Chapter 4: อดีตและปัจจุบัน
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสี่ยวหลัว ก็รู้สึกว่าเขาได้เกิดใหม่ สําหรับ จ้าว เหมิ่งซี เขาไม่ได้คร่ําครวญอะไรมาก เขาไม่ได้รู้สึกอะไรและเข้าใจทางเลือกของเธอ ท้ายที่สุดแล้ว โลกแห่งความจริงใบนี้มันโหดร้าย
“ ฉันลาออกจากงานด้วยเหตุผลส่วนตัวและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ”
เสี่ยวหลัว ยิ้ม “ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ลาก่อน!”
ลาก่อนสําหรับความรักในระยะเวลากว่าสี่ปี มันได้จบลงสมบรูณ์แล้ว และเขาจะไม่สวดอ้อนวอนขอให้เธอกลับมา เขาจะไม่ลดศักดิ์ศรีของผู้ชายคนหนึ่ง ที่เขาสามารถทําได้คือหันไปมอง และปล่อยเธอเป็นอิสระ
จ้าวเหมิ่งชี ยืนนิ่งอยู่กับที่เหตุด้วยเหตุผลบางอย่างมันทําให้เธอรู้สึกว่างเปล่าในใจ เธอมาที่นี่เพื่อวิพากษ์วิจารณ์เสี่ยวหลัว ขณะเดียวกันก็เตือนให้เขารู้ว่าเธอเลือกถูกต้องที่จะทิ้งเสี่ยวหลัวไปเพราะเขาเป็นคนที่อ่อนแอไร้ความสามารถและไม่สมควรที่จะคู่กับเธอ
อย่างไรก็ตามผลที่ได้เธอไม่ได้ไม่คาดคิดมาก่อน เสี่ยวหลัวไม่ได้วิงวอนให้เธอไม่ทิ้งเขาหรือว่า ตอนนี้เขาไม่มีความรู้สึกเศร้าอะไรแล้ว ทันใดนั้นมันทําให้เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเพราะมันไม่ควรเป็นเช่นนี้
“ เสี่ยวหลัว อย่าทําเหมือนคุณไม่แคร์ ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉันมาก แต่นี่คือความจริง”
จ้าวเหมิ่งชีตะโกนว่า “ ฉันไม่สามารถมองเห็นอนาคตของคุณ คุณไม่สามารถมีความเจริญก้าวหน้าในการทํางานได้ บางที่วันหนึ่งคุณจะประสบความสําเร็จ แต่ใครสามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่ามันจะเป็นสิบหรือยี่สิบปีต่อมา คุณสามารถจ่ายพลังงานและเวลา แต่ฉันไม่สามารถจ่ายมันกับความเยาว์วัยของฉันได้ ฉันไม่ต้องการอาศัยอยู่ในบ้านเช่าแคบๆพร้อมกับคุณ หลังจากที่แต่งงาน ฉันไม่ต้องการเป็นทาสที่จ่ายเงินเพื่อซื้อบ้านเป็นเวลา 30 ปี หลังจากซื้อบ้านด้วยเงินดาวน์ ชีวิตแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉัน จ้าว เหมิ่งชีต้องการ”
เสี่ยวหลัว เหลียวหลังหันกลับไปมองแล้วพูด“ งั้นเหรอ”
“ ดังนั้นฉันถึงเลือกที่จะจากคุณไปและวางแผนอนาคตของตัวเอง” จ้าวเหมิ่งชีโพล่งออกมา เธอตอบด้วยความมั่นใจ
* คุณทําถูกต้องแล้ว”
ใบหน้าของเสี่ยวหลัวนั้นยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ และยังคงสงบในช่วงเวลานี้ “ ขอบคุณที่ให้บทเรียนแก่ฉัน”
จ้าวเหมิ่งชีตะลึงแข็งค้างอีกครั้ง เธอไม่เข้าใจว่าทําไมเสี่ยวหลัวจึงสงบ เธอเกือบจะสูญเสียความคิดและรู้สึกจะบ้าตายอยู่แล้ว ผู้ชายคนนี้แกล้งทําหรือเขาไม่สนใจจริงๆ?
“ ชีชี”
ในเวลานั้นก็มีรถสปอร์ตลัมโบกินี่ขับเข้ามาหยุดข้าง จ้าวเหมิ่งชี หน้าต่างถูกลดลง เผยให้เห็นใบหน้าของหนุ่มหล่อ มองแค่เพียงสายตาก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดี ผิวของเขาขาวมากเสื้อผ้าทั่วทั้งตัวของเขาเป็นก็ของแบรนด์ดังทั้งนั้น
เสี่ยวหลัวจําได้ในทันทีว่านี่คือ ฮัวไห่ เฟิง ลูกชายของประธานบริหารฮัวไห่กรุ๊ป เขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะคาสโนว่าตัวพ่อ เขาว่ากันว่าคนคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ ผู้หญิงที่สวยหลายคนในฮัวไห่ กรุ๊ปที่ยังไม่ได้แต่งงานล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับเขาแทบทั้งนั้น
“ ชีซี คุณมาทําอะไรที่นี่?”
