บทที่ 420 ถูกไล่ออก

บทที่ 420 ถูกไล่ออก

ภายในห้องประชุม ผู้บริหารระดับสูงและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจื่อจินเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว

อวี้ฮ่าวหรานและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปในห้อง

เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ทันใดนั้นก็สายตาก็สะดุดกับใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจึงประหลาดใจเล็กน้อย

เสิ่นเฉียง คนที่เขาเคยต่อสู้ด้วยไม่นานมานี้ยืนอยู่ท่ามกลางผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจิน!

ตอนที่ชายหนุ่มพบกับอีกฝ่ายครั้งแรก ผู้ชายคนนั้นก็อวดเบ่งสถานะทางบ้านด้วยท่าทางหยิ่งยโส

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินสินะ

ตอนนี้ทุกคนในห้องประชุมต่างมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานเป็นสายตาเดียวกัน เสิ่นเฉียงยังคงยืนอยู่ท่ามกลางคนของอีกฝ่าย แต่เขามีท่าทางตกตะลึงเหมือนเห็นผี!

“แกกล้าดียังไงถึงบุกมาหาฉันถึงบริษัท?”

เขาคิดหาทางแก้แค้นอีกฝ่ายมาตลอด เมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานปรากฏตัว เขาจึงตะโกนออกมาด้วยความโมโหโดยไม่รู้ตัว

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรพูดสักนิด!

“เสียมารยาท! หุบปาก!”

ให้ตายสิ! ใบหน้าของเสิ่นฉางหนิงผู้เป็นบิดาถึงกับซีดเผือดเมื่อได้ยินอย่างนั้น

เขาจึงรีบตะโกนปรามลูกชายด้วยความโกรธจัด ทั้งโกรธทั้งตกใจกับท่าทางและคำพูดของลูกชาย!

เขาไม่เคยตำหนิที่ลูกชายทำตัวเหลวแหลก แต่เด็กคนนี้เอาความกล้ามาจากไหนถึงได้ทำตัวหยาบคายในสถานการณ์อย่างนี้?

ในเวลานี้ยังต้องถามอีกเหรอว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นใคร?

เพียะ!

เสียงตบที่ดังชัดเจนทำให้ทุกคนในห้องประชุมตกตะลึง

“แกอยากฆ่าพ่อเหรอ?”

ยิ่งเสิ่นฉางหนิงคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกอับอาย เขาจึงรีบตบหน้าลูกชายผู้ไร้ประโยชน์ทันที

เพราะเสิ่นฉางหนิงโมโหลูกชายที่ไม่รู้จักรักษามารยาทต่อชายหนุ่มคนนั้น!

เขาคือประธานบริษัทเครือฮ่าวหราน!

คนคนนั้นคือว่าที่เจ้านายของเขา!

“พ่อ…”

เสิ่นเฉียงกุมแก้มที่บวมเป่งพร้อมอุทานอย่างตื่นตะลึง เขาไม่คิดว่าพ่อบังเกิดเกล้าจะกล้าทำแบบนี้

“หุบปาก!”

เสิ่นฉางหนิงตะโกนด้วยความโมโหอีกครั้ง!

อวี้ฮ่าวหรานมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสนใจอย่างมาก

ความประทับใจที่เขามีต่อเสิ่นเฉียงถึงขั้นติดลบ!

