บทที่ 91 คิดเอาเอง
หัวเขาพลันว่างเปล่า ซูเฉินได้แต่จ้องมองกู่ชิงลั่ว คล้ายกับสมองจะหยุดทำงานไป
จังหวะนั้น เขารู้สึกราวกับเป็นคนขโมยของกินแล้วถูกภรรยาตนจับได้ มีทั้งความรู้สึกแตกตื่น ร้อนรน และความเสียใจคละเคล้ากัน
แต่พริบตาต่อมาพวกมันก็มลายหายไป
เพราะกู่ชิงลั่วหันกลับไปแล้ว
นางเดินจากไปไม่หันมองซูเฉิน
ซูเฉินรู้สึกราวกับใจตนทิ้งดิ่งลง
เขารู้สึกคล้ายได้สัมผัสอิสระ ได้รับความสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ในใจกลับรู้สึกเสียใจไม่พอใจมากกว่า
จูเซียนเหยาไม่รู้ว่าซูเฉินกำลังอารมณ์ไม่สงบนัก จึงดึงแขนถาม “มีอะไรหรือ ?”
“อ้อ เปล่า” ซูเฉินคล้ายกับหลุดออกจากภวังค์ “ไปต่อเถอะ ค่อยคุยกันระหว่างทาง”
คนทั้งสามจึงจากไป ศิษย์ที่รายล้อมอยู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วก็พากันแยกย้ายไป
หลังจากทุกคนจากไปแล้ว กู่ชิงลั่วก็เผยกายออกมาจากป่าเล็กแห่งหนึ่ง
นางมองเงาร่างซูเฉินที่เดินจากไปแล้ว น้ำตาก็ไหลรินอาบแก้ม
นางยืนร้องไห้อยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานก่อนจะจากไป
แต่นางไม่รู้ว่าหลังนางจากไปแล้ว ยังมีสตรีตระกูลจูผู้งดงาม เยี่ยนเหนียงก็ปรากฏตัวขึ้นอีก
จูเยี่ยนเหนียงมองเงาร่างกู่ชิงลั่วที่ค่อย ๆ เลือนหายไปแล้วหัวเราะ “น่าสนใจนี่ ดูท่าจะเจอเบาะแสที่ถูกซ่อนไว้เสียแล้ว”
น้ำเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้น “ก็แค่คนรักที่ไม่สำคัญ จะมีประโยชน์อะไรได้ ?”
“ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ? หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน พบเรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดประโยชน์ แต่หาก……” จูเยี่ยนเหนียงพลันหยุดเสียง
น้ำเสียงเย็นชาจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าคิดว่าจะมีเรื่องหรือ ? มันก็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าเราต้องเอาประกาศของมันลงก็คงสังหารมันไปนานแล้ว”
“ที่นี่คือสถาบันมังกรซ่อนเร้น ระวังไว้ย่อมดีกว่า”
“เจ้าอย่าห่วง เดี๋ยวจะมีคนรับมือกับสถาบันมังกรซ่อนเร้นให้ ส่วนข้ารับมือฉือไคฮวง ที่เจ้าต้องทำคือจัดการซูเฉินเสีย”
“แต่กระนั้นข้าก็ยังรู้สึกว่าเรื่องมันไม่เรียบง่ายอย่างที่เราคิด” จูเยี่ยนเหนียงเอ่ย ขมวดคิ้วครุ่นคิด
“เจ้าคิดมากไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดมากเช่นนั้น” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ย ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไป
จูเยี่ยนเหนียงถอนหายใจไร้คำใดจะเอ่ย
คนระดับสูงก็จัดการปัญหาระดับสูงไป ภารกิจของนางคือการรับมือซูเฉิน หากนางรับมือไม่ได้ก็นับว่านางทำงานล้มเหลว
เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินไปยังหอพลังต้นกำเนิด
ณ ตอนนั้นซูเฉิน จูเซียนเหยา และจูเฉินเดินเข้าหอพลังต้นกำเนิดไปแล้ว พวกเขาเดินคุยกันหัวเราะกันไป คล้ายกับเรื่องบาดหมางไม่ลงรอยสลายไปกลายเป็นควัน หลังจากจูเซียนเหยาตอกตกลงกับข้อแม้ของซูเฉินแล้ว สถานการณ์จึงมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนอีก
“เช่นนั้นเราไปที่แดนฝันแล้วดึงประกาศลงเลยดีหรือไม่ ?” จูเซียนเหยาถาม เบียดตัวเข้าไปแนบกับเขนซูเฉิน
“เจ้ารีบถึงเพียงนั้นเชียว ?” ซูเฉินถาม