ฮัวไห่เฟิง ก้าวลงจากรถสปอร์ต และตระหนักถึงการมีอยู่ของเสี่ยวหลัว เขาชี้ไปที่เสี่ยวหลัวอย่างไม่เป็นมิตร ”เขาคือใคร?”
จ้าวเหมิ่งชีค่อนข้างรู้สึกอาย แต่เธอก็ไม่ได้ปกปิด เธอพูดด้วยน้ําเสียงที่มีเสน่ห์: * เขาคือเสี่ยวหลัว”
“ เสี่ยวหลัวปรากฏว่าเขาเป็น ” อดีตแฝน” ของ ซีซี
เขารู้ถึงการมีอยู่ของเสี่ยวหลัว และก็ความสัมพันธ์ของพวกเขาระหว่างจ้าวเหมิ่งชีกับเสี่ยวหลัว
เขามองไปที่เสี่ยวหลัว และดวงตาของเขาส่องประกายแห่งความเศร้าโศก: * เขาเป็นคนเก่าของเธอ มันจะหยาบคายที่ฉันซึ่งเป็นคนปัจจุบันของเธอ ฉันยังไม่ได้ทักทายเขาเลย มันดูไม่สุภาพสําหรับฉันที่จะไม่เคารพเขา”
“ ด้วยสถานะของคุณไม่จําเป็นต้องทักทายเขาหรอก ไปกันเถอะ” จ้าวเหมิ่งชีกล่าว
ฮัวไห่เฟิงนั้นตรงกันข้ามกับเสี่ยวหลัว ยิ่งเธอมองดูเสี่ยวหลัวเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่า เสี่ยวหลัวนั้นยิ่งไร้ความสามารถ เธอไม่ต้องการให้ฮัวไห่เฟิงเข้าไปไปคลุกคลีกับเสี่ยวหลัว ซึ่งเป็นอดีตคนรักของเธอ
“ ซีซี คุณไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ ท้ายที่สุดเขาก็เป็นคนที่ดูแลคุณมาเป็นอย่างดีก่อนที่ฉันจะมาปรากฏตัว ฉันควรขอบคุณเขาสําหรับความมีน้ําใจของเขา รอฉันที่นี่ เดี๋ยวฉันจะกลับมา”
ฮัวไห่เฟิงพูดและเดินไปทางเสี่ยวหลัว
เขาหันกลับไปมองและยิ้มให้กับจ้าวเหมิ่งชี รอยยิ้มของเขาแสดงให้เห็นอย่างภาคภูมิใจถึงชัยชนะที่เขาได้รับ
เขายื่นมือของเขาออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มอย่างร้ายกาจ “ สวัสดี ฉันฮัวไห่เฟิง ยินดีที่ได้พบ!”
เสี่ยวหลัวพูดอย่างเย็นชาว่า “ โทษที พอดีมือของฉันถือบางอย่างอยู่และไม่สามารถที่จะยื่นมือออกไปได้”
ข่าวที่ได้ฟังจากข่าวลือนั้นไม่ดีเท่าที่พบเห็นได้ด้วยตัวเองจริงๆ ตอนนี้เขาพบฮัวไห่เฟิงตัวจริง เขาเชื่ออย่างสมบูรณ์แล้วว่าข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับฮัวไห่เฟิงนั้นเป็นความจริง แม้จากระยะไกล เขายังได้กลิ่นเหม็นของขยะที่อยู่ในร่างมนุษย์
“ เสี่ยวหลัว มันนับเป็นเกียรติของคุณที่เขาจะจับมือกับคุณ ทําไมคุณถึงไม่รู้สึกถึงความมีเกียรติเช่นนั้น” จ้าวเหมิ่งชีรู้สึกโกรธมาก ต่อหน้าชายทั้งสองเธอพูดอย่างนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่มั่นคงของเธอที่อยู่ข้างฮัวไห่เฟิง
เสี่ยวหลัวหันหน้าไปมองจ้าวเหมิ่งซี ถึงตอนนี้เขาจะปล่อยวางแต่เขาก็ยังรู้สึกผิดหวัง สี่ปีแห่งความรู้สึกของเขากลับกลายเป็นเพียงแค่เหยื่อของจ้าวเหมิ่งชี เขาก็รู้สึกว่าเขาตาบอดมากในสี่ปีที่ผ่านมานี้ เขารู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับความรู้สึกที่เขาเสียไปสี่ปีนี้เลย
ในตอนนั้น ฮัวไห่เฟิงก็หัวเราะขึ้นมา: “ พี่ชาย เสี่ยวหลัวมีผู้คนอยู่มากมาย แต่ฉันรู้สึกซาบซึ้งเป็นพิเศษกับคุณ คุณมีความสนใจที่จะมาเป็นผู้ช่วยของฉันหรือไม่ ฉันสามารถมั่นใจได้ว่าเงินเดือนประจําปีของคุณคือ$ 200,000 คุณพอใจไหม?”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชิญ เสี่ยวหลัว มาเป็นผู้ช่วยของเขาด้วยความจริงใจ เขาใช้โอกาสนี้เพื่อหัวเราะเยาะเสี่ยวหลัว โดยเจตนา หลังจากคว้าเค้กจากมือของคนอื่น และกินพวกมันต่อหน้าคนอื่นเขาจะรู้สึกอิ่มใจโดยเฉพาะ
“ไม่สนใจ!”
