แดนนิรมิตเทพ บทที่ 350
แต่ว่ากระดูกขาท่อนนี้มีอายุยาวนานมากแล้ว พลังทิพย์ที่บรรจุอยู่จะจางหายไปกว่าครึ่งเมื่อผ่านช่วงระยะเวลายาวนาน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ในโลกตอนนี้ที่ขาดแคลนพลังชี่ทิพย์ ก็ถือเป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีอยู่ไม่มากชิ้นหนึ่ง

แดนทั้งแปดของการบำเพ็ญเซียน หนึ่งแดนหนึ่งทัณฑ์ ไม่ว่ายังไงเทพเซียนชั้นมนุษย์ก็ถือเป็นสิ่งที่เคยก้าวผ่านทัณฑ์มามากมาย กระดูกทุกท่อนในร่างกายทุกส่วนแข็งแรงมากกว่าท่อนเหล็ก ถ้าหากนำมากลั่นเป็นเครื่องราง พลังที่มีไม่น้อยไปกว่าเครื่องรางชั้นยอดชิ้นหนึ่ง

คาดว่าเจ้าสำนักน้อยคนนั้นคงจะไม่รู้ประวัติความเป็นมาของกระดูกท่อนนี้ แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่าในกระดูกมีพลังทิพย์บรรจุอยู่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเก็บไว้

แต่เฉินโม่ไม่คิดจะนำเอากระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์ท่อนนี้ไปกลั่นเป็นเครื่องราง เขาได้รับกระบี่ฟ้าดวงชะตาของเซียนกระบี่มาเล่มหนึ่งแล้ว ด้วยความบังเอิญสามารถฝึกฝนกายสิทธิ์กระบี่ฟ้า หากไม่ฝึกฝนกายสิทธิ์กระบี่ฟ้าจนถึงชั้นยอด คงรู้สึกผิดต่อโอกาสที่ฟ้าประทานมาให้

กระบี่สับสวรรค์ของเฉินโม่ในตอนนี้ อย่างมากก็ถือเป็นเครื่องรางชั้นต่ำที่มีระดับต่ำต้อยที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน ต้องรู้ไว้ว่าในโลกบำเพ็ญเซียน เครื่องรางเซียน เครื่องรางเทพมีโผล่ออกมาอย่างไม่สิ้นสุดเสมอ กระทั่งยังมีอาวุธวิเศษอัศจรรย์บางอย่างอีกด้วย กระบี่ฟ้าระดับเครื่องรางชั้นต่ำเล่มหนึ่ง เมื่ออยู่บนโลกอาจจะทรงพลังอย่างมาก แต่เมื่อออกจากโลก ก็จะกลายเป็นขยะในทันที

เฉินโม่ต้องเลื่อนระดับขั้นของกระบี่สับสวรรค์ ดีที่สุดคือถึงระดับขั้นอาวุธวิเศษอัศจรรย์ ถึงแม้สักวันต้องกลับไปสู่โลกบำเพ็ญเซียน ก็จะยังเป็นอาวุธวิเศษที่มีพลังแข็งแกร่งชิ้นหนึ่ง

การเลื่อนระดับขั้นกระบี่สับสวรรค์ยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการทำให้กายสิทธิ์กระบี่ฟ้าเพลงกระบี่พันของเฉินโม่เลื่อนระดับด้วยเช่นกัน

หากเฉินโม่สามารถฝึกฝนจนถึงเพลงกระบี่พันขั้นที่สี่ แดนควบคุมกระบี่ได้แล้ว ก็สามารถทำเหมือนพวกเซียนกระบี่พวกนั้น ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวระยะไกลได้ในพริบตา

คิดอยากจะเลื่อนระดับกระบี่ฟ้า นอกจากพลังชี่ทิพย์หล่อเลี้ยงแล้ว ยังสามารถหาพวกของล้ำค่า มาเป็นการฝึกฝนกระบี่ฟ้าได้ด้วย

สิ่งของล้ำค่าเช่นนั้นเฉินโม่หาไม่เจอ จึงทำให้แค่ใช้พลังชี่ทิพย์หล่อเลี้ยงไปก่อน

หินหยกชั้นดีที่เฉินโม่ค้นมาได้ มีที่ให้ใช้งานได้พอดี

เฉินโม่ปล่อยกระบี่สับสวรรค์ออกมา ปล่อยให้มันค่อยๆดูดพลังชี่ทิพย์จากหินหยกพวกนั้นและกระดูกขา

