้าทีมกู้ภัยพูดอย่างนั้น เหล่านักกู้ภัยก็เริ่มทำงานอีกครั้ง
ซูฉิงมองไปเห็นสีหน้าอันเลื่อนลอยของยวี๋น่า เธอจึงรีบจับไหล่ของเธอและปลอบโยนเธออย่างนุ่มนวล
“ไม่ต้องกลัว เทียนเหอจะต้องไม่เป็นไร…”
“ยก! เร็ว!” หัวหน้ากู้ภัยตะโกน ทุกคนร่วมมือกันยกกำแพงหินออก สองสามคนนั่งคุกเข่าและคลานเข้าไปเพื่อช่วยเหลือ ซูฉิงไม่ยอมให้ยวี๋น่ามอง ปิดตาเธอด้วยมือทั้งสองข้าง จนกระทั่งเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจของหัวหน้ากู้ภัยดังขึ้น “คนยังมีชีวิตอยู่! รถพยาบาล! เปลหาม! เร็วเข้า!”
หลายคนช่วยกันยกชายที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังอยู่นาน
ยวี๋น่าไม่สนใจอะไรแล้ว เธอผลักซูฉิงออก และมองลงไป
สายตาของเธอจับจ้องไปที่ชายที่ถูกหามออกมา และร่างกายของยวี๋น่าก็สั่นสะท้าน
อู๋เทียนเหอ!
นั่นคืออู๋เทียนเหอจริงๆ!
แต่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ขาดรุ่งริ่ง ใบหน้า แขนก็เต็มไปด้วยฝุ่น ใบหน้าซีดเซียว ปากแตก โดยเฉพาะขาขวา ไม่เพียงแต่ขากางเกงจะขาดเป็นรูใหญ่แต่ยังมียังเป็นรอยแผลที่น่าตกใจมาก ซึ่งเหมือนกับมันกำลังเกาะติดกันกับกางเกงไปแล้ว
แต่เขาหลับตาแน่น เห็นได้ชัดว่าสลบไปแล้ว
ยวี๋น่าเห็นแฟนของเธอกลายเป็นแบบนี้ ความกลัวถาโถมเข้ามาทำให้เธอพูดไม่ออก ทำได้แต่เพียงจ้องไปที่ภาพตรงหน้าเธออย่างว่างเปล่า
แพทย์ที่มากับทีมกู้ภัยก็นำเปลหามเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลายคนหามอู๋เทียนเหอวางบนเปลหาม และพาเขาไปที่รถ ยวี๋น่าและซูฉิงก็เดินตามไปติดๆ
ยวี๋น่ายังคงคุกเข่าอยู่ข้างเปลหาม จับมือของอู๋เทียนเหอแน่น และน้ำตาก็หยุดลงบนหลังมือของเขา “เทียนเหออย่าทำให้ฉันกลัวแบบนี้สิ… นายจะเป็นอะไรไม่ได้นะ!”
ซูฉิงเม้มริมฝีปาก จ้องไปที่แพทย์ที่กำลังตรวจอาการบาดเจ็บของอู๋เทียนเหอแล้วถามว่า “หมอคะ อาการบาดเจ็บของเทียนเหอเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
จากที่เธอดู อาการบาดเจ็บของอู๋เทียนเหอไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่ขาของเขา
ตามที่คิดไว้ หมอส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่โอเคเลย ตอนนี้อาการของเขาไม่ค่อยดี เพราะเขาติดอยู่ในซากปรักหักพังนานเกินไป และหลังจากที่อาคารเรียนถล่ม ก้อนหินก้อนใหญ่ก็กดทับลงมาที่ขาของเขา และยิ่งเกิดความสั่นสะเทือนที่รุนแรงอีก มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะรอด
ส่วนขาขวาของเขา… บาดแผลนั้นลึกมาก และหินก็กดทับกล้ามเนื้อและเส้นประสาทด้วย และเวลาก็ผ่านไปนานเกินไป เขาจึงทำได้เพียงตัดขาทิ้ง ไม่เช่นนั้นจะอันตรายมาก”
ตัดขา? !
ยวี๋น่าเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ น้ำตาไหลออกจากหางตา และดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เธอกำมือของอู๋เทียนเหอแน่นโดยไม่รู้ตัว และมองชายที่ยังสลบอยู่ด้วยความรู้สึกไม่รู้จะช่วยยังไง
หากตัดขา อู๋เทียนเหอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือบนรถเข็น
ถ้าเขาตื่นขึ้นมารู้เรื่องนี้เขาคงรับไม่ได้
ไม่ได้ เธอไม่สามารถทำให้อู๋เทียนเหอเป็นคนพิการได้!
“ซูฉิงเธอคิดหาวิธีไม่ให้เทียนเหอต้องตัดขาหน่อยสิ” ดวงตาของยวี๋น่าเป็นสีแดง น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ
ซูฉิงตบไหล่ยวี๋นาและถอนหายใจเบาๆ
จริงๆ แล้วสถานการณ์อย่างนี้ การเจออู๋เทียนเหอที่ยังมีชีวิตอยู่มันก็เป็นของขวัญจากพระเจ้าแล้ว
หลินหนานมองไปที่ยวี๋น่าด้วยสายตาที่เป็นห่วง ในใจรู้สึกเศร่าอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างยวี๋น่ามาก่อน เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเธอสามารถฝ่าเข้าไปยังสถานที่ที่อันตรายขณะที่มีอาฟเตอร์ช็อก โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของเธอเอง
ตอนนี้ยิ่งรู้สึกใจสลายแทนผู้ชายคนนั้นอีก
หลินหนานเดินไปหยุดอยู่ข้างยวี๋น่าโดยไม่รู้ตัว จับมือของเธอไว้ และปลอบเธอ “พี่น่า ไม่ต้องกังวลนะ แฟนพี่เป็นคนดีเขาต้องไม่เป็นอะไร เดี๋ยวไปถึงโรงพยาบาลในเมืองแล้วได้รับการผ่าตัดก็ดีขึ้นแล้ว พี่อย่าเศร้าเลยนะ”
ยวี๋น่าส่ายหัวอย่างควบคุมไม่ได้ และพูดออกมา “ไม่ได้ จะให้เขาตัดขาไม่ได้!”
ยวี๋น่ารู้ว่าอู๋เทียนเอ๋อเป็นคนที่แข็งแกร่ง ถ้าเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าเขาสูญเสียขาขวาไป ก็เท่ากับว่ายวี๋น่าฆ่าเขาน่ะสิ!
ซูฉิงจ้องไปที่ขาขวาของอู๋เทียนเหอหลายนาที กำลังครุ่นคิดในใจ
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของอู๋เทียนเหอจะสาหัส แต่ถ้าอาฉีอยู่ที่นี่ เขาจะต้องช่วยเก็บขาของเขาไว้ได้แน่นอน
สำหรับแผนนี้คือเธอต้องฝังเข็มให้กัับอู๋เทียนเหอก่อน จากนั้นก็ส่งเข้าไปอยู่ที่ปลอดภัยก่อน และเชิญอาฉีมา