ตอนที่ 341 ปานแดงรูปผีเสื้อ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 341 ปานแดงรูปผีเสื้อ

อันอิงเฉิงรู้สึกอับอายขายหน้าจึงเอาความโกรธไปลงที่หลี่ซื่อแทน

เขาชี้นิ้วไปที่หลี่ซื่อ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ “เจ้าก็ได้ยินแม่นมกัวกล่าวว่าเยี่ยงไรแล้วนี่ นางบอกว่าบนตัวของเกอเอ๋อยังมีปานแดงอยู่ แล้วเหตุใดเจ้ามองมิเห็น ? ”

อันอิงเฉิงพูดจบก็นึกถึงความเกลียดชังที่หลี่ซื่อมีต่ออันหลิงเกอแล้วเริ่มรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่หลี่ซื่อแต่งขึ้นทั้งสิ้น นางสร้างเรื่องก็เพื่อให้แม่นมมาตรวจร่างกายของอันหลิงเกอและใช้เรื่องนี้ทำให้อันหลิงเกออับอาย !

ฝั่งหลี่ซื่อกลับคิดว่าตนถูกใส่ร้ายเพราะตอนที่พาอันหลิงเกอไปบ่อน้ำร้อน นางเห็นเต็มสองตาว่าแผ่นหลังของอันหลิงเกอเรียบเนียนราวกับเนื้อหยก อย่าว่าแต่ปานแดงเลย แม้แต่จุดด่างดำเล็ก ๆ ก็มิมี เหตุใดตอนนี้จึงมีปานแดงได้เล่า ?

นางเชื่อสายตาว่ามิมีทางมองผิดอย่างแน่นอน

มีเพียงความเป็นไปได้หนึ่งเดียวก็คือแม่นมกัวพูดโกหก !

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ซื่อจึงหันไปมองแม่นมกัวด้วยสายตาอาฆาต อารมณ์ของนางในตอนนี้ทำให้ใบหน้าที่อ่อนโยนดูชั่วร้ายยิ่งนัก

“แม่นมกัว ข้ารู้ว่าท่านแม่โปรดปรานนาง แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงสายเลือดของท่านโหว เจ้าจักช่วยนางตัวปลอมแสดงละครเช่นนี้มิได้”

หลี่ซื่อนึกถึงความจริงที่ตนได้เห็นก็โมโหจนใบหน้าที่ซีดขาวกลับมาแดงระเรื่ออีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ตัวจริงหรือตัวปลอมมิใช่เรื่องที่เจ้าตัดสินคนเดียวได้ ! ”

จากนั้นนางก็หันไปหาอันอิงเฉิงด้วยท่าทางห่วงใยอย่างสุดซึ้ง “ท่านพี่ ท่านต้องเชื่อข้าเพราะข้าเห็นกับตาว่าบนแผ่นหลังของนางมิมีปานอันใดเลย แม่นมผู้นี้ต้องโกหกแน่นอน นางต้องการช่วยตัวปลอมและทำให้สายเลือดของท่านแปดเปื้อนเจ้าค่ะ”

เมื่อหลี่ซื่อกล่าวจบ อันหลิงเกอก็พ่นเสียงหัวเราะออกมา มุมปากที่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน

“แม่นมกัวเป็นคนที่ท่านย่าส่งมา หรือหลี่อี๋เหนียงจักบอกว่าท่านย่าให้นางมาช่วยข้าโกหกเพื่อปิดบังความจริง จักได้ช่วยให้ข้าสวมรอยและทำให้สายเลือดของจวนโหวแปดเปื้อนอย่างนั้นหรือ ? ”

ผู้ใดจักมิรู้ว่าภายในใจของฮูหยินผู้เฒ่านั้นจวนโหวต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

มิเช่นนั้นหลังจากที่อันอิงเฉิงสืบทอดตำแหน่งโหวแล้ว นางคงมิพาครอบครัวบุตรชายคนรองและบุตรชายคนที่สามกลับไปอยู่ที่เรือนบรรพบุรุษอันห่างไกลหลายพันลี้เช่นนั้นหรอก

ฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนี้มิใช่เพราะกลัวว่าสามคนพี่น้องจักห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งและเพื่อความมั่นคงของตระกูลอันหรือไร ?

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงเกอ จิตใจที่เอนเอียงของอันอิงเฉิงก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง

ถูกต้อง ท่านแม่เห็นจวนโหวสำคัญที่สุดมาโดยตลอด นางมิมีทางยอมให้สาวใช้มาทำให้สายเลือดของจวนโหวต้องแปดเปื้อนอย่างแน่นอน คำพูดของหลี่ซื่อจึงไร้น้ำหนักแม้แต่น้อย

สีหน้าของเขาเข้มขึ้น สายตาเกรี้ยวกราดและใบหน้าถมึงทึงเมื่อหันไปทางหลี่ซื่อ

“หลี่ซื่อ เสียแรงที่ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า แต่ครั้งนี้เจ้าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก ! ”

