“นายน้อย นายท่านให้มาบอกท่านว่ามีเรื่องเกิดขึ้น ทำไมท่านถึงยังไม่ออกมาอีกล่ะ

เป็นตอนนี้ที่เสียงแหลมเสียดหูได้ดังขึ้นมาจากด้านนอกประตูห้องของเจียงหยวน

-ท่านพ่อเหรอ ท่านพ่อจะเรียกหาข้าทำไมป่านนี้กัน-

แม้จะบ่นอยู่ในใจ แต่เจียงหยวนก็ได้แต่งตัวแล้วผลักบานประตูออกไป

ข้ารับใช้ของเขาที่อยู่ด้านนอกในตอนนี้ได้อยู่ในท่าทางเฝ้ารอ หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดออกมา “ทำไมท่านถึงอ้อยอิ่งนักล่ะ รีบไปเร็วเข้า”

เจียงหยวนสบถขึ้นมาทีหนึ่งแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมื่อเห็นท่าทางของเจียงหยวน ชายคนรับใช้ก็มีท่าทางโมโหขึ้นมาก่อนจะพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “อะไร นี่ท่านคิดจะยั่วโมโหข้า…”

เพี๊ยะ

เจียงหยวนไม่ได้ตอบอะไรแต่ทำการตบไปที่หน้าของข้ารับใช้คนนี้ไปหนึ่งที

ข้ารับใช้ที่โดนตบ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาในทันทีด้วยอารมณ์โกรธเคือง เขาไม่คิดมาก่อนว่าเจียงหยวนจะกล้าตบตีเขาเพียงเพราะเขาพูดจาไม่ดี “ท่าน ขยะเช่นท่านกล้าตบข้าเหรอ”

เจียงหยวนที่เห็นท่าทีก็หัวเราะลั่น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยียบ “ชู่ววว เจ้ามานำทางให้นายน้อยตามคำสั่งของนายผู้เฒ่า แต่กับเรื่องแค่นี้เจ้ากลับทนไม่ได้เนี่ยนะ”

“ดี ไอ้ขยะ รอก่อนเถอะแล้วเราจะได้เห็นดีกัน ข้าจะจัดการเจ้าหลังจากที่นายผู้เฒ่าเสร็จเรื่องกับเจ้าแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหยวนก่อนหน้า มันทำให้ชายคนรับใช้ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เขาทำได้เพียงแค่กลืนความแค้นนี้ลงคอไป พร้อมกับเงียบปากลง

“ได้ ข้าจะรอ”

เจียงหยวนไม่ได้สนใจท่าทางของชายคนนี้อีกต่อไป นั่นก็เพราะ เขาไม่ใช่ขยะที่จะยอมถูกให้คนอื่นกดขี่ได้โดยง่ายอีกแล้ว

….

คฤหาสน์ตระกูลเจียง ห้องประชุม

ผู้นำตระกูลเจียง เจียงเหวิ่น รองผู้นำตระกูลเจียง เจียงหวู่ และผู้อาวุโสคนอื่น ต่างก็นั่งลงอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง

“พวกเจ้า.. ทำให้หยวนเออร์ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แล้วเจ้ายังมีหน้ากลับมาเหยียบเมืองเทียนหยางอีกอย่างงั้นเรอะ”

ในหอประชุม พ่อของเจียงหยวน เจียงเหวิ่น กำลังด่าทออย่างอารมณ์เสียใส่ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ใส่ชุดที่ประดับประดาไปด้วยหยก

ชายวัยกลางคนคนนี้ได้สบถออกมาทีหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “มันไม่ใช่ความผิดของพวกข้าสักหน่อย เป็นเจ้าต่างหากที่ไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่องน่ะ”

“แล้วพวกเจ้าจะมาที่นี่ตอนนี้ทำไม”

เจียงเหวิ่นเอ่ยถามออกมาอย่างไม่ไว้หน้า พร้อมกับมือขวาที่คว้าจับไปที่ถ้วยชาที่สั่นไหวไปมาเพราะอารมณ์โกรธที่อัดอั้นเอาไว้

ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ได้กลัวที่จะถูกเจียงเหวิ่นฆ่าแม้แต่น้อย เขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“เมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน คุณหนูตระกูลของข้าและนายน้อยตระกูลของเจ้าได้หมั้นหมายกันก็จริง แต่ที่พวกเราตระกูลหลี่มาที่เมืองเทียนหยางในครั้งนี้ก็เพื่อจะยกเลิกการหมั้นหมายก็เท่านั้น”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ยกเลิกการหมั้นหมายเรอะ ทำลายชีวิตของลูกชายข้าไม่พอแล้วยังจะคิดถอนหมั้นกับลูกชายข้า หน้าของพวกเจ้านี่ น่าเอามาทำหนังกลองกันทั้งตระกูลจริงๆ ไสหัวออกไปซะ”

เจียงเหวิ่นคำรามลั่นออกมาพร้อมกับขับเคลื่อนพลังภายในในจุดตันเถียนของเขา ก่อนที่เขาจะซัดมือขวาที่ส่องแสงเป็นรูปหัวพยัคฆ์สีแดงออกไปอย่างเกรี้ยวกราด

“เหอะ กับอีแค่วิชาระดับเหลืองขั้นสูง ตระกูลเจียงของเจ้ามีสุดยอดวิชาเพียงแค่นี้อย่างนั้นน่ะเหรอ”

ชายวัยกลางคนที่ยืนนิ่ง ได้ป่ายปัดมือขวาของตนไปมา ก่อนจะบังเกิดคลื่นแสงประหลาดรายรอบตัวของเขาเอาไว้ พร้อมกับจับจ้องไปที่เจียงเหวิ่นอย่างไม่เป็นมิตร

“พลังภายในระดับนี้มัน…เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับชั้นฟ้าเหรอ”

“ตระกูลหลี่ในตอนนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆ”

“พี่ใหญ่ อย่าพึ่งวู่วาม” ใบหน้าของเจียงหวู่กระตุกไปเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าไปคว้าแขนของเจียงเหวิ่นเอาไว้

“บัดซบ ด้วยชีพจรสวรรค์ของลูกข้า นี่คือสิ่งที่พวกแกได้รับไปอย่างนั้นรึ”

เมื่อเห็นแบบนี้ เจียงเหวิ่นยิ่งโกรธแค้นจนต้องดุด่าออกมา

“อ่ะแน่นอน เจ้าก็คงจะนึกไม่ออกหรอกว่าลูกของเจ้าน่ะทำให้พวกข้าได้รับประโยชน์มากมายขนาดไหน ตอนนี้ เจ้าก็ให้ลูกชายของเจ้าลงชื่อในสัญญานี่ซะ แล้วตระกูลหลี่ของพวกเราจะให้เม็ดยารวมพลังให้พวกแก…เอาสักห้าเม็ดก็แล้วกัน”

ชายวัยกลางคนในตอนนี้ไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวแต่อย่างใด เขาได้นำสัญญายกเลิกการหมั้นหมายออกมา มันถูกเก็บเอาไว้ในกล่องแกะสลักไม้ที่ดูหรูหรา

เม็ดยา เกิดจากการนำตัวยาต่างๆผ่านกระบวนการหลอมยาโดยใช้พลังภายในในการควบคุมไฟเร่งให้เกิดการกลั่นของยา ตามด้วยวิธีการพิเศษต่างๆแล้วแต่สูตรของยาที่ต้องการสร้าง

นักปรุงยา ถือได้ว่าเป็นตัวตนที่หาได้ยากในโลกใบนี้ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นนักปรุงยาชั้นเลิศ นี่จึงทำให้เม็ดยาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่า

“ยารวมพลัง สมบัติที่ใช้ในการยกระดับพลังภายในนั่นน่ะเหรอ เพื่อเห็นแก่อนาคตของตระกูลเจียง ท่านผู้นำ ท่านต้องคิดดีๆนะ”

เมื่อได้ยินชื่อยาแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลต่างก็ตาลุกวาวแล้วรีบหันไปพูดกับเจียงเหวิ่นในทันที