ตอนที่ 156 ยัยบื้อซย่าซย่า มากับฉัน (3) / ตอนที่ 157 ไปพบครอบครัว

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 156 ยัยบื้อซย่าซย่า มากับฉัน (3)

 

 

อันซย่าซย่ากะพริบตาปริบๆ คิดว่าตัวเองกำลังเกิดภาพหลอน

 

 

ฉีเหยียนซี…

 

 

เจ้าจอมปีศาจมาที่นี่เพื่อมาช่วยเธอ…

 

 

เธอยื่นมืออันสั่นสะท้านออกไปแล้วฉีเหยียนซีก็ดึงตัวเธอขึ้นจากพื้น เมื่อเห็นน้ำตาจากความเจ็บปวดของเธอ เขาก็รู้สึกเลยว่าไม่เคยร้อนรนเท่านี้มาก่อน

 

 

เขาอยากจะสับใครสักคนให้เละไปเดี๋ยวนี้เลย!

 

 

“คุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเด็กสาวคนนี้คะ”

 

 

“คุณกับกัปตันอี่เจ๋อเป็นรักสามเส้ากันหรือเปล่าครับ”

 

 

เหล่านักข่าวกลับมาระดมยิงคำถามอีกครั้ง ฉีเหยียนซีหัวเราะหึก่อนจะพูดอย่างเย้ยหยัน “ทำไมคนอย่างฉันต้องไปรักสามเส้ากับไอ้บ้าเซิ่งอี่เจ๋อด้วย ยัยนี่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของฉัน และฉันใช้เธอมาที่นี่ก็เพื่อส่งของให้กับเซิ่งอี่เจ๋อ ทำไม พวกคุณมีปัญหาอย่างงั้นเรอะ”

 

 

เด็กหนุ่มยังคงสวมชุดเครื่องแบบโรงเรียนฉีซย่า ด้วยท่าทีเอาแต่ใจและหยิ่งยโสโอหังของเขานั้น พวกนักข่าวทุกคนต่างก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มจะต้องเป็นใครสักคนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาเป็นแน่แท้

 

 

เขาพูดจบ นักข่าวต่างก็ลดไมโครโฟนและกล้องลง

 

 

เชอะ พวกเขาพากันคิดว่าจะได้ข่าวใหญ่โตอะไรสักอย่าง แต่กลับกลายเป็นเรื่องไม่เป็นสาระไปเสียได้

 

 

อันซย่าซย่าก้มหน้าลงพลางลูบรอยปูดบวมบนศีรษะไปมา

 

 

มืออีกข้างหนึ่งก็กำแน่นอยู่ภายในอุ้งมือของฉีเหยียนซี

 

 

ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขมากที่ได้กุมมือเธอไว้

 

 

ขณะเหลือบมองไปที่ใบหน้าอันบูดบึ้งของอันซย่าซย่า เขาก็เอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปก่อนจะเริ่มลูบหัวเธออย่างไม่เบามือนัก

 

 

“อูย…เจ็บนะ…” อันซย่าซย่ารู้สึกถึงมือที่แข็งแรงซึ่งฟาดลงมาบนหัวเธออย่างแรงจนหัวแทบแตก!

 

 

เธอดิ้นหนีจากมือข้างนั้นและสะบัดมืออีกข้างออกจากมือเขาเช่นกัน

 

 

ฝ่ามือของฉีเหยียนซีว่างเปล่าซึ่งทำให้เขารู้สึกอ้างว้าง

 

 

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่” อันซย่าซย่าพึมพำถาม และแล้วม่านตาเธอก็หดรัดตัว “นายคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแก้แค้นเซิ่งอี่เจ๋อในตอนที่เขาบาดเจ็บอยู่ใช่ไหม!”

 

 

มุมปากของฉีเหยียนซีกระตุก “ฉันดูเหมือนคนที่ชอบฉวยโอกาสอย่างงั้นเหรอ”

 

 

“ใช่สิ! สุดๆ เลย!” อันซย่าซย่าตื่นตกใจพลางเอาตัวกันฉีเหยียนซีไว้ “ฉันขอเตือนนายนะ ฉันจะปกป้องเซิ่งอี่เจ๋อ นายไม่มีทางทำสำเร็จหรอก!”

 

 

พอเห็นท่าทีปกป้องเซิ่งอี่เจ๋อของเธอ ฉีเหยียนซีก็ร้องฮึ เขารู้สึกถึงอารมณ์อิจฉาจางๆ กำลังลุกฮือขึ้นภายในใจ

 

 

“ฉันมาช่วยเธอ” เขาเสมองไปทางอื่นอย่างแก้เก้อ

 

 

“ช่วยฉัน”

 

 

ภายในห้องคนไข้

 

 

สมาชิกสตาร์รี่ไนต์ทั้งสามคนอยู่ภายในห้อง เหอจยาอวี๋กับฉือหยวนเฟิงเพิ่งกลับเข้ามาและคลาดกับอันซย่าซย่าที่ชั้นล่าง

 

 

