บทที่ 416 สูญเสียทุกอย่าง
บทที่ 416 สูญเสียทุกอย่าง
แม้ว่าในอดีตกัวหย่งซินจะเป็นนักธุรกิจที่สง่างามและน่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้กลับไม่มีบอดี้การ์ดคนไหนต้องการคุ้มกันเขาเลยแม้สักคนเดียว
พวกเขารู้แล้วว่าคุณกัวผู้เจ้านายกำลังจะถูกจับ
พวกเขาถูกจ้างมาก็จริง แต่เขาคิดจริง ๆ เหรอว่าบอดี้การ์ดพวกนี้จะโง่ถึงขั้นขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ?
ตลกแล้ว!
ไม่มีใครโง่ขนาดนั้นหรอก! ขัดขวางเจ้าหน้าที่ที่ได้ภาษีเป็นเงินเดือนเนี่ยนะ? บ้าหรือเปล่า?!
ตอนนั้นเองบอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนก็พร้อมใจกันก้าวถอยหลังอย่างพร้อมเพรียง
พวกเขาขอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“เฮ้อ คุณยังอ่อนหัดเกินไป”
หวังจุนเคยรู้สึกว่าอีกฝ่ายเก่งกาจมาก แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากตัวตลกเลย
“ชีวิตคุณจบลงแล้ว กัวหย่งซิน! ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้าใส่ร้ายประธานอวี้ของเรา!”
ถ้าเมื่อวานเขายังคงรู้สึกกลัวและไม่สืบหาความจริงตามที่เจ้านายบอก วันนี้คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมต้องเป็นประธานอวี้อย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเป็นไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา*[1]แน่!
ไม่กี่วินาทีต่อมา เจียงอวิ๋นก็นำลูกน้องเข้าจับกุมกัวหย่งซิน ก่อนกดตัวเขาลงกับพื้น!
“คุณกัว! คุณฆ่าคนนับสิบ แถมจงใจใส่ร้ายคนอื่นและติดสินบนเจ้าหน้าที่! คุณต้องติดคุกตลอดชีวิตแน่นอน!”
ขณะเดียวกัน ใบหน้าของกัวหย่งซินก็ซีดขาวอย่างมาก
“ไม่…ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ…”
ตอนนั้นเองที่เขาตระหนักถึงความเลวร้ายของเรื่องที่ก่อ
นี่ไม่ใช่แค่การใส่ร้ายคู่แข่งทางธุรกิจ แต่เป็นคดีฆาตกรรมที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต!
คนตายหลายสิบคนเชียวนะ! ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ล่ะ!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าทำให้หลี่จิงเทียนดูเหมือนคนโง่งม! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตำรวจไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับพวกเขาเหรอ?
แล้วทำไมพวกตำรวจถึงกรูกันเข้าไปจับชายร่างอ้วนที่อยู่ตรงหน้า?
เขาเหลือบมองพี่เขยด้วยสีหน้างงงวย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองผู้จัดการหวังที่ตอนนี้มีท่าทางดีใจอย่างมาก ดังนั้นในความคิดของเขาจึงมีแต่เครื่องหมายคำถาม
ถึงอย่างนั้นไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าผู้ชายที่ทำให้เขากลัวจนแทบฉี่ราด…ถูกจับแล้ว!
“บัดซบ! รู้ไหมว่านายน้อยอย่างฉันคนนี้ตกใจแค่ไหน! ฉันคิดว่าตัวเองกับพี่เขยจะถูกโยนเข้าคุกซะแล้ว!”
หลังจากปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว เขาก็อดตะโกนด่าอีกฝ่ายไม่ได้
“ถุย! แกมันขยะไม่มีประโยชน์!”
เขาเดินไปข้างหน้าก่อนถ่มน้ำลายใส่อีกฝ่ายด้วยความโมโห!
