เมื่อคิดได้ดังนั้น อวิ๋นหว่านชิ่นก็ให้กำลังใจตนเอง และมีความหวังขึ้นมาในที่สุด
จะรอให้พวกเขาตามหาเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้
นางดิ้นทุรนทุราย เชือกมัดแน่นยิ่งนัก อีกยังเป็นเงื่อนตาย หากอาศัยเพียงแรงของนางไม่มีทางที่จะดิ้นจนเชือกหลุดได้
นางถีบขาสองสามครั้ง ยังโชคดีที่เชือกตรงข้อเท้าไม่ได้มัดแน่นนัก คลายไปบ้าง แต่จะอาศัยการถีบขาอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้เชือกหลุดได้
นางพยายามแนบแขนทั้งสองกับซี่โครงทั้งสองข้าง ลองถูไถดู อยากจะดูว่ากริชที่เอาไว้ป้องกันตัวยังอยู่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ที่หนีมากับหลี่ว์ปานั้น หลี่ว์ปาก็คืนให้ตนแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่า กริชเล่มนั้นถูกพวกซานอิงค้นเจอแล้วเอาไปแล้ว
หลังจากผิดหวังไปสักครู่ นางก็รวบรวมสติ นิ้วมือก็ค่อยๆ คลำดินที่พื้น เนื่องจากมือถูกมัดไว้ด้านหลัง การทำเช่นนี้ลำบากยิ่งนัก จะต้องงอแขนแล้วกดลงไป ขยับก้นและเอวไปเล็กน้อย จึงจะทำให้นิ้วแตะพื้นได้
นางเหนื่อยจนเหงื่อซึมเสื้อนวมออกมา เนื่องจากขุดอยู่นาน นิ้วมือก็ถูจนเจ็บ อีกยังมีความเปียกชุ่มเล็กน้อย คาดว่าน่าจะผิวถลอก ไม่รู้ว่าคลำไปนานเท่าไร ในที่สุด ปลายนิ้วของนางก็ไปโดนกับสิ่งของแข็งๆ อย่างหนึ่ง
ก้อนหิน ก้อนหินในดิน
นางใช้นิ้วเขี่ยมาไว้ในฝ่ามือ ลองดู ก้อนหินไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีมุมหักอยู่บ้าง มีมุมที่แหลมคมอยู่
นี่ก็พอแล้ว
นางจับก้อนหินไว้ แนบติดกับเชือกบนข้อมือ แล้วค่อยๆ ถูทีละนิด
เชือกหนาและยาวเกินไป ก้อนหินก้อนเล็กๆ ก้อนเดียว ไม่รู้ว่าจะต้องถูไปถึงปีไหนเดือนใด แต่ในขณะนี้ ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ก็มีการเคลื่อนไหวดังขึ้น เป็นเสียงฝีเท้าและเสียงคน
ผ้าที่ปิดตาไว้มีแสงทะลุผ่านเล็กน้อย มีคนเดินเข้ามาแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นใช้นิ้วเขี่ย ก้อนหินก็ไหลเข้าไปในฝ่ามือแล้วกำเอาไว้
ได้ยินเพียงเสียงใหญ่หยาบโลนของชายหนุ่มลอยมา “จริงๆ เลย ข้าว่า ใช้ดาบฟันให้ตายไปเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ! แปลกนัก เจ้าดูสภาพสาวน้อยคนนี้สิ เพิ่งจะหย่านมได้ไม่กี่ปีกระมัง กลับมีความสามารถเข้าได้กับทั้งสองฝ่าย ทำให้เราต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! ไม่ได้ ข้าหมั่นเขี้ยวนัก อยากจะสังหารเด็กสาวคนนี้ให้ตายไปเสีย…”
มีคนที่เหมือนพูดห้ามปรามไว้ “เจ้าอย่าผลีผลามไป! หลี่ว์ปาบ่นไม่หยุด จะห้ามท่านซานอิงให้ได้ ตัวเขาก็รับปากแล้ว ถ้าเจ้าสังหารนางไปตอนนี้ เจ้าไม่กลัวเขาจะโมโหรึ ว่าแต่ เด็กสาวคนนี้ก็ช่างเก่งนัก ทำลายล้างกลุ่มผ้าเหลือง หลอกหลี่ว์ปาจนหัวหมุน หลี่ว์ปากลับยังปกป้องนางอยู่ ข้าก็นึกว่าเป็นสาวงามที่ไหนมายั่วยวนเสียอีก พอดูสภาพ…รสนิยมของหลี่ว์ปาช่างไม่เหมือนใครเสียจริง!”