“ฉันว่าจะเทศนาพวกเธอให้หูชาไปเลย แต่มันดันกลับตาลปัตรกลายเป็นเรื่องดีซะนี่ ตอนนี้พวกเธอได้รับการประชาสัมพันธ์จากเรื่องนี้มากพอดู ทางบริษัทเลยอาจจะให้พวกเธอไปออกรายการ” เจ้เคอถอนหายใจ “และสำหรับอี่เจ๋อ ก็พักผ่อนไปก่อน…”

 

 

โทรศัพท์มือถือของหลูเคอดังขึ้นในตอนนั้นเอง เธอรับสายทันทีพลางขมวดคิ้ว

 

 

“อะไรนะ โอเค… เข้าใจแล้ว”

 

 

หลังจากวางสาย เธอเอ่ยอย่างไม่เต็มใจนัก “เพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเธอถูกพวกนักข่าวรุม”

 

 

“เพื่อนร่วมชั้น หมายถึงซย่าซย่าน่ะเหรอ” ฉือหยวนเฟิงถาม

 

 

“ใช่”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็วางหนังสือในมือลง กระชากผ้านวมออก กำลังจะกระโดดลงจากเตียง

 

 

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ! อยากจะกลายเป็นคนพิการรึยังไง” เจ้เคอหัวเสียขึ้นมาทันที “เซิ่งอี่เจ๋อ ถ้าเธอลงไปช่วยเขาตอนนี้ก็เท่ากับเธอกำลังยอมรับเรื่องความสัมพันธ์นี้ ถ้าเธอไม่แคร์เรื่องอนาคตในธุรกิจบันเทิงของเธอก็ไม่เป็นไร แต่ข่าวอื้อฉาวที่เธอจะลากเขาเข้าไปล่ะ”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเบ้ปากแต่ไม่ได้ตอบอะไร

 

 

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ฉือหยวนเฟิงก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วค้นหาวิดีโอคลิปของข่าวนั้น มีการถ่ายทอดสดกำลังออนไลน์อยู่ตอนนี้

 

 

“ยัยบื้อซย่าซย่า มากับฉัน!” น้ำเสียงโอหังของฉีเหยียนซีดังออกมาจากโทรศัพท์ ตามด้วยภาพที่เขาเดินนำทางอันซย่าซย่าไป

 

 

ความเงียบเข้าครอบงำทั่วห้อง

 

 

มือเซิ่งอี่เจ๋อค่อยๆ กำเป็นหมัดอย่างช้าๆ และกำแน่นจนกระทั่งข้อนิ้วซีดขาว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 157 ไปพบครอบครัว

 

 

หลูเคอตกใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขาเป็นแบบนั้น

 

 

หล่อนถอนหายใจพร้อมเอ่ยถาม “งั้นเธอก็ชอบเด็กคนนั้นจริงสินะ”

 

 

เหอจยาอวี๋กับฉือหยวนเฟิงหันมามองเขาเมื่อสิ้นคำถามนั้น

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อคลายหมัดทันทีก่อนจะเอนหลังลงนอนอย่างใจเย็น น้ำเสียงฟังดูเยือกเย็นทว่าแฝงด้วยความอึดอัดใจ “ใครทำให้เจ้คิดแบบนั้น ยัยนั่นซื่อบื้อเสียจนถึงแม้จะถูกหลอกไปขายก็ยังไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”

 

 

หลูเคอขมวดคิ้ว “ก็ดี จยาอวี๋กับเฟิงเฟิง พวกเธอสองคนจะต้องไปออกรายการ ส่วนเซิ่งอี่เจ๋อ เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้นนอกจากนอนพักรักษาตัวที่นี่ ในโรงพยาบาลนี้ รักษาอาการบาดเจ็บจนกว่าจะหาย!”

 

 

“ครับ”

 

 

“ได้ครับ”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยังคงสีหน้าเมินเฉยไร้อารมณ์และไม่เอ่ยตอบใดๆ

 

 

หลูเคอไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี หล่อนมีงานอย่างอื่นที่ต้องไปดูแลต่อ เมื่อดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วหล่อนก็ว่า “งั้นฉันไปละ หายไวๆ นะ”

 

 

“นายสองคนก็ควรกลับได้แล้วเหมือนกัน” เซิ่งอี่เจ๋อบอกอย่างอ่อนโยน

 

 

เหอจยาอวี๋และฉือหยวนเฟิงสบตากัน ทั้งสองรู้จักนิสัยเขาดี จึงต่างก็ไม่พูดอะไรและจัดแจงลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับ

 

 

ทั้งคู่เกือบจะเดินไปถึงประตูห้องแล้วเมื่ออยู่ๆ เหอจยาอวี๋ก็หันหน้ากลับมา พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ริมฝีปาก “นายไม่ได้ชอบเธอจริงเหรอ ถ้างั้นทำไมเมื่อกี้ถึงหึงล่ะ”

 

 

อาการมันชัดเจนจนเขาแทบจะได้กลิ่นอายลอยอยู่ในอากาศ

 

 

เจ้าคนปากไม่ตรงกับใจมักปฏิเสธทั้งที่ใจบอกว่าใช่…

 

 

ตุ้บ—

 

 

หมอนใบหนึ่งลอยมาหาใบหน้าหล่อๆ ของเขา

 

 

เหอจยาอวี๋คว้ามันเอาไว้ได้อย่างง่ายดายพลางหัวเราะหึๆ ดูเหมือนเขาจะพูดถูก

 

 

 

 

“นายมาที่นี่เพื่อฉัน” อันซย่าซย่ามองฉีเหยียนซีอย่างสับสนงุนงง

 

 

ชายหนุ่มยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นอยู่ๆ ก็ตะโกนใส่หน้าเธอ “ใช่สิ! มาหาเธอ!”

