บทที่ 417 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 417 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง*[1]

บทที่ 417 นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง*[1]

“ขอโทษนะคะคุณตำรวจ? ผู้ชายคนนี้คือผู้บริหารระดับสูงของเครือฮ่าวหรานหรือเปล่าคะ?”

“ผู้บริหารของเครือฮ่าวหรานถูกจับแค่คนเดียวเหรอคะ? ทั้งที่พวกเขาทำให้คนนับสิบต้องตายน่ะเหรอคะ!”

“คุณตำรวจ ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้จะโดนตั้งข้อหาอะไรบ้างเหรอคะ?”

“…”

เมื่ออยู่ต่อหน้านักข่าวจำนวนมาก เจียงอวิ๋นก็ไม่สามารถตอบคำถามพวกเขาได้เลย

เมื่อเป็นเรื่องสำคัญที่สังคมต้องรับรู้ คนพวกนี้จะกลายร่างเป็นแมวที่ได้กลิ่นคาวปลาที่สามารถพบเจอได้ทุกที่

“ทุกคนครับ! เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว! และตอนนี้เรามีหลักฐานเพียงพอที่จะรายงานว่าเครือฮ่าวหรานถูกคนอื่นใส่ร้ายครับ”

ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา นักข่าวนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง

พวกเขาไม่คิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลับตาลปัตรขนาดนี้หลังจากที่ตำรวจได้หลักฐานครบและประกาศตัวผู้กระทำผิด!

พวกตำรวจได้ใช้โอกาสนี้ฝ่าวงล้อมออกไปอย่างรวดเร็ว

ชั้นบนสุดของอาคาร อวี้ฮ่าวหรานมีท่าทางผ่อนคลายทันทีที่เห็นอีกฝ่ายออกไปแล้ว

“หวังจุน ถ้าข่าวกระจายออกไปแล้ว คุณเตรียมตัวซื้อบริษัทจื่อจินได้เลย”

“ประธานอวี้แน่ใจเหรอครับ?”

หวังจุนมีท่าทีลังเลเล็กน้อย

สิ่งที่ทำให้เขาลังเลไม่ใช่ความยากลำบากในขั้นตอนการเจรจา ในทางกลับกัน ถ้าข่าวของกัวหย่งซินแพร่กระจายออกไป บริษัทอสังหาริมทรัพย์จะต้องถูกประชาชนโจมตีแน่นอน

ในตอนนั้นหุ้นของบริษัทจะตกและพวกเขาก็จะสามารถซื้อมันในราคาที่ถูกมาก ๆ

แต่สำหรับบริษัทมีชื่อเสียงอย่างนี้ มันเป็นจึงไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจซื้อบริษัทที่ใกล้ล้มละลาย ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ก็เป็นได้!

“การซื้อกิจการนี้เป็นความตั้งใจของผม หลังจากซื้อมาแล้ว ผมจะบูรณะและจัดระเบียบการบริหารใหม่ทั้งหมด ผู้บริหารชุดเก่าจะถูกเปลี่ยนทุกคน”

อวี้ฮ่าวหรานหันหลังกลับขณะบอกเล่าแผนการ

“ถ้าอย่างนั้น…จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ”

หวังจุนรู้ดีว่าประธานของเขาหมายถึงอะไร

“ประธานอวี้ คุณอยากลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่เหรอครับ?”

นี่คือความเป็นไปได้อย่างเดียวในปัจจุบัน ถ้าเป็นเพียงธุรกิจเล็ก ๆ หรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กหลายบริษัทก็คงเพียงพอแล้ว

ไม่จำเป็นต้องซื้อบริษัทอสังหาริมทรัพย์จื่อจินอีกต่อไป

“อืม ผมหมายความว่าอย่างนั้นแหละ ผมหวังว่าคุณจะทำได้ดีเหมือนเดิมนะ”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตำหนิแต่เตือนสติอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