“ท่านแม่ต้องจ่ายหินพลังต้นกำเนิดกว่าหมื่นก้อนทุกวันเพื่อปิดบังการมองเห็นประกาศนั่น เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่แห่งฝันระดับ 5 น่าประทับใจไม่น้อย เกราะรบเหล็กกล้าเพียงอย่างเดียวก็ทำลายแผนการของเราหมดแล้ว” จูเซียนเหยาตอบ อย่างน้อยตอนนี้นางก็พูดความจริง
แม้สันเขานอนตระกูลจูจะเป็นตระกูลใหญ่และมีกิจการใหญ่โต ทำให้สามารถจ่ายได้สบาย ๆ แต่การที่ต้องเสียหินพลังต้นกำเนิดกว่าหมื่นก้อนไปทุกวันก็ไม่ใช่เรื่องที่อดทนได้ง่ายนัก
“เอาล่ะ เจ้ารอสักหน่อย” ซูเฉินพยักหน้าเห็นด้วย
หากแต่เมื่อกำลังจะเดินเข้าห้องเขาไปนั่นเอง ก็มีเสียงดังลั่นขึ้น
คนทั้งสามหันกลับไปด้วยความตกใจ พบว่าคนที่พุ่งเข้ามาจากประตูข้างคือกังเหยียน
กังเหยียนวิ่งถลาเข้ามา ทั้งร่างชุ่มเลือด จากนั้นก็ตะโกนขึ้น “นายท่าน !”
“กังเหยียน !” ซูเฉินรีบพุ่งไปหา “เกิดอะไรขึ้น ?”
“มีคนบุกเข้าห้องตำราแล้วนำ……นำ……”
“นำสิ่งใดไป ?” ซูเฉินรีบถาม
“นำตำราเปิดพลังไคฮวงไป” กังเหยียนตอบเสียงดัง ก่อนนัยน์ตาจะเหลือกกลับแล้วหมดสติไป
ว่าไงนะ ?
จูเฉินและจูเซียนเหยารู้สึกสับสนไปเช่นกัน
ตำราเปิดพลังไคฮวงถูกคนชิงไปหรือ ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ทั้งสองตวัดสายตามองไปยังซูเฉินพร้อมกัน หากแต่ซูเฉินเองก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน “เป็นไปได้อย่างไร ?”
เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน
“ซูเฉิน ท่านอธิบายมาเสียตอนนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” จูเฉินเอ่ยเสียงโกรธ
“ใช่แล้ว เหตุใดคนอื่นจึงเข้ามาในหอพลังต้นกำเนิดได้ ?” จูเซียนเหยาเองก็เอ่ยเสียงไร้มารยาทขึ้น
ซูเฉินพลันนัยน์ตาส่องประกาย “ในห้องตำรามีแผ่นภาพที่บันทึกเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ ดูแล้วน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น”
พูดแล้วก็พุ่งไปยังห้องตำราทันที
จูเฉินและจูเซียนเหยาเหลือบมองกัน จากนั้นจึงไล่ตามซูเฉินไป
เมื่อมาถึงห้องตำรา ก็พบว่าทั้งห้องมีแต่ของกระจัดกระจาย ราวกับพายุเขาก็มิปาน
ซูเฉินดึงแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดออกมาจากมุมห้อง มันเป็นแผ่นภาพชิ้นหนึ่ง
หลังจากเปิดใช้งานมันแล้ว ทุกคนก็ได้เห็นภาพว่ามีคนชุดดำผู้หนึ่งบุกเข้ามา หลังจากค้นห้องตำราเสียทั่วก็พบกับตำราเล่มหนึ่งที่มีคำว่า ‘ตำราเปิดพลังไคฮวง’ อยู่
ชายชุดดำปกปิดใบหน้าเก็บตำราไว้แล้วพยายามหลบหนี หากแต่เพิ่งมาถึงทางออกก็พบกับกังเหยียนเข้า
กังเหยียนร้องเสียงดังแล้วพุ่งใส่อีกฝ่าย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชุดดำ ถูกกระบวนท่าเดียวซัดแล้วกระเด็นออกไป หมดสติไปแทบจะทันที ส่วนชายชุดดำปกปิดใบหน้าก็ได้จังหวะหลบหนีออกไป
“เป็นไปได้อย่างไร !? จะเป็นไปได้อย่างไร !?” จูเซียนเหยาโกรธจัดจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
พวกนางอุตส่าห์พยายามกล่อมให้ซูเฉินยอมปลดประกาศลงได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับมีชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นแล้วชิงเอาตำราเปิดพลังไคฮวงไป
แผนการทุกอย่างพังลงในพริบตา จูเฉินสบถด่าด้วยความแค้น “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ? มีคนกี่คนที่รู้ว่าคุณชายคิดค้นตำราเปิดพลังไคฮวงขึ้นมา ?”