ตอนนี้กัวหย่งซินถูกกดลงพื้นและถูกใส่กุญแจมือเรียบร้อยแล้ว เขาถูกถ่มน้ำลายใส่หน้าแต่กลับทำได้แค่มอง ไม่สามารถตอบโต้ได้เลย
“แค่ก ๆ คุณครับ ตามกฎหมายแล้วต่อให้เขาเป็นผู้ต้องหา คุณก็ไม่สามารถทำร้ายเขาแบบนี้ได้นะครับ เพราะยังไงเขาก็ยังมีสิทธิทุกอย่างตามสิทธิมนุษยชน”
เจียงหวิ๋นกระแอมเบา ๆ และปรามอีกฝ่าย แม้ว่าความจริงแล้วเขาไม่อยากห้ามสักเท่าไหร่
“วันนี้พวกเรามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องคดีของประธานอวี้ครับ แต่ไม่คิดว่าจะเจอเขา”
พูดจบ เขาก็หันไปมองกัวหย่งซิน
หลี่จิงเทียนเห็นดังนั้นท่าทางของตำรวจหนุ่มคนนั้นก็เข้าใจทันที!
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ชอบผู้ชายคนนี้เหมือนกัน
“นี่! แกได้ยินฉันไหม? ไอ้อ้วนแกตายแน่! นายน้อยคนนี้อยากตบหน้าแกมานานแล้ว!”
เพียะ!
พูดจบ เขาจึงเงื้อมือขึ้นก่อนตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่รอบ ๆ แสร้งทำเป็นไม่เห็น…
ผู้บริสุทธิ์เกือบสิบคนต้องตายเพราะผู้ชายคนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงแกล้งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่!
“หลี่จิงเทียน! แกกล้าแตะต้องฉันเหรอ?”
กัวหย่งซินคำราม ความเกลียดชังที่เขามีต่อผู้ชายคนนี้พุ่งขึ้นไปจนถึงขีดสุดทันที!
“หือ? ฉันต้องกลัวแกด้วยเหรอ? ขยะยังไงก็เป็นขยะวันยังค่ำ แกรู้ไหมว่าเสียงคร่ำครวญของแกไม่ต่างอะไรกับเสียงเห่าหอนของหมาขี้เรื้อนสักนิด”
หลี่จิงเทียนมีท่าทีหยิ่งผยองอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่กลัวผู้ชายตรงหน้าสักนิด
ตอนนี้อีกฝ่ายถูกใส่กุญแจมือแล้ว แถมยังถูกตำรวจร่างใหญ่สามคนกดลงกับพื้น ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว
พอกัวหย่งซินได้ยินอย่างนั้น ความเกลียดชังจึงพุ่งขึ้นไปที่หน้าผากเขาทันที!
ทำไมถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าขยะตระกูลหลี่จะน่ารำคาญขนาดนี้?
เจ้าหน้าที่สามคนที่กำลังจับตัวกัวหย่งซินเอาไว้ เพราะรู้สึกว่ากัวหย่งซินกำลังดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด แถมใบหน้าของเขาตอนนี้ก็ยังเหยเกไม่น่ามอง
ถึงหัวหน้าพวกเขาจะไม่ได้ห้าม แต่ผู้ชายคนนี้ก็น่ารำคาญเกินไปแล้ว!
“ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”
ดวงตาของกัวหย่งซินแดงก่ำด้วยความโกรธ ไม่เคยมีใครกล้าหัวเราะเยาะเขาแบบนี้มาก่อน!
“เข้ามาสิ แกอยู่ในสภาพนี้แล้วยังจะกล้าสู้กลับอีกเหรอ? แกมีสิทธิ์อะไร? อย่าลืมว่าพี่เขยฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน!”
หลี่จิงเทียนพูดดูถูกอีกฝ่าย
กล้าดียังไงมาขู่เขาทั้งที่ตัวเองถูกตำรวจสามคนจับตัวไว้?