จากรายงานด้านการเงินฉบับล่าสุด บริษัทเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมเครื่องยนต์แล้ว ดังนั้นจึงต้องการขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมอื่นและต้องการหารายได้เพิ่มให้บริษัทอีกด้วย

จากนั้นก็เปลี่ยนจุดสนใจของอุตสาหกรรมเท่านั้น

เพื่อให้ได้มาซึ่งความมั่นคงในโลกมนุษย์ เขาจึงต้องการเงินทุนเพิ่มเพื่อซื้อวัตถุโบราณจำนวนมาก

ด้วยเงินทุนที่มากพอ ครอบครัวเขาจึงจะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างไร้กังวล

ไม่นานหวังจุนก็ออกจากห้องไปเพื่อเตรียมการทุกอย่าง ดังนั้นในห้องทำงานของอวี้ฮ่าวหรานจึงเหลือเพียงสองคนเท่านั้น

“พี่…พี่เขย ทุกอย่างจบแล้วจริง ๆ เหรอ?”

จนถึงตอนนี้ หลี่จิงเทียนยังคงถามด้วยความสงสัย เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันตั้งตัว

เขาเพิ่งรู้ข่าวร้ายเมื่อเช้านี้ แถมก่อนหน้านี้เขายังกลัวจนตัวสั่นสะท้าน แต่ชั่วพริบตา ปัญหาต่าง ๆ ก็ถูกคลี่คลายอย่างไม่คาดคิด

“นายมีอะไรอีกเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานมองน้องชายของภรรยา ก่อนเดินกลับมานั่งที่โซฟาตรงข้ามกับอีกฝ่าย

“เอ่อ… ป…เปล่าครับ พี่เขยเรื่องที่จะลาออก ผมพูดเล่น อย่าถือสาผมเลย”

หลี่จิงเทียนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยของพี่เขย

“อืม นายกลับไปที่ห้องของนายได้แล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

อีกฝ่ายกลัวเขาจนแทบวิ่งหางจุดตูดออกจากห้อง แต่เขารู้นิสัยของน้องชายภรรยาดีจึงไม่ใส่ใจการกระทำของเขาสักเท่าไหร่

“ด…ดีเลย! ผมไปก่อนนะพี่เขย”

หลี่จิงเทียนได้ยินอย่างนั้นก็อดถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้ ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมีความสุขอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

แต่จู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็หยุดเขาไว้

“เดี๋ยวก่อน!”

“หือ? พี่เขยมีอะไรเหรอ?” หลี่จิงเทียนรีบหันหลังกลับด้วยความตกใจ

“นายยังจำได้ไหมว่าเมื่อสองปีก่อนแม่ชีพาพี่สาวนายไปที่ไหน?”

“แม่ชี?”

เมื่อต้องเผชิญกับคำถามที่ไม่คาดคิด เขาก็อดตกตะลึงไม่ได้

“แม่ชีคนไหน? ผม…ผมจำไม่ได้ แต่จำได้แค่ว่าพี่สาวถูกคนลึกลับพาตัวไป”

อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าเล็กน้อย

“อืม หมดธุระแล้ว นายไปเถอะ”

หลังจากได้รับอนุญาต หลี่จิงเทียนจึงเปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที

ผนังของห้องทำงานอวี้ฮ่าวหรานทำจากวัสดุชั้นดีจึงไม่มีเสียงข้างนอกเล็ดลอดเข้ามา

หลังจากประตูปิดสนิท ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

“เม่ยเอ๋อร์ สามหมื่นกว่าปีแล้ว เมื่อไรผมจะได้เจอคุณสักที?”

