บทที่ 419 งานเลี้ยงใหญ่

บทที่ 419 งานเลี้ยงใหญ่

ค่ำคืนอันเงียบงันผ่านพ้นไป

สองวันต่อมา การต่อสู้แย่งชิงอำนาจใต้ดินของเมืองฮ่วยอันค่อย ๆ ลดน้อยลง ภายใต้การควบคุมของโจวเฟยหู่หัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหา หลังจากแก๊งฉลามคลั่งและวาฬยักษ์ล่มสลาย!

ในตอนเช้า งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองฮ่วยอัน!

“ฮ่า ๆ พี่อวี้! ทุกอย่างเป็นความดีความชอบของพี่ทั้งหมด!”

ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม หลังจากแก๊งพยัคฆ์เวหาประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ โจวเฟยหู่จึงจัดงานสังสรรค์เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับลูกน้อง!

ตอนนี้ใบหน้าของเขาอิ่มเอิบไปด้วยความสุขที่แทบล้นออกมาจากปาก เขาลุกยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ!

การกระทำนี้ทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตื่นตกใจ ทุกคนรู้ดีว่าโจวเฟยหู่มีนิสัยยังไง!

ผู้ชายคนนั้นเป็นคนแบบไหนกันที่สามารถทำให้เขาลุกยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับให้?

หลังจากนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงกว่าเดิมคือหวังเหยียน รองหัวหน้าแก๊งพยัคฆ์เวหาลุกยืนขึ้นอีกคน!

“พี่อวี้ ผมขอดื่มอวยพรให้พี่นะครับ!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อยก่อนหยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดื่มด้วย

“หวังเหยียน นายอย่าดื่มมากเกินไปล่ะ นายยังไม่หายดี ฉันจะดื่มแทนนายเอง”

เมื่อเห็นอย่างนั้น โจวเฟยหู่จึงปรามลูกน้อง

“ไม่เป็นไรครับ ๆ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ดื่มกับพี่ชายของผม”

จากนั้นทั้งสองคนจึงนั่งลง ตอนนั้นเองลูกน้องแก๊งพยัคฆ์เวหาทุกคนที่นั่งอยู่ไม่ให้ไม่ไกลก็ลุกยืนขึ้นแล้วตะโกนอย่างพร้อมเพรียง

“พี่อวี้ พวกเราขอดื่มอวยพรให้พี่เหมือนกันครับ!”

สุดท้ายแล้วทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม

ถ้าถามถึงตำแหน่งในแก๊งมันคงจะน่าอายนิดหน่อย เพราะอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เข้าร่วมแก๊งพยัคฆ์เวหา แต่เขากลับได้รับคำยกย่องมากมาย

แถมอีกฝ่ายยังเคารพเขาเป็นเหมือนพี่น้องอีกด้วย

“วันนี้ พวกเราพยัคฆ์เวหาสามารถกวาดล้างสองแก๊งใหญ่คือแก๊งฉลามคลั่งและวาฬยักษ์ในเมืองฮ่วยอันได้สำเร็จ นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจากพี่อวี้ ถ้าไม่มีพี่ พวกเราคงทำไม่สำเร็จ!”

ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ คนที่เหลือก็โห่ร้องชื่นชมทันที

“และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรามีผู้นำที่ดีที่สุด!”

“ถูกต้อง ถ้าไม่มีลูกพี่ที่ซื่อสัตย์และมีฝีมือ พวกเราคงไม่มาถึงจุดนี้!”

“มีลูกพี่ที่ดีคือสิ่งสำคัญที่สุด!”

“…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าลูกน้อง โจวเฟยหู่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ฮ่า ๆ ฉันขอถ่อมตัวแล้วกัน ถึงยังไงมันก็เป็นฝีมือของพวกนายด้วย ฉันหวังว่าในอนาคตพวกเราจะทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมนะ!”

พอเขาพูดจบ คนที่เหลือก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง

งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

อวี้ฮ่าวหรานดื่มไวน์สองสามอึก ก่อนหันมองโจวเฟยหู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“หลังจากกวาดล้างสองแก๊งนั้นแล้ว ยังมีแก๊งอันธพาลไหนในเมืองฮ่วยอันอีกไหม?

เขาอยากตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนในครอบครัวจะสามารถอาศัยอยู่ในเมืองนี้ได้อย่างสงบสุข

สิ่งที่เขาตั้งใจไว้คงไม่เป็นผลแน่นอน ถ้าแก๊งอันธพาลยังคงต่อยตีกันอย่างแต่ก่อน

โจวเฟยหู่ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสนใจเรื่องนั้น

“เอ่อ…ไม่น่าจะมีแล้วนะครับ ทั้งสามแก๊งไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการครองเมืองฮ่วยอัน นอกจากนี้ยังมีแก๊งเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันเป็นครั้งคราว แต่ก็ถือว่าเป็นตัวสร้างปัญหาเหมือนกัน”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงอธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน

ถึงพยัคฆ์เวหาจะทลายแก๊งเล็ก ๆ เหล่านั้นและรวมเข้าด้วยกันแล้ว แต่ยังเหลือพวกเหลือบไรน่ารำคาญอีกมากมาย

สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานมืดมนลงทันทีที่ได้ยิน

“แก๊งเล็ก ๆ พวกนั้นจะสร้างปัญหาไหม?”