ซูเฉินตอบ “ก็หลายคนอยู่ พวกข้าไม่เคยปิดบังเป็นความลับอยู่แล้ว”
“ว่าไงนะ ? เหตุใดไม่ปิดบังเล่า ?”
ซูเฉินมองหน้าเขาด้วยสายตางงงัน “ก็เพราะพวกข้าหมายจะเปิดขายมันสู่สาธารณะอยู่แล้ว เป็นเพราะพวกเจ้าปิดบังประกาศไว้จึงทำให้การขายล่าช้าลง”
จูเฉินชะงักค้างไป พลันจำได้ว่าซูเฉินไม่เคยคิดจะเก็บตำราเปิดพลังไคฮวงไว้กับตนเอง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนอื่น ๆ จึงรู้ได้ว่าตำราเปิดพลังไคฮวงนั้นอยู่ภายในหอพลังต้นกำเนิด
หากไม่ใช่เพราะตระกูลจูยื่นมือเข้าแทรก อีกฝ่ายก็คงไม่คิดชิงเอาตำราไปเช่นนี้ สามารถซื้อได้จากแดนฝันในราคาเท่ากับ 100 ละอองฝันเท่านั้น
ตระกูลจูทำให้ซูเฉินไม่อาจเผยแพร่ตำราสู่สาธารณะ และทำให้ผู้คนที่สนใจวิชาเข้าใจผิด
พวกเขาไม่รู้ว่าเดิมทีซูเฉินและฉือไคฮวงตั้งใจจะเผยแพร่ตำราฝึกบ่มเพาะพลังสู่สาธารณะ ดังนั้นจึงคิดว่าคนที่มีวิชาคงจะคิดเก็บมันไว้แต่กับตน ซ่อนมันไว้อย่างดีเพื่อให้เป็นวิชาลับไร้คนรู้ หากสามารถนำสมบัติล้ำค่าหรือเงินมาแลกได้ก็จะทำให้วิชาลับไม่ลับอีกต่อไป อีกทั้งหากตกลงกันไม่สำเร็จก็อาจเกิดความบาดหมาง ดังนั้นผู้คนที่อยากรู้วิชาลับนี้จึงไม่คิดจะซื้อมันมาแต่แรก แต่เลือกชิงเอามาแทน
เรื่องเช่นนี้จึงไม่แปลก
จูเฉินและจูเซียนเหยาสรุปสถานการณ์ในทันที ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่อาจหาข้อผิดแปลกไปกับเหตุผลนั้นได้เลย
การให้คนทั้งคู่คิดสรุปเอาเองเช่นนี้นั้นทำให้ข้อสรุปที่ออกมาดูน่าเชื่อถือกว่าแบบที่ซูเฉินเป็นคนอธิบาย เพราะอย่างไรก็เป็นคนคิดขึ้นมาเอง เช่นนั้นจะมีใครคิดสงสัยกับข้อสรุปที่ตนคิดขึ้นมาเองบ้างเล่า ?
จูเฉินและจูเซียนเหยาจิตใจขุ่นมัวไม่จบสิ้น
ตอนที่กำลังคิดว่าพวกตนคงเสียเปิดพลังไคฮวงไปตลอดกาลแล้วนั้น จู่ ๆ ซูเฉินก็ร้องตกใจออกมาแล้วมองดูแผ่นภาพต่อไป
“คุณชายตกใจเรื่องอะไร ?” จูเฉินเอ่ยเสียงขุ่น
“ข้าว่าข้าหาตัวพวกมันได้” ซูเฉินตอบ