ด้วยความผิดหวัง ร่องรอยความเหงาจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าอวี้ฮ่าวหราน เหตุผลที่เขาถามอีกฝ่ายอย่างนั้น เป็นเพราะว่าเขารู้สึกกังวลเล็กน้อย

หลังจากก้าวสู่จุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐาน เขาก็รอเวลาที่จะตามหาภรรยาจนแทบทนไม่ไหว

แต่ประเทศจีนกว้างขวางเกินกว่าที่เขาจะออกตามหาอย่างไร้จุดหมาย

การตามหาอย่างไร้จุดหมายมันก็เหมือนกับการงมเข็มในกองฟาง

หลี่หรงบอกเขาแค่ว่าพี่สาวเธอถูกแม่ชีพาตัวไปเป็นบริวารเท่านั้น การมีพรสวรรค์ในการฝึกตนถือว่าเป็นเรื่องดี

แต่ท้ายที่สุด คนธรรมดาไม่อาจมีพรสวรรค์ด้านนี้ได้

แต่เขาเป็นถึงมหาเทพผู้ทรงพลัง ดังนั้นบนโลกนี้จะมีใครเก่งกาจกว่าเขาอีก?

สถานีตำรวจ

“ตอนนี้พวกเรามีพยานหลักฐานทุกอย่างแล้ว และมันเป็นสิ่งที่มัดตัวคุณ!”

“ไม่…ฉันไม่ได้ทำ!”

ใบหน้าของกัวหย่งซินซีดเซียว เขามองหลักฐานตรงหน้าพร้อมปฏิเสธ

หลักฐานเหล่านี้บ่งชี้มาที่กัวหย่งซินอย่างชัดเจน ถ้าได้รับการยืนยันจากปากเขา นั่นก็แสดงว่าเขาจงใจฆ่าคนงานเหล่านั้น…

ความผิดหนักหนาเกินไป!

เจียงอวิ๋นพูดดูถูกหลังจากได้ยินเขาปฏิเสธ

“ทำไมคุณถึงยังแก้ตัวอยู่อีก? ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร?”

เขาหยิบหลักฐานทั้งสองชิ้นขึ้นชูตรงหน้าของอีกฝ่าย

“ดูให้ดีสิ เราสอบปากคำแรงงานต่างชาติและคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงคำให้การของหัวหน้าทีมโจว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสารภาพเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณเป็นคนจ้างวาน”

ตึง!

“ยังจะเถียงอะไรอีกไหม?”

เจียงอวิ๋นตบลงบนโต๊ะอย่างเต็มแรงพร้อมตะคอกด้วยความโมโห

กัวหย่งซินตกใจอย่างมากเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย!

ตอนนั้นเองที่เขานึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองสมคบคิดและวางแผนทุกอย่างร่วมกับประธานชุ่ย แต่ก่อนที่จะรู้ตัว อีกฝ่ายก็วางแผนให้เขาเป็นผู้รับผิดคนเดียวแล้ว!

“ไม่! ยังมี! ยังมีอีกคน! เขาชื่อชุ่ยเจิ้งไห่!”

หลังจากครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะไม่ยอมติดคุกคนเดียวและจะลากคนคนนั้นให้ลงนรกไปด้วยกัน!

“หือ?”

เจียงอวิ๋นเริ่มสนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“ถ้าคุณให้การที่มีประโยชน์ต่อการสืบสวน บางทีโทษของคุณอาจลดลงก็ได้ แต่อย่าคิดมากเลย เรื่องแบบนี้ไม่มีกำหนดตายตัว”

“ฉัน…ฉันจะสารภาพทุกอย่าง!”

ตอนนี้กัวหย่งซินตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง เขาไม่สนใจอะไรแล้ว นอกจากสารภาพทุกอย่าง

ถึงอย่างนั้นหลังจากที่เจียงอวิ๋นตรวจสอบหลักฐานและคำให้การทุกอย่างแล้ว เขากลับไม่พบเบาะแสที่สามารถสืบไปถึงตัวชุ่ยเจิ้งไห่ได้

ห้องสอบสวน

“ผมอยากลากตัวคนคนนั้นข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายคนนั้นฉลาดกว่าคุณมาก เราจึงไม่สามารถหาหลักฐานที่สาวไปถึงตัวเขาได้”

เจียงอวิ๋นมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะนั่งลงบนเก้าอี้

[1] นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง เปรียบเปรยถึงมหันตภัยกำลังจะตามมา