“เอ่อ…ผมกลัวน่าจะเป็นแบบนั้นครับ”

โจวเฟยหู่ตอบด้วยความประหม่า เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบคำตอบแบบนี้ แต่ทั้งหมดที่เขาพูดเป็นความจริง

แก๊งขนาดเล็กสร้างความปั่นป่วนมากกว่าแก๊งขนาดใหญ่ และในอนาคตพวกมันจะต้องสร้างความโกลาหลแน่นอน

“ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากไม่มีแก๊งใหญ่คอยคานอำนาจแล้ว พวกมันจะต้องเหิมเกริมมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ”

เขาไม่กล้าหลอกลวงอีกฝ่าย จึงทำได้แค่บอกความจริง

“แค่นี้แหละครับ”

ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานมืดมนกว่าเดิม

“งั้นก็กำจัดพวกมันให้หมด!”

“หา?”

โจวเฟยหู่ตกตะลึงกับคำพูดของอีกฝ่าย

“พี่อวี้กำลังจะบอกว่า…พี่อยากกำจัดพวกมันทั้งหมดเหรอครับ?”

“อะไร? นายเคยทลายแก๊งวาฬยักษ์กับฉลามคลั่งมาแล้ว อย่าบอกนะว่านายกลัวจะแพ้เศษสวะพวกนั้น?”

อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้ามองอีกฝ่าย คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

พอเห็นแบบนั้น โจวเฟยหู่ก็อดเสียวสันหลังไม่ได้

“ไม่…ไม่มีปัญหาครับ! ผมสัญญาว่าจะจัดการพวกมันให้เกลี้ยง! ถึงจะเป็นแก๊งเล็ก แต่มันมีหลายแก๊งเกินไป แต่พวกเราพยัคฆ์เวหาจะสั่งสอนพวกมันเอง”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็อดกังวลไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนสั่ง เขาคงไม่ต้องรีบจัดการอย่างนี้

เมืองฮ่วยอันมีแก๊งอันธพาลขนาดเล็กมากมาย ยังไม่รวมกับแก๊งเล็กที่เข้าร่วมกับเขาเพื่อทำลายสองแก๊งใหญ่อีกนะ

มันคือสงครามขนาดย่อมอย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาและอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์แบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ตอนนี้พวกเขาจึงต้องกำจัดแก๊งเล็ก ๆ ในเมืองฮ่วยอันให้สิ้นซาก!

ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เลย!

อวี้ฮ่าวหรานสัมผัสถึงความละอายใจในหัวใจของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องเร่งรีบหรอก ฉันจะลงมือตอนที่จำเป็นเท่านั้น”

เขารู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่งที่ฝังแน่นมานาน

ก่อนเกิดเรื่องต่าง ๆ กับเฉิงชิวอวี้และสวีรุ่ย เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะกำจัดแก๊งต่าง ๆ ในเมืองฮ่วยอันให้หมด

และกำอำนาจของแก๊งเหล่านั้นไว้ในกำมือ

ไม่นานงานเลี้ยงก็สิ้นสุดลง

โจวเฟยหู่ดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นกัน แก๊งพยัคฆ์เมฆาจะต้องฝนเขี้ยวเล็บให้พร้อมก่อนประกาศสงคราม!

อีกด้านหนึ่ง เมื่อถึงเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า อวี้ฮ่าวหรานจึงกลับมาที่บริษัทก่อนพาเหล่าผู้บริหารไปรับประทานอาหารเที่ยง จากนั้นก็จัดการเรื่องเอกสารต่าง ๆ

เวลาบ่ายโมง เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น

“ประธานอวี้ครับ พวกเราได้บริษัทจื่อจินมาอยู่ในมือแล้ว ท่านประธานจะส่งมอบด้วยตัวเองไหมครับ?”

ผู้มาเยือนคือหวังจุน

อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้น เขาจำได้ตัวเองเป็นคนสั่งลูกน้องให้ซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจิน

“เตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวผมตามไป”

ครั้งนี้เขาต้องไปรับการส่งมอบด้วยตัวเอง เพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินเป็นของกัวหย่งซิน ชายหนุ่มตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงระบบองค์กรและการบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กเหล่านั้น

หวังจุนดำเนินการอย่างรวดเร็ว ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหล่าผู้บริหารก็มาประชุมกันพร้อมหน้า

ขณะเดียวกัน ณ ห้องประชุมบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจิน

“ผมไม่คิดว่าเงินทุนเหล่านั้นจะซื้อบริษัทจื่อจินของเรา ผมไม่น่าขายหุ้นราคาต่ำอย่างนั้นเลย”

“ใช่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าด้วยเหตุผลนี้ พวกเขาจะซื้อบริษัทของเรา”

“เครือฮ่าวหราน ฮ่า ๆ ก่อนหน้านี้เขายังต่อต้านพวกเราอยู่ไม่ใช่เหรอ? หึ!”

“…”

เหล่าผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินวิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้นต่าง ๆ นานา

“มาแล้ว! พวกเขามาแล้ว!”

ไม่นาน รถสปอร์ตสีเหลืองสดใสและรถเมอร์เซเดสเบนซ์ประมาณเจ็ดแปดคันก็ขับเข้ามาในบริเวณอาคารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจิน!

ชายหนุ่มคนหนึ่งมองลงไปชั้นล่างผ่านกระจกห้องประชุม ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ารถสปอร์ตสีเหลืองคันนั้นดูคุ้นตาอย่างมาก…

“เคยเห็นที่ไหนนะ?”

เขาพึมพำด้วยความสงสัย

ชายหนุ่มคือเสิ่นเฉียง คนที่เคยทำร้ายหลิวว่านฉิงก่อนหน้านี้!

น่าเสียดายที่เขาจำรถของอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินก็เดินนำอวี้ฮ่าวหรานและลูกน้องไปที่ห้องประชุม

สีหน้าของชายหนุ่มเย็นชามาก!

เพราะวันนี้เขามาเพื่อไล่ผู้บริหารพวกนั้นออกยังไงล่ะ!