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้คะยั้นคะยอจะฆ่ากำจัดนางต่อ แต่ก็ยังไม่พอใจ ถ่มน้ำลายอย่างแรง “หลี่ว์ปานั่นพูดอะไรกันแน่ ถึงทำให้ท่านซานอิงยอมตกลงได้ เมื่อก่อนที่ยอมให้เขา ยังพอจะเข้าใจว่าจะใช้ประโยชน์จากเขาในการรวบรวมเหล่าผู้ประสบภัยมาครองเมืองแล้วทำการกบฏ แต่ตอนนี้หลี่ว์ปาก็หมดประโยชน์แล้ว ตนเองเป็นแค่หมากที่หมดคุณค่าแล้ว จะยังต้องฟังเขาไปทำไมกัน…”
“หลี่ว์ปาบอกว่าเด็กสาวคนนี้ตอนอยู่พระราชนิเวศน์ได้รับความไว้วางใจจากท่านอ๋อง ที่ทหารตระกูลเฉินไม่ได้เข้าเมืองในตอนนั้น ก็เพราะเด็กสาวคนนี้ออกอุบายขัดขวางเอาไว้ ครั้งนี้ทลายกำลังพวกเขา เด็กสาวคนนี้มีผลงานใหญ่นัก สถานะน่าจะสูงขึ้นอีกขั้น หากจะสังหารไปเช่นนี้ น่าเสียดายนัก เก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์จะดีกว่า ท่านซานอิงลองพิจารณาดูสักพัก สุดท้ายก็ตกลง ฉะนั้น เจ้าอย่าวู่วามไป เก็บตัวประกันไว้ ไม่แน่ว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็แค่เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร ถึงเวลาหากมีปัญหา ก็ค่อยสังหารทิ้งก็ไม่สาย เจ้าจะรีบร้อนไปทำไมตอนนี้”
อีกคนหนึ่งพึมพำ “เดิมทีก็ซ่อนตัวจากทางการอยู่แล้ว ยังจะพาตัวถ่วงไปด้วยอีก! ยังจะต้องเปลืองเสบียงมาเลี้ยงไว้อีก! ไม่คุ้มเลยจริงๆ! หากหน้าตาสวยกว่านี้ ยังจะพอให้พวกเราพี่น้องได้สนุกกันบ้าง สภาพนี้ เห็นแล้วข้าจะอ้วก!”
เมื่อพูดออกมาแล้ว ทั้งสองต่างก็หัวเราะกันขึ้นมา มีความเหยียดหยามและมักมากในกามอยู่ด้วย
ทั้งสองคนได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้มาดูตัวประกัน เวลานี้มาตรวจสอบดู ก็ไม่มีอะไร จึงได้ฉวยโอกาสแอบอู้เสียหน่อย กดเสียงให้เบาแล้วพูดคุยกันไปเรื่อย
เนื่องจากในถ้ำนั้นเล็กแคบและเงียบ เสียงของทั้งสองที่ลอยมาก็ได้ยินอย่างชัดเจน
อวิ๋นหว่านชิ่นพอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ แล้ว ซานอิงนั่งบัญชาการอยู่บนเขาหม่าโถว เนื่องจากทางการของเขตฉังชวนนิ่งเฉย และอำนาจที่มากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความทะเยอทะยานมาตั้งนานแล้ว อยากจะหาชาวบ้านธรรมดาที่มีชื่อเสียงในเมืองมาช่วยชักนำให้ สายตาก็ไปมองอยู่ที่ตัวหลี่ว์ปา ก่อนที่ภัยพิบัติแม่น้ำชิงจะเกิดขึ้น ก็เคยไปหลอกล่อถึงบ้านอยู่หลายครั้ง สัญญาว่าทั้งสองจะครอบครองเมืองด้วยกัน ถึงเวลานั้นจะได้ใช้ชีวิตอย่างร่ำรวยสุขสบายไปตลอดชีวิต
หลี่ว์ปาเห็นว่าโจรป่าแอบมาหาที่บ้าน หลายครั้งที่ใช้คีมตีเหล็กมาไล่ออกไป แล้วด่าทอไม่หยุด
หลังจากที่เกิดภัยพิบัติขึ้น ชาวบ้านเขตฉังชวนใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ เนื่องจากเสบียงช่วยเหลือไม่ครบถ้วน หลี่ว์ปาจึงจัดตั้งกลุ่มผู้พิทักษ์ขึ้นเพื่อแย่งเสบียงมา