เสี่ยวหลัว ตอบกลับไปสามคําแล้วหันหน้าไปทางอื่น
นัยน์ตาของฮัวไห่เฟิง หดแคบลงเล็กน้อยและข้างในนัยน์ตาของเขานั้นก็มีแสงเย็นยะเยียบแผ่ออกมา“ รอเดี๋ยวก่อนสิ” เขาเดินเข้ามาแล้วเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเสี่ยวหลัว และเปิดเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาในแบบที่เย็นชาเขาพูดว่า “ผู้หญิงของแกเมื่อคืนนี้เอวและร่างกายของเธอดีมากฉันลองมากว่า 36 ท่าแล้ว ฉันไม่คิดว่าแกจะโง่เขลาขนาดนี้ แกคุยกับเธอเพราะความรักมาเป็นเวลากว่าสี่ปี และไม่เคยที่จะอบเธอเลย ในท้ายที่สุดแกมันก็เป็นได้แค่ควายที่กินหญ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
“ ขอแสดงความยินดีกับคุณด้วยที่ได้สร้างผู้หญิงที่ดีอีกคนสําหรับสังคมนี้!” เสี่ยวหลัวตอบ โดยที่ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อยเขาแค่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
การแสดงออกของฮัวไห่เฟิงนั้นแข็งค้างในทันที เขาไม่เคยคาดหวังเลยว่าปฏิกิริยาของเสี่ยวหลัวจะน่าเบื่อมากขนาดนี้ ซึ่งนั่นมันทําให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที
เขาเหยียดมือออกไปโอบไหล่ของเสี่ยวหลัว แล้วขบฟันของเขาแน่น “ แกไม่โกรธเลยเหรอ?”
คําพูดกวนๆ นี้ฟังดูเหมือนเสียงของคนโง่ที่ตั้งอยู่ในหูของ เสี่ยวหลัว เขาพูดล้อเลียนว่า “ ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว คุณบ้าพอที่จะบอกคนอื่นเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของคุณงั้นหรือ? ถ้าคุณจะทํากิจกรรมกันอีกในคราวหน้า คุณอาจจะเชิญฉันโดยตรงไปเพื่อไปยังที่เกิดเหตุเพื่อดูกิจกรรมเข้าจังหวะ แน่นอนฉันจะปรบมือและเป็นกําลังใจให้คุณอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ”
ฮัวไห่เฟิงก็คิดขึ้นมาได้ว่า ในขณะนี้ว่าเขาเป็นคนของจ้าวเหมิ่งชี
เมื่อเสี่ยวหลัวเอาชนะเขาในการต่อสู้ด้วยคําพูด ฮัวไห่เฟิงก็รู้สึกโกรธในทันทีจากความอับอาย เขาคว้าคอเสื้อของเสี่ยวหลัว และตะโกนอย่างเย็นชา “ ไอขยะ แกพูดว่าอะไรนะ?”
เสี่ยวหลัวพูดอย่างเย็นชา “ ปล่อย!”
หนึ่งคําง่ายๆนี้ทําให้หัวของฮัวไฮ่เฟิง รู้สึกเหมือนตกอยู่ในถ้ําน้ําแข็งและสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะเมื่อเขาสบเข้ากับดวงตาของเสี่ยวหลัว ผมของเขาก็ตั้งขึ้นในทันที
ทําไมดวงตาของชายคนนี้ถึงได้เย็นชาได้ขนาดนี้?
ในหัวใจของฮัวไห่เฟิง รู้สึกโกรธมากจนเขาไม่อยากเชื่อว่า ดวงตาของเสี่ยวหลัวจะทําให้เขารู้สึกหวาดกลัว
จิตใต้สํานึกของเขาบอกให้เขาปล่อยมืออกไป แต่จ้าวเหมิ่งชียังยืนอยู่ข้างหลังเขา มันน่าละอายที่จะทําเช่นนั้นและเขาก็ไม่เชื่อว่าด้วยว่ามีฮัวไห่กรุ๊ปที่อยู่ทางด้านหลังเขา เสี่ยวหลัวคงไม่กล้าทําอะไรกับเขาแน่ๆ
“ ถ้าฉันไม่ปล่อยแล้วจะทําไม อะไรแกต้องการจะตีฉัน นายน้อยคนนี้จะให้ความกล้ากับแกสักสิบครั้ง ลองดูสิถ้าแกกล้า…”
เสียงของเขายังไม่ทันจะได้พูดจนจบ ก็ถูกทําให้หยุดลงอย่างฉับพลัน เพราะเสี่ยวหลัวสะบัดมือเขาออกไปด้วยกําลังจากภายใน และจากนั้นก็เตะเข้าที่หน้าอกของฮัวไห่เฟิงอย่างไร้ความปราณี