คราวที่แล้วในโรงพยาบาลถ้าไม่ใช่เพราะมีคนมุงดูอยู่มากมาย เขาคงฆ่าชายหนุ่มคนนี้ตายไปนานแล้ว

คราวนี้บังเอิญพบกันอีกครั้ง ซึ่งมันแตกต่างออกไป เพราะเขาเห็นพ่อสั่งสอนลูกที่ทำตัวเกเรด้วยตาตัวเอง

หลังจากอบรมลูกชาย เสิ่นฉางหนิงก็หันมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูทันที

“อวี้…ประธานอวี้ครับ ผมไม่รู้ว่าลูกชายผมทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองใจ ผมขอโทษแทนเขาด้วยใจจริงครับ”

เขาก้มศีรษะและพูดขอโทษอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางเจียมตัว

หลังจากเสิ่นเฉียงที่ยังตกตะลึงได้ยินอย่างนั้น เขาก็เข้าใจสถานการณ์ทันที

ชายหนุ่มที่เขาทะเลาะวิวาทด้วยสองครั้งสองคราคือประธานของเครือฮ่าวหราน!

เมื่อคิดอย่างนั้น เขาจึงอดประหลาดใจไม่ได้

หลิวว่านฉิงเป็นแค่หญิงสาวธรรมดา ทำไมถึงรู้จักผู้ชายที่มีหน้าที่การงานใหญ่โตอย่างเขาได้?

“ผ…ผมขอโทษครับ ผมขอโทษ…”

เขาพูดขอโทษด้วยจิตใจและร่างกายที่สั่นสะท้าน

แววตาของอวี้ฮ่าวหรานเจือแววสมเพชเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอีกฝ่าย แต่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหัวโต๊ะในห้องประชุมที่สงวนให้เขาโดยเฉพาะ

กลุ่มผู้บริหารอาวุโสของเครือฮ่าวหรานก็นั่งลงเช่นกัน

ตอนนั้นเอง ผู้จัดการหวังเป็นคนมีไหวพริบ เขาจึงเริ่มเกริ่นเรื่องส่งมอบบริษัททันที

ส่วนคนอื่นเกรงกลัวอวี้ฮ่าวหรานจนไม่กล้าส่งเสียงออกมา

จู่ ๆ ห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบงัน จนกระทั่งความเงียบกลายเป็นความกดดัน จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงเริ่มพูด

“เสิ่นเฉียงใช่ไหม เราเคยเจอกันในโรงพยาบาลแล้วนี่!”

ทันทีที่ประโยคนี้ออกมาจากปากอวี้ฮ่าวหราน เหล่าผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินก็มองหน้ากันด้วยความงุนงงทันที

ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเสิ่นเฉียงมีเรื่องบาดหมางกับประธานอวี้มาก่อน เสิ่นฉางหนิงก็ตกใจจนแทบเป็นลม

ไอ้ลูกชายไม่รักดี!

เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลอยู่แล้ว แถมยังรู้ว่าลูกชายถูกชายหนุ่มคนหนึ่งอัดจนน่วม

วันนั้นเสิ่นเฉียงขอร้องให้เขาส่งคนไปตามหาพี่ชายของหลิวว่านฉิง ซึ่งเขาเข้าข้างและตามใจลูกชายทุกอย่าง แต่วันนี้ดูเหมือนจะคิดผิด!

เป็นเขาต่างหากที่ทำหน้าที่พ่อได้ห่วยแตก ที่ผ่านมา เขาเลี้ยงลูกด้วยวิธีที่ผิดมาตลอด!

“ในฐานะพ่อ ผมขอโทษประธานอวี้ด้วยใจจริงครับ เพื่อเป็นการขอโทษ ผมขอแสดงความรับผิดชอบหลังจากเสร็จประชุมครับ”

เสิ่นฉางหนิงพูดอย่างนอบน้อม ซึ่งคำพูดของเขามีความจริงใจมาก

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่ตอบ

จนกระทั่งทุกคนจ้องมองมาที่เขา อวี้ฮ่าวหรานจึงเหลือบตาขึ้นมอง

“ขอโทษ? ผมไม่รับคำขอโทษ! คุณถูกไล่ออก”

เขาพูดแค่ประโยคเดียว แต่กลับทำให้คนอื่น ๆ ตกใจจนแทบเป็นลม!