 

 

“แต่ว่าทำไม…” อันซย่าซย่ามองดูเขาด้วยความกลัว— เขาคงไม่ได้โผล่มาที่นี่พร้อมกับความคิดบ้าบอใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตเธอต้องทนทุกข์อีกหรอกนะ

 

 

ฮึ! เธอจะสู้กลับถ้าหากเขาพยายามทำอีก! เธอจะกัดให้เต็มแรงเลยถ้าสู้ไม่ได้!

 

 

อ๊ากกก!

 

 

หญิงสาวตื่นตัวและพร้อมรบเต็มที่ ก่อนที่ฉีเหยียนซีจะเอ่ยปากบอกอย่างลังเล “มาชวนเธอไปกินมื้อค่ำด้วยน่ะ กินคนเดียวมันน่าเบื่อ”

 

 

อันซย่าซย่า : “…”

 

 

 

 

บ้านครอบครัวอัน

 

 

ฉีเหยียนซีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย

 

 

ป่าป๊าอันยิ้มอบอุ่นให้เด็กหนุ่ม ขณะที่อันอี้เป่ยถือตะเกียบและมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชาและดูโหดๆ

 

 

อันซย่าซย่าเอ่ยปากชวนอย่างง่ายๆ “เอ้ากินเข้าสิ! พ่อฉันทำอาหารอร่อยนะ!”

 

 

ฉีเหยียนซีพยักหน้าก่อนจะคีบข้าวใส่ปากด้วยตะเกียบอย่างงุ่มง่าม

 

 

เขาไม่ค่อยได้จับตะเกียบมากนักในช่วงสองปีหลังที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ฝึกใช้ด้วย

 

 

“ใช้นี่สิ” ป่าป๊าอันผู้รอบคอบส่งช้อนให้เขา ซึ่งฉีเหยียนซีก็รับไปด้วยความซาบซึ้งใจอย่างท่วมท้น หลังจากนั้น อันซย่าซย่าก็คีบแครอทใส่ชามข้าวเขา “กินนี่สิ”

 

 

ฉีเหยียนซียิ่งตื้นตันมากเข้าไปอีก

 

 

นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาได้กินข้าวเย็นพร้อมหน้าครอบครัว

 

 

แสงไฟอันอบอุ่น ผ้าปูโต๊ะที่สวยงามแต่เรียบง่าย กับข้าวที่ลงมือทำอย่างประณีต…

 

 

“ไอ้หนู ไม่ต้องทำหน้าตาซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ขนาดนั้นหรอก ซย่าซย่าเกลียดแคร์รอตเป็นที่สุด แล้วเขาก็คีบให้นายเพราะจะให้นายกินแทน” อันอี้เป่ยพูดอย่างเย็นชา ซึ่งดึงฉีเหยียนซีออกจากภวังค์กลับมาสู่โลกความเป็นจริงทันที

 

 

ฉีเหยียนซีงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองอันซย่าซย่า ซึ่งยิ้มตอบเขาอยู่ ดูท่าทางสำนึกผิด

 

 

ฉีเหยียนซีรู้สึกมุมปากกระตุก เขาวางแผนไว้ว่าจะพาอันซย่าซย่าออกไปกินข้าวนอกบ้าน แต่เธอกลับพาเขามาที่บ้านเสียอย่างนั้น

 

 

พี่ชายเธอดูตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาจัง หรือเพราะคิดว่าเขาคิดอะไรกับน้องสาว…

 

 

แต่อย่างไรเสีย มันก็เป็นความเข้าใจผิดที่น่าดีใจ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ก็รู้สึกเหมือนๆ กับว่าอันซย่าซย่าพาเขามาที่บ้านเพื่อพบกับครอบครัว!

 

 

ฉีเหยียนซีกดช้อนลงไปในชามข้าว เขามีความสุขเสียจนเกือบจะรู้สึกว่ามีฟองสบู่ลอยออกมาจากหัวเลยทีเดียว

 

 

อันซย่าซย่ารู้สึกผิดเล็กน้อยกับสิ่งที่เธอทำ จึงคีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่ชามข้าวให้เขา หญิงสาวรู้สึกเสียใจแทบจะในทันทีนั้นเลย พลางประกาศจุดยืนด้วยเสียงชัดเจน “นายเอาชิ้นนี้ไปชิ้นเดียวพอ! อย่ามายุ่งกับของกินของฉัน!”