บทที่ 418 คิดถึง
บทที่ 418 คิดถึง
“ป…เป็นไปได้ยังไง เขาเป็นคนวางแผนทั้งหมดชัด ๆ!”
เมื่อกัวหย่งซินได้ยินเรื่องที่เจียงอวิ๋นบอก ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียว ก่อนจะคำรามเสียงดังทันที
ในที่สุดก็รวบรวมสติได้! เขาโดนหลอกอย่างเต็มเปา!
กัวหย่งซินไม่คิดว่าชุ่ยเจิ้งไห่จะทำดีกับตัวเองเพื่อบังหน้า แต่ลับหลังกลับวางแผนผลักความผิดทั้งหมดให้เขาแค่คนเดียว
“เลว! เลวมาก!”
ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่คำรามเสียงดังด้วยความโกรธ
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ณ ห้องอาหารส่วนตัวในภัตตาคารแห่งหนึ่ง
ชุ่ยเจิ้งไห่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเพียงลำเพียง
“ท่านชุ่ยครับ พวกตำรวจเพิ่งมาขอเข้าพบท่านครับ” ลูกน้องที่อยู่ข้างนอกเข้ามารายงาน
“อืม พวกมันไม่มีวันจับฉันได้หรอก”
“แต่ถ้าพวกมันไม่ยอมรามือ ถ้า…”
“ไม่มีทาง!”
ชุ่ยเจิ้งไห่โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจิบสุรารสกลมกล่อม
“ถ้าลงมือทำอะไรแล้ว ฉันไม่เคยทิ้งร่องรอยให้พวกมัน และการที่กัวหย่งซินถูกจับก็เป็นแผนการที่ฉันวางไว้แล้ว”
“ครับ ไม่มีใครฉลาดกว่าคุณชุ่ยแล้วครับ”
ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดเยินยอทันที
“ฮ่า ๆ นายไม่ต้องประจบฉันหรอก อีกอย่างอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่ได้ด้อยกว่าฉันสักเท่าไหร่ นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อก็ได้”
ถึงชุ่ยเจิ้งไห่จะหัวเราะ แต่แววตาของเขาแข็งกร้าวเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะแก้เกมได้เร็วขนาดนี้ พวกมันสองคนน่าจะเสียหายมากกว่านี้สิ”
“ถ้างั้นเรา…”
ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มีท่าทีอึกอักเล็กน้อย เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรพูดต่อหรือไม่
“อย่าเพิ่งคิดไปไกล ผู้ชายคนนี้ก็แค่หุ่นเชิดเท่านั้นแหละ!”
ชุ่ยเจิ้งไห่พูดอย่างสบาย ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่
“มา ๆ กินข้าวกันเถอะ วันนี้วันเกิดฉัน… โชคร้ายที่ไม่มีใครอยากมาฉลองด้วยกัน”
“ค…ครับผม”
ดูเหมือนว่าลูกน้องคนนั้นจะเข้าใจอารมณ์ของเจ้านายดี เขาจึงไม่ปฏิเสธเมื่อได้ยินอย่างนั้น
…
เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายโมงแล้ว ไม่นานสำนักงานตำรวจจะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์น่าหดหู่!
โยนหินก้อนเดียวสร้างเกลียวคลื่นนับพัน!
ประชาชนจำนวนมากตกตะลึงกับเรื่องราวที่กลับตาลปัตร ทำให้สำนักข่าวทั้งหลายเปลี่ยนเป้าโจมตีทันที!
ไม่นานพวกเขาก็ได้เขียนพาดหัวข่าวใหม่
‘ช็อก! บริษัทที่ถูกประชาชนประณาม แท้จริงแล้วถูกใส่ร้าย!’
‘น้ำลดตอผุด! บาปอันเลวร้ายถูกเปิดโปงแล้ว!’
‘เสียสติ! เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รับทำทุกอย่างเพื่อทำลายคู่แข่ง!’
ข่าวที่เพิ่งได้รับการยืนยันถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว!
ตอนพลบค่ำ ราคาหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินร่วงอย่างหนักราวกับตกลงจากหน้าผาในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่รู้ว่าบริษัทกำลังจะล้มละลาย พวกเขาจึงเทขายหุ้นจนหมดหน้าตัก
ขณะนั้นเอง เครือฮ่าวหรานก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
ภายใต้คำสั่งของหวังจุน เงินทุนจำนวนมากถูกนำเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เกิดความวุ่นวายระลอกใหม่!
แต่ตอนนี้ผู้ที่คิดแผนนี้ขึ้นมากลับอยู่ที่บ้านกับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างสบายใจ
“พี่เขย! พี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!”
ทันทีที่กลับถึงบ้าน หลี่หรงก็ออกปากชมพี่เขยหลายต่อหลายครั้งด้วยความประหลาดใจ
“พี่เก่งมาก! เมื่อวานทุกคนยังโจมตีบริษัทของพี่อยู่เลย แต่จู่ ๆ วันนี้พี่เขยก็พลิกเกมได้สำเร็จ”
อวี้ฮ่าวหรานเห็นอย่างนั้นจึงจับแขนของอีกฝ่ายให้หยุด
“หยุดได้แล้ว…พี่บอกแล้วไงว่าพี่เป็นพระเจ้า”
มุมปากของชายหนุ่มกระตุกยิ้มเล็กน้อย ซึ่งมันเหมาะกับบุคลิกของเขาอย่างมากตามที่เขาคาดไว้ หลี่หรงยังคงชื่นชมเขาต่อไป
“นี่ ฉันแค่ชมพี่เองนะ”
พระเจ้า? เธอไม่มีทางเชื่อแน่นอน
แต่ในใจของเธอกลับเทิดทูนพี่เขยว่าเขาเป็นคนเก่งกาจและฉลาดกว่าใคร!
