Chapter 3: ลาออก

 

เสี่ยวหลัว ไม่มีเวลามาสนใจพวกแพทย์ที่กําลังมองมาที่เขา

 

ตอนนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับความตื่นเต้นของร่างกายของราชาทหารรับจ้าง ที่ถูกนําเสนอโดย ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ราวเหล็กของเตียงในโรงพยาบาลนั้นบิดและเสียรูปไปโดยใช้เพียงแค่มือเปล่ากับความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้น นี่คือการยืนยันที่สมบูรณ์ของการมีอยู่ของระบบมันเป็นเรื่องจริงอย่างแท้จริงและมันก็ไม่ได้เป็นภาพลวงตาที่เกิดขึ้นหลังจากการถูกกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุด้วย

 

“ ถ้าคุณไม่ตายในหายนะครั้งใหญ่คุณก็จะไม่ได้รับพร คนสมัยก่อนไม่ได้โกหกฉัน ฮ่าฮ่าฮ่า…”

 

เสี่ยวหลัว หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับคนงี่เง่า ความรู้สึกแบบนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองใส่ชุดชั้นในสีแดง และเป็นเหมือนซูเปอร์แมนที่บินได้บนท้องฟ้าและในขณะนี้มันยากที่จะใช้คําใดเพื่อมาอธิบายความตื่นเต้นของเขาในขณะนี้

 

“ เฮ้ เสี่ยวหลัว แกเป็นอะไรไป อย่าทําให้ฉันกลัวสิ ทําไมแกถึงเป็นอย่างนี้หัวเราะอย่างกับคนโง่?” จาง ซูซาน ตบลงบนใบหน้าของ เสี่ยวหลัว เขาไม่เห็นตอนที่เสี่ยวหลัว บีบราวเหล็กของเตียงในโรงพยาบาล ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ทําแบบนี้แน่

 

เสี่ยวหลัว มองไปที่เพื่อนร่วมห้องวิทยาลัยและเขาก็นับถือเป็นพี่ชายที่สนิทของเขาและเขาก็ต้องการที่จะบอกเขาเกี่ยวกับระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือนนี้

 

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากและมันอาจจะทําให้ จาง ซูซาน ลงความเห็นว่าเขาเป็นบ้าและมีความผิดปกติทางจิตได้ในท้ายที่สุดแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากเกินไป ใครจะเชื่อว่าจะมีสิ่งต่างๆ เช่นระบบที่มาจากระยะทางหลายร้อยล้านล้านปีแสงในเอกภพคู่ขนาน และมีแม้กระทั่งมีชื่อเป็นระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือนที่มาผสานเข้ากับเขากันหละ?

 

“ตามที่ฉันเห็นมันไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล บอกฉันสิที่ว่าทําไมแกถึงมานอนอยู่ในโรงพยาบาลนี้ได้ ” จาง ซูซาน ใช้นิ้วของเขาจิ้มไปที่หน้าออกของ เสี่ยวหลัว

 

“ อนิจจา… แกคงผิดหวังในความรักสินะ!”

 

เสี่ยวหลัว ถอนหายใจเขาเลิกกับ จ้าว เหมิ่งชี ก่อนหน้านี้หลังจากนั้นเขาก็อธิบายเหตุการณ์ สั้นๆ ว่าเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถในย่านชานเมืองในช่วงประมาณตอนเที่ยงคืน

 

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ จาง ซูซาน ก็ถอนหายใจ “ พวกเรามาทําตัวให้สนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลย มาทําตัวเป็นพวกหายนะเดินได้กันเถอะ”

 

“ บรรลุไปถึงจุดนั้นแล้วงั้นหรอ?” เสี่ยวหลัว มองไปที่เขา

 

จาง ซูซาน พูดสาปส่งในทันที “ ประเด็นก็คือ ยัยไข่เน่า จ้าว เหมิ่งซี นั่นจะต้องรู้สึกสูญเสียเพราะเลิกกับแก แกเป็นคนที่โดดเด่นมากและแกก็มีกระดูกสันหลังที่แข็งแรง มีการกล่าวไว้ ในหนังสือรายปีว่า แกมีภาพพจน์ของราชา ในไม่ช้าก็เร็วแกจะรวยพอที่จะทําให้ จ้าว เหมิ่งชี ร้องไห้เสียใจ!”

 

เสี่ยวหลัว หัวเราะและนํามือของเขาไปแตะที่ไหล่ของ จาง “ซูซาน ซูซาน ฉันจะบริการให้กับแกอย่างถึงใจเอง”

 

“ออกไปให้พ้นเลยไอบ้านี่!”