ห้องด้านข้าง เฉินซงจื่อสอนกฎระเบียบและมารยาทบางอย่างให้กับเอียนชิงเฉิงอย่างรอบคอบ

เช้าวันถัดมา เฉินโม่นำเอาวิชาฝึกฝนที่ทำการแก้ไขแล้วมอบให้กับเอียนชิงเฉิง และออกคำสั่งให้เฉินซงจื่อช่วยชี้นำการฝึกฝนให้กับเอียนชิงเฉิง

จากนั้น เฉินโม่ก็ทานอาหารเช้าเล็กน้อย แล้วเดินไปทางโรงเรียน

โรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวเปิดเรียนมาได้หลายวันแล้ว แล้วยังเป็นเทอมสองของชั้นมัธยมหกอีกด้วย นี่ถือเป็นช่วงบั้นปลายที่ตัดสินชะตาชีวิตของนักเรียนคนหนึ่ง

แต่ว่า เฉินโม่กลับไม่มาโรงเรียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ในห้องเรียนต่างก็ดุเดือดไปหมด มีข่าวลือต่างๆเกี่ยวกับเฉินโม่แพร่ออกมามากมาย เนื้อเรื่องเกินจริงจนน่าตกใจ

มีคนบอกว่าเฉินโม่รู้ว่าไม่มีความหวังในการสอบติดมหาวิทยาลัย จึงลาออกไปแล้ว

แต่คนที่เชื่อเรื่องนี้มีไม่มาก เนื่องจากทุกคนต่างก็รู้ว่าถึงแม้จะไม่สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยที่ดีได้ ก็ยังมีมหาวิทยาลัยชั้นรองลงมาให้เลือกอีก อยู่เรียนเพื่อรับใบปริญญาทำให้มีข้อดีในอนาคตอย่างมาก

ยังมีคนบอกว่าช่วงเวลาก่อนหยุดเรียนเฉินโม่อวดเก่งใส่หัวหน้าห้องเจิ้งซิ่วลี่ ตอนนี้กลัวหัวหน้าห้องแก้แค้นเล่นงาน ดังนั้นจึงได้ย้ายโรงเรียนหนีไปแล้ว

สำหรับเนื้อเรื่องนี้ มีนักเรียนกว่าครึ่งที่เชื่อมากกว่า

เฉินโม่หนีไปโดยไม่สู้ เพื่อนนักเรียนต่างก็ดูถูกอย่างมาก แต่ว่าเฉินโม่หายตัวไป คนพวกนี้ไม่สามารถเล่นงานเฉินโม่ได้ ฉะนั้นจึงทำได้แค่เปลี่ยนเป้าหมายไปที่นักเรียนที่ค่อนข้างสนิทกับเฉินโม่

อย่างเช่นจ้าวกางและเจี่ยงหยาว เจี่ยงหยาวยังดีกว่าหน่อย เพราะยังไงซะก็เป็นผู้หญิง แล้วยังเป็นดาวห้องเรียนคนธรรมดาของเด็กผู้ชายในห้องหลายคนอีกด้วย

แต่พวกจ้าวกางโดนเล่นงานใส่อยู่เสมอทุกอย่าง หาตัวเฉินโม่ไม่เจอ คนพวกนั้นจึงเอาความโกรธแค้นทั้งหมดมาลงที่พวกจ้าวกางจนหมด

โดยเฉพาะพวกศัตรูเมื่อก่อนของเฉินโม่ อย่างเช่นพวกจางเสี่ยนและหลินทาวเป็นต้น พยายามย่ำยีพวกจ้าวกางอย่างหนัก แก้แค้นที่เมื่อก่อนเฉินโม่ย่ำยีพวกเขา

เฉินโม่มาถึงหน้าประตูโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว และบังเอิญเจอเข้ากับอานเข่อเยว่ที่สวมใส่ชุดนักเรียนน้ำเงินขาวและยิ่งอยู่ยิ่งสวยงามเข้าพอดี