ตั้งแต่อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายแค่ไหน แต่เขาก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาดเสมอ
“พี่เขย นั่งลงก่อนสิ! วันนี้ฉันจะทำอาหารที่พี่ชอบให้กินจนอิ่มเลย!”
พอพูดจบ หลี่หรงก็หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เธอโล่งใจมากที่เรื่องเลวร้ายถูกคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว
ถึงยังไงเรื่องนี้ก็มีชีวิตผู้บริสุทธิ์เป็นเดิมพัน ถ้าไม่ถูกจัดการอย่างยุติธรรม ไม่แน่ว่าในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นหายนะก็ได้!
ตอนนี้เวลาหกโมงเย็นแล้ว อาหารหลายอย่างถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร
“มะเขือม่วงตุ๋น ไข่คนมะเขือเทศ ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน…น่ากินมาก”
อวี้ฮ่าวหรานมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะและพึมพำด้วยความชื่นชม ชายหนุ่มพบว่าอาหารทุกจานคืออาหารที่เขาเคยชอบจริง ๆ ด้วย
“พ่อจ๋า ถวนถวนชอบกินทุกอย่างเล้ย!”
เด็กหญิงตัวน้อยตื่นเต้นกว่าใครหลังจากเห็นอาหารที่วางเรียงรายบนโต๊ะ แต่หลังจากอวี้ฮ่าวหรานคีบอาหารเข้าปาก เขาก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
“มีอะไรเหรอ?”
หลี่หรงเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าพี่เขยมีสีหน้าเรียบเฉย เธอจึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ไม่อร่อยเหรอ? ฉันทำตามที่พี่สาวสอนทุกขั้นตอนเลยนี่นา”
เมื่อเห็นอย่างนั้น เธอจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วคีบไข่คนมะเขือเทศเข้าปาก
“อืม รสชาติมันก็น่าจะเหมือนกันสิ”
เธอยังคงพึงพอใจกับฝีมือของตัวเองอย่างมาก ขณะเดียวกันอวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจยาว
“เฮ้อ…เพราะรสชาติเหมือนกันเกินไปไงล่ะ”
เขากินเข้าไปเพียงคำเดียวก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองย้อนกลับไปในอดีต
“พี่สาวของเธอทำไข่คนมะเขือเทศอร่อยที่สุด เม่ยเอ๋อร์ชอบใส่หมูหยองลงในไข่นิดหน่อยเพื่อให้รสชาติดีขึ้น ตอนนี้เธอก็ทำมันได้แล้ว”
ในที่สุดหลี่หรงก็รู้แล้วว่าปัญหาคืออะไร พี่เขยคิดถึงพี่สาวอีกแล้วสินะ
“ฉ…ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เธอต้องการทำอาหารตามสูตรของพี่สาว แต่ลืมว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่ยังคิดถึงเธออย่างสุดหัวใจ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่…ฉันไม่ได้เจอเธอมาสองปีแล้วเลยคิดถึงน่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ เขาเกือบแสดงด้านอ่อนไหวออกไปแล้ว
เวลากว่าสามหมื่นปีก็มากเพียงพอแล้ว สำหรับมนุษย์ที่จะรับรู้รสชาติของชีวิต สำหรับน้องสาวภรรยาที่เพิ่งอยู่ในช่วงอายุยี่สิบกว่า ๆ นั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก
ถึงอย่างนั้น ระหว่างมื้ออาหารอวี้ฮ่าวหรานก็อดถามถึงรายละเอียดตอนที่หลี่เม่ยถูกลักพาตัวไปไม่ได้
“เธอลองคิดดี ๆ สิว่าตอนนั้นเธอได้ยินไหมว่าเม่ยเอ๋อร์ถูกพาตัวไปที่ไหน?”
หลี่หรงกำลังจะคีบอาหารเข้าปาก แต่พอได้ยินคำถามของอีกฝ่าย คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นอย่างไม่รู้ตัว
“ตอนนั้น…แม่ชีไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนกับเขากลัวว่าเราจะรู้ที่ซ่อน”
พอได้ยินคำถามจากพี่เขย เธอก็พยายามนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นให้ละเอียดที่สุด
“อืม แล้วพวกเขาไปทางไหนเหรอ? เธอจำได้ไหมว่าพวกมันพาเม่ยเอ๋อร์ไปทางทิศไหน?”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ยอมแพ้ เขายังคงถามต่อไป หลี่หรงประทับใจในตัวพี่เขยอย่างมาก
“ทิศทางเหรอ…ฉันจำได้ว่าหลังออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลี่ พวกเขามุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ”
พูดจบ เธอจึงเงยหน้ามองพี่เขยอย่างอดไม่ได้
“พี่เขย พี่กำลังตามหาเบาะแสของพี่สาวอยู่เหรอ?”
“อืม พวกเราไม่ได้เจอกัน…นานมากแล้ว”
นานกว่าสามหมื่นปี…
สำหรับเขาแล้ว นับว่ามันคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยทีเดียว
หลี่หรงมองพี่เขยเงียบ ๆ หลังจากเวลาผ่านไปสามปี เธอรู้สึกว่าพี่เขยดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมขึ้นร้อยเท่า
แถมยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจเธอมากขึ้นด้วย
หลังจากกลับเข้ามาในห้องนอน อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่สามารถสงบอารมณ์แล้วเข้าสู่การฝึกตนได้
เขาจ้องมองแสงจันทร์ที่สะท้อนผ่านหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ
“เริ่มจากทางเหนือก่อนแล้วกัน!”
เขาหลับตาลงท่ามกลางความเงียบงัน ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องไขข้อข้องใจให้ได้!
ต่อให้ตายก็ไม่เสียใจ!