ซานอิงรู้ว่านี่คือโอกาสดี จะใช้ประโยชน์จากความมีคุณธรรมของเขา จึงส่งผู้เฒ่าเถียนไปยุยงอีก ให้เขารวบรวมกำลังพลใช้กำลังต่อต้านกับทางการ ส่วนเขาจะสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง หากเกิดอะไรขึ้น ก็จะส่งคนไปช่วยเหลือ
หลี่ว์ปาถึงแม้จะรู้ว่าเข้าพวกกับโจรป่าไม่ดี แต่ครั้งนี้ถูกบีบจนหมดหนทาง เมื่อมองดูคนบ้านเดียวกันกินไม่อิ่มกายไม่อุ่น จึงได้รับปากจะร่วมมือกับซานอิง
เมื่อครู่ที่ซานอิงจับตนได้ หลี่ว์ปาใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ขอร้องอยู่นาน ซานอิงจึงไม่ได้ทำร้ายตน
ในตอนนี้ ซานอิงกลัวว่าข้อมูลที่ซ่อนตัวของตนจะเล็ดลอดออกไป จึงไม่ให้หลี่ว์ปาหนีไปคนเดียว บังคับให้อยู่ด้วยกัน
ส่วนหลี่ว์ปาเหมือนว่าจะเป็นห่วงความปลอดภัยของตน ก็ไม่ได้อยากจะหนีไป
อวิ๋นหว่านชิ่นเดิมทีคิดว่า ถึงตนจะหนีไม่พ้น ก็ต้องคิดหาวิธี ดูว่าจะให้หลี่ว์ปาส่งสาส์นออกไปได้หรือไม่ ให้ทหารทางการรู้ว่าตนอยู่ที่ใด แต่ดูเหมือนว่า หลี่ว์ปาก็ไม่มีโอกาสหนีไปได้เช่นกัน
โจรป่าสองคนคุยได้ไม่นาน ก็ไม่ได้เสียเวลาอยู่ตรงนี้นานนัก กำลังจะเดินจากไป กลับได้ยินเสียงเด็กสาวลอยมาจากด้านในสุดของถ้ำอันว่างเปล่า เหมือนดั่งลูกนก ไม่มีพิษมีภัย ฟังดูแล้วไม่เหมือนกับคนที่ช่วยทางการกวาดล้างกลุ่มผ้าเหลืองเลยสักนิด ตัวสั่นเทาเล็กน้อย เหมือนจะมีเสียงสะอื้นไห้ด้วย “พี่ชายทั้งสอง ท่านซานอิงจะปล่อยข้าไปหรือไม่”
โจรป่าสองคนฝีเท้าชะงักไป มองตาแล้วยิ้มออกมาด้วยความเหยียดหยันระคนสงสาร เดิมทีนึกว่าสาวน้อยผู้นี้ดูเหมือนไม่มีอะไร ไม่แน่ว่าอาจจะมีความสามารถอะไรซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ไม่คิดว่าได้ยินเสียงนางเอ่ยขึ้น ก็เป็นเพียงหญิงอ่อนแอธรรมดาคนหนึ่ง จึงไม่ทันได้ระวังตัว
ชายฉกรรจ์ที่พูดจาหยาบคายคนนั้นยิ้มเยาะ “รู้จักกลัวแล้วหรือ ตอนช่วยทหารทางการมาต่อสู้กับพวกข้าทำไมไม่รู้จักกลัว ปล่อยเจ้าหรือ ฝันไปเถิด!”
“แล้วพวกท่านจะจัดการกับข้าอย่างไร” เสียงของเด็กสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อีกคนหนึ่งที่ท่าทีดีหน่อยพูดอย่างเย็นชา “ให้เจ้าได้ตายตาหลับแล้วกัน! ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนสร้างผลงานและเป็นคนสำคัญของพระราชนิเวศน์นี่ หากทหารทางการตามมาเจอ อย่างไรเสียก็พอจะเอามาเป็นกำบังให้พวกเราได้บ้าง! หากองค์ชายสามสนใจความเป็นตายของเจ้า เจ้าก็คงได้เก็บชีวิตของเจ้าเอาไว้ได้ แต่ถ้าไม่สนใจเจ้าละก็ หึ…”
“ข้าก็เป็นแค่สาวใช้ ทหารทางการไม่มีทางจะรับข้อเสนอของพวกท่านเพื่อช่วยข้าหรอก พวกท่านส่งข้าไปตายชัดๆ เลยนี่…” เด็กสาวพูดพลางร้องสะอื้น อีกยังทำทีเป็นดิ้นขัดขืนด้วยความไม่จำนน!
โจรป่าคนหนึ่งยักไหล่ “เช่นนั้นก็ไร้หนทางแล้ว! ถึงได้บอกว่าต้องพึ่งพาบุญกุศลของเจ้าแล้ว แต่ว่าไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็คงได้มีชีวิตต่อได้อีกหลายวัน ก็ยังดีกว่าตายเดี๋ยวนี้แล้วกัน!”