เสิ่นฉางหนิงอึ้งงันอยู่พักใหญ่ ถึงจะขายหุ้นไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้บริหารระดับสูงคนสำคัญของบริษัท

จู่ ๆ อีกฝ่ายกลับบอกว่าไล่เขาออกทั้งที่เพิ่งเข้ามารับช่วงต่อ!

“คุณ…คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”

เขาอุทานด้วยความไม่เชื่อ

อวี้ฮ่าวหรานมองท่าทางตกตะลึงของอีกฝ่ายด้วยสายตาเยาะเย้ย

“ผมทำได้ยังไงเหรอ? ผู้จัดการทั่วไปหวัง ผมไม่มีสิทธิ์ไล่เขาออกเหรอ?”

เขาหันศีรษะมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เล็กน้อย

“แน่นอนว่าประธานอวี้มีอำนาจเพียงพอที่จะไล่เขาออกครับ เพราะพวกเราถือหุ้นที่นี่เกือบทั้งหมดแล้ว!”

เมื่อถูกถาม หวังจุนจึงตอบอย่างรวดเร็ว แม้จะมีท่าทางตกใจเล็กน้อย

พูดจบ เขาก็กวาดสายตามองผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจื่อจินที่นั่งอยู่ในห้องประชุม

“ถ้าผมจำไม่ผิด เครือฮ่าวหรานของเราซื้อหุ้นที่อยู่ในมือของพวกคุณหมดแล้ว”

ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

หลังจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินมีข่าวฉาว พวกเขาต่างหมดหวังจึงขายหุ้นของตนในราคาที่ต่ำกว่าทุน

เหล่าผู้บริหารต่างเตรียมใจสำหรับการล้มละลายของบริษัท แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีชายหนุ่มเข้ามาพลิกวิกฤตของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินเอาไว้

อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสายตาเย้ยหยัน

“มันหมายความว่าฉันสามารถไล่ใครออกก็ได้ใช่ไหม?”

“แน่นอนครับประธานอวี้”

หวังจุนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เขารู้นิสัยของประธานบริษัทดี เพราะอีกฝ่ายมักจัดการศัตรูด้วยการทำให้คนคนนั้นกลายเป็นตัวตลก

“แล้วการ์ดของบริษัทจื่อจินล่ะ? ให้พวกเขาเข้ามาให้หมด!”

อวี้ฮ่าวหรานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขณะเคาะโต๊ะเบา ๆ

แต่สำหรับสองพ่อลูกตระกูลเสิ่น เสียงนั้นน่ากลัวพอ ๆ กับเสียงคำรามแห่งความตาย!

ไม่นานชายฉกรรจ์หลายคนก็เดินเรียงแถวเข้ามา

ดูเหมือนว่าพวกเขาทุกคนมีความน่าเกรงขาม แถมความแข็งแกร่งของการ์ดเหล่านี้นับว่าไม่เลวเลย

บางคนฝึกฝนกำลังภายนอก ทำให้พละกำลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น

คล้ายว่าตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่อวี้ฮ่าวหรานกลุ่มคนไปสำรวจอาคารที่นี่ พวกเขาก็เพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทมากขึ้น

น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสู้กับเขา

“พวกคุณฟังให้ดี! พาตัวสองคนนี้ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”

อวี้ฮ่าวหรานชี้ไปที่สองพ่อลูกตระกูลเสิ่น ก่อนพูดด้วยท่าทีที่แตกต่างออกไป

“พวกเขาไม่ได้ทำงานที่บริษัทนี้แล้ว”

ตอนแรกเสิ่นฉางหนิงไม่ตอบโต้อีกฝ่าย เพราะคิดว่าชายหนุ่มจะให้อภัยและสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนไร้หัวใจ!

“อวี้ฮ่าวหราน! ฉันทำงานที่นี่มานาน! ฉันรู้วิธีบริหารบริษัทจื่อจินดี แกจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้!”

เขาคำรามเสียงดังอย่างหมดความอดทน