“แก…ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
กัวหย่งซินโกรธมากจนแทบกระอักเลือด แต่ตอนนี้เขาถูกจับตัวเอาไว้จึงไม่สามารถตอบโต้ได้
ขณะที่อวี้ฮ่าวหรานอยากให้ตำรวจปิดคดีนี้แล้ว
“เอาล่ะ พวกเรากลับกันเถอะ”
เรื่องนี้ควรจบลงแล้ว เขาไม่อยากให้หลี่หรงและเฉิงกัวอันเป็นห่วงไปมากกว่านี้
“ยังไงก็ตามผมไม่อยากได้ค่าชดเชยหรอกครับ พวกคุณขอโทษแล้วก็กลับเถอะครับ”
เจียงอวิ๋นอย่างนั้นก็พยักหน้ารับทราบทันที
“ครับ ตอนนี้ข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของเครือฮ่าวหรานถูกกระจายไปทั่วแล้ว พวกเราจะให้คำอธิบายกับสื่อมวลชนแน่นอนครับ”
ขณะพูด เขาก็อดเหลือบมองหลี่จิงเทียนไม่ได้
ผู้ชายคนนี้เอาความกล้าและความดุดันมาจากไหน เมื่อครู่เขายังเห็นอีกฝ่ายตัวสั่นเทาราวกับโลกจะแตกอยู่เลย
“โอ้…คุณเจ้าหน้าที่เจียงใช่ไหมครับ ฮ่า ๆ พวกเราอายุยังน้อย มาทำความรู้จักกันไว้เถอะครับ ผมรู้จักสถานที่ดี ๆ ที่เรา…”
เมื่อหลี่จิงเทียนเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองตัวเอง เขาจึงทักทายทันที
“ช่างเถอะครับ! ไม่จำเป็น!”
เจียงอวิ๋นโพล่งขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ดูจากบุคลิกของผู้ชายคนนี้แล้ว สถานที่ดี ๆ ที่พูดถึงคงไม่ได้ดีอย่างที่โอ้อวดแน่นอน
จากนั้นเขาก็หันไปมองประธานหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหน้า
“เรื่องจบแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
“ครับ”
อวี้ฮ่าวหรานตอบ
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ท่าทางของชายหนุ่มยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ไม่นานเจียงอวิ๋นและลูกน้องก็พากัวหย่งซินออกจากออฟฟิศของอวี้ฮ่าวหราน
หลังจากลงบันได หนึ่งในลูกน้องของเจียงอวิ๋นก็พูดว่า “หัวหน้าเจียงครับ ทำไมพวกเขาถึงอายุน้อยขนาดนี้ อีกอย่างผมรู้สึกว่าประธานอวี้มีท่าทางพิลึกมาก สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนเลยตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้”
ทันที่เขาพูดอย่างนั้น คนที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ถ้าสงสัย คุณลองค้นประวัติเขาดูสิว่าในครึ่งปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอะไรบ้าง”
เจียงอวิ๋นไม่ประหลาดใจสักนิด เขาอธิบายให้ลูกน้องฟังหนึ่งประโยค จากนั้นมองขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของอาคารอย่างอดไม่ได้
“คนธรรมดาอย่างเราคงเทียบไม่ติด”
ถึงไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าจิตใจของผู้ชายคนนั้นลึกซึ้งแค่ไหน
และเมื่อนึกถึงหลี่จิงเทียน เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้
“เฮ้อ…ช่องว่างระหว่างคนเราบางครั้งก็กว้างกว่าคนกับหมาซะอีก”
ถ้าเป็นทายาทเศรษฐี เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถเป็นได้มากกว่าผู้ชายคนนั้นแน่นอน
หลังจากถอนหายใจ เขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับนักข่าวที่รออยู่ข้างล่าง
แม้จะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ด้วยหน้าที่ของตำรวจ เขาจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้และจำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อย
[1] ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา หมายถึง อ่อนแอหรือแตกหักง่าย