 

จาง ซูซาน โบกมืออย่างอดทนและกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจังว่า “ เอาล่ะตอนนี้ฉันว่า สมองของแกน่าจะไปแล้ว แกรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม? แกต้องการที่จะอาเจียนหรืออะไรหรือเปล่า? “

 

“ ไม่เป็นอะไรเฟ้ย ฉันโชคดีในครั้งนี้ ฉันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ฉันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรทําและสามารถออกไปจากโรงพยาบาลได้แล้ว” เสี่ยวหลัวกล่าว

 

“เสี่ยวหลัว ลองมองดูฉันสิ ดูว่าร่างกายของฉันนั้นแข็งแรงแค่ไหน อย่าทําให้มันบาดเจ็บอีก” จาง ซูซาน พูดโอ้อวด “ร่างกายของเราคือทุนของเรา เราไม่สามารถที่จะประมาทได้ หากแกไม่มีเงินสําหรับการรักษาแต่ฉันมี” ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง จาง ซูซาน จึงพูดมันออกมาอย่างตรงไปตรงมาและไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องที่คลุมเครือหรือไม่

 

“ ฉันไม่ต้องการมันจริงๆ!”

 

เสี่ยวหลัว กระโดดขึ้นจากเตียงผู้ป่วยโดยตรง เขาไม่เพียงแต่จะกระโดดขึ้นลงสองถึงสามครั้งบนพื้นเท่านั้น แต่เขาก็ยังตีลังกาและเดินกลับหัวให้ดูเพื่อพิสูจน์ว่าเขานั้นสุขภาพแข็งแรงดีและไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

 

ดวงตาของ จาง ซูซาน เบิกกว้าง “ ที่รักของฉัน แกเรียนรู้วิธีที่จะเดินกลับหัวและรู้จักซ่อนมันจากฉันอย่างสุดซึ้งตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่า เสี่ยวหลัว นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ

 

“ ติ้ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ สําหรับ ห้า แต้ม”

 

เสี่ยวหลัว เพิกเฉยต่อระบบเขาตบฝุ่นที่อยู่บนฝ่ามือแล้วพูดกับ จาง ซูซาน อย่างประชดประชันว่า“ ตอนฉันไปเข้าห้องน้ํา ฉันต้องรายงานแกด้วยไหม”

 

“ ฉันไม่สนใจที่จะรู้ว่าแกไปเข้าห้องน้ําหรือเปล่า แต่ถ้าแกมีประสบการณ์ที่เสี่ยวซ่านกับพี่สาวคนไหนสักคน ฉันจะมีความสุขมากที่ได้รับฟังรายละเอียดของมัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า..” จา ซูซาน หัวเราะอย่างหื่นกาม

 

“เล่าให้ฟัง แม่แกสิ!”

 

“ล้าลาลา”

 

จาง ซูซาน ยิ้มอย่างมีความสุขและวิ่งออกไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลของ เสี่ยวหลัว

 

หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลพวกเขาก็กินอาหารเช้าอย่างเรียบง่ายด้วยกัน เสี่ยวหลัวและ จาง ซูซาน ไปที่สถานีตํารวจจราจร รถยนต์ของเขาอยู่ที่นั่น รถนั้นยับเยินอย่างแท้จริง แม้แต่เครื่องยนต์ก็ไม่เหลือ ถึงแม้ว่ามันจะได้รับการซ่อมแซมแต่มันก็จะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

 

“ อย่ารู้สึกแย่ไปเลย มันไม่ได้มีรถแค่รถคันเดียวในโลกซะที่ไหน หลังจากเสียคันเก่าไปก็หาคันใหม่ที่ดีกว่ามาแทน มันก็เหมือนกับแฟนนั่นแหละเสียแฟนเก่าไปก็แค่หาแฟนใหม่ที่ดีกว่ามาแทนก็เท่านั้น มีรถยนต์ที่ดีอยู่เสมอและผู้หญิงที่ดีในโลกนี้ก็ถูกกําหนดไว้สําหรับแกอยู่แล้ว” จาง ซูซาน พูดปลอบ

 

เสี่ยวหลัว ยิ้มและไม่พูดอะไร ตอนนี้เขาผ่านพ้นออกไปจากอารมณ์เศร้าแล้ว เขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาและตอนนี้เขารู้สึกว่าอารมณ์ของเขาสงบมากกว่าแต่ก่อน หลังจากที่ได้ร่างกายของราชาทหารรับจ้างมา และประสบกับประสบการณ์ใกล้ตาย หากไม่ใช่เพราะระบบช่วยเขาเอาไว้ปานนี้เขาคงชี้ม่องแท่งไปแล้ว

 

“ เราจะกลับบ้านหรือไปที่บริษัท” จาง ซูซาน เปิดประตูรถโคโรร่าของเขาและถาม เสี่ยวหลัว

 

“ ไปที่ บริษัท”

 

“ แกแน่ใจนะว่าจะไปทํางานหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ถ้าฉันเป็น หม่า หยุน ฉันคงจะซูหักให้กับการอุทิศตนให้กับการทํางานของแกอย่างแน่นอน”

 

“ฉันไม่ได้จะไปทํางาน ฉันจะไปเพื่อลาออก!” เสี่ยวหลัว พูดแก้ไขอย่างทําอะไรไม่ถูกกับการพูดเพ้อเจ้อของ จาง ซูซาน

 

จาง ซูซาน ขมวดคิ้วและรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ ที่แกจะลาออก มันเป็นเพราะ จ้าว เหมิ่งชี ใช่ไหม นี่มันออกจะน่าอายเกินหน่อยหรือเปล่า”

 

เสี่ยวหลัว ถอนหายใจโดยไม่ได้อธิบายอะไรเขาเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งข้างใน

 

อันที่จริงความคิดเรื่องการลาออกมีมานานแล้ว การทํางานในโรงงานผลิตไม่เพียง แต่ทําซ้ําจําเจอยู่แบบเดิมทุกวัน แต่มันยังขาดความท้าทายและไม่สามารถมองเห็นหนทางที่จะก้าวหน้าได้เลย

 

ละเขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจที่จะต้องเจอกับจ้าว เหมิ่งชี อยู่ทุกวัน ขณะที่ทํางานให้กับ ฮัวไห่กรุ๊ป เขาเลือกที่จะออกไปเองดีกว่า แล้วก็ตอนนี้เขามีระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือนนี้แล้ว เขาไม่จําเป็นที่จะต้อง จํากัด อาชีพของเขาไว้กับฮัวไห่กรุ๊ป

 

จาง ซูซาน ไม่ได้ไปรุกล้ําเกี่ยวกับเหตุผลของ เสี่ยวหลัว เขาเข้าไปนั่งยังที่ตําแหน่งขับรถและ ขับรถไปส่ง เสี่ยวหลัวที่ ฮัวไห่กรุ๊ป

 

“เสี่ยวหลัว เราเป็นผู้ชายไม่จําเป็นที่จะต้องเศร้าและรู้สึกหดหูสําหรับผู้หญิงที่ไม่เคยคิดจะมาสนใจตัวเราหรอก” จาง ซูซาน พูดอีกครั้งเพื่อพยายามปลอบ เสี่ยวหลัว

 

“ ฉันไม่เป็นอะไร ฉันสามารถปรับตัวได้ดี”

 

เสี่ยวหลัว รู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจของเขา “ อย่างไรก็ตามตอนขับรถก็อย่าประมาทหละ ระวัง เดี๋ยวจะประสบอุบัติเหตุอย่างฉันเอา”

 

“ ไอนี่…ไม่ปล่อยสุนัขออกจากปากสักวันมันจะตายหรือไงหา ฉันจะกลับมาหาและเล่นงานแก เมื่อฉันมีเวลา” หลังจากพูดอย่างนั้น จาง ซูซาน ก็เหยียบคันเร่งทันที เขาขับรถ โคโรร่า ออกไปอย่างรวดเร็ว

 

เสี่ยวหลัว เฝ้ามองดูเขาจากไปจนกระทั่งเงาของรถหายลับไป เขามองย้อนกลับไปแล้วหันกลับมา ด้วยบัตรทํางานที่อยู่ในมือของเขาและเดินเข้าไปใน ฮัวไห่กรุ๊ป

 

เป็นเวลาใกล้เที่ยงวันเรื่องการลาออกของเขาก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

 

เขาถือกล่องข้าวของของเขา และกําลังเดินไปตามเส้นทางหลักของ ฮัวไห่กรุ๊ป เป็นเวลากว่าสามปีของการทํางาน เสี่ยวหลัว รู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับการจากไป นี่เป็นงานแรกของเขา หลังจากที่จบการศึกษาจากวิทยาลัย เขายังจําภาพของการมาที่นี้ด้วยความฝันและอุดมคติ ฉากเหล่านั้นเล่นผ่านไปในใจของเขาเสมือนหนังม้วนหนึ่ง

 

“ เสี่ยวหลัว คุณหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”

 

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับประโยคคําสั่ง

 

เสี่ยวหลัวหยุดและหันกลับไปมอง เขาได้พบกับใบหน้าที่สวยงามนั่นก็คือ จ้าว เหมิ่งชี ผู้หญิงที่ดูดีและมีความอ่อนหวาน

 

เขานั้นไม่แปลกใจเลยที่ จ้าว เหมิ่งชี นั้นจะรู้ว่าเขาลาออก ท้ายที่สุดแล้ว จ้าว เหมิ่งชี ก็ทํางานในแผนกทรัพยากรบุคคลและจัดการคนหลายพันคนใน ฮัวไห่กรุ๊ป มันมี

บันทึกรายละเอียดมากมายอยู่ในแผนกทรัพยากรบุคคล

 

“ มีอะไร?” เสี่ยวหลัวถามกลับ

 

จ้าว เหมิ่งชี วิ่งมาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงของเธอแล้ววิ่งขึ้นไปดูสิ่งของที่อยู่ในกล่องบนมือของ เสี่ยวหลัว เธอพูดคําสบประมาทและดูถูกเหยียดหยาม “ เสี่ยวหลัว คุณยังเป็นคนไม่รู้จักโตอีกเหรอ? ถึงฉันจะเลิกกับคุณ แต่คุณก็ไม่จําเป็นที่จะต้องลาออกและทําลายอนาคตของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่คิดถึงตัวเอง แต่อย่างน้อยคุณก็ควรที่จะคิดถึงครอบครัวของคุณสักหน่อยไหม หลังจากที่คุณลาออกไปคุณก็จะไม่มีรายได้ คุณต้องการที่จะเป็นไม้ใกล้ฝั่งหรือยังไง”