กล่าวจบ อันอิงเฉิงก็สะบัดแขนเสื้อและหมุนตัวเตรียมจากไปทันที แต่หลี่ซื่อดึงรั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

“ท่านพี่ ข้ามิได้โกหกจริง ๆ เจ้าค่ะ”

แม่นมกัวหลังจากตรวจสอบปานแดงที่หลังของอันหลิงเกอเสร็จก็ยืนอยู่ด้านข้างและมีท่าทีขึงขังตลอดเวลา

เมื่อได้ยินหลี่ซื่อพูดให้ร้ายตนจึงเหลือบตามองหลี่ซื่ออยู่ครู่หนึ่ง

“นายท่านเจ้าคะ ในเมื่อนายหญิงหลี่มิเชื่อคำกล่าวของบ่าว เช่นนั้นก็เชิญนายหญิงหลี่หาคนที่เชื่อถือมาเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เป็นคนซื่อสัตย์จริงใจต้องยอมให้ตรวจอีกครั้งเพื่อให้ท่านยอมรับเจ้าค่ะ”

ฝีเท้าของอันอิงเฉิงชะงักแล้วหันมามองอันหลิงเกอ รู้สึกว่าเป็นวิธีที่ดีทีเดียว

“เกอเอ๋อ ที่แม่นมกัวกล่าวมา…เจ้าคิดว่าเยี่ยงไร ? ”

อันหลิงเกอพยักหน้ารับตามที่แม่นมกัวกล่าว มือทั้งสองข้างประสานกันอยู่ด้านหน้า ดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างบอกมิถูก “ลูกมิมีปัญหาอยู่แล้วเจ้าค่ะ ขอเพียงทำให้หลี่อี๋เหนียงหยุดระรานลูกได้ ต้องตรวจอีกครั้งก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแต่หลี่อี๋เหนียงอย่าลืมว่าต้องเดินไปคำนับไปจากเรือนของท่านจนถึงเรือนฉีอู๋ของข้า”

มาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ก็ถือว่ายังเร็วเกินไป !

หลี่ซื่อถลึงตาทั้งสองข้าง นางแทบอยากสังหารอันหลิงเกอให้ตายไปเสียตอนนี้ แต่นางก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้น แม้ดวงตาจักดูชั่วร้ายเพียงใดก็มิสามารถทำให้อันหลิงเกอหวาดกลัวได้

คนตายที่คลานมาจากนรกจักกลัวสายตาแค่นี้ได้อย่างไร ?

อันหลิงเกอสบตาหลี่ซื่อโดยมิสะทกสะท้านจนอีกฝ่ายต้องพูดลอดไรฟันออกมา “ได้ หากข้าเข้าใจผิดและใส่ร้ายเจ้าจริง ข้าย่อมทำตามสิ่งที่กล่าวเอาไว้”

“ท่านพ่อและแม่นมกัวได้ยินที่หลี่อี๋เหนียงกล่าวแล้วใช่หรือไม่ อีกสักครู่ถ้าอี๋เหนียงกลับคำ พวกท่านต้องเป็นพยานให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”

ท่าทางมั่นใจของนางทำให้หลี่ซื่อรู้สึกกังวลมิน้อย

แต่เมื่อลองไตร่ตรองอีกครั้ง มิแน่ว่านางตัวปลอมอาจแกล้งทำเป็นใจเย็นเพื่อทำให้นางสับสนก็ได้

หลี่ซื่อจึงส่งเสียง หึ ! ออกมาเป็นการยอมรับ อันอิงเฉิงจึงพยักหน้าให้อันหลิงเกอ

แม่นมกัวที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ดูออกอย่างชัดเจนว่านางมิชอบหลี่ซื่อ

“นายหญิงหลี่คิดว่าคนเช่นไรจึงจักเชื่อถือได้หรือเจ้าคะ ? ”

นางเป็นแม่นมคนสำคัญของฮูหยินผู้เฒ่าและมีฐานะขนาดนี้ยามที่เอ่ยกับหลี่ซื่อย่อมมิได้มีความเกรงกลัวเยี่ยงพวกสาวใช้ธรรมดาอยู่แล้ว นางกล้าถึงขั้นถามหลี่ซื่อกลับอีกด้วย

หลี่ซื่อก็มิพอใจและรู้สึกโกรธต่อท่าทางมิไว้หน้าของแม่นมกัว มิหนำซ้ำยังกล้าทำให้นางขายหน้าต่อหน้าอันอิงเฉิงอีก

ทว่าตอนนี้มิใช่เวลามาคิดมาก ดังนั้นหลี่ซื่อจึงทำได้เพียงเก็บความโกรธเอาไว้ข้างใน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงมิพอใจ “ข้าจักให้สาวใช้ข้างกายเป็นผู้ตรวจสอบ คุณหนูใหญ่คงมิขัดข้อง”

นางตั้งใจเรียกคุณหนูใหญ่ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

แค่ตัวปลอมที่ใกล้จักโดนเปิดโปงโฉมหน้าอยู่แล้วยังกล้าทำท่าทางราวกับเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง ช่างมิรู้ที่ต่ำที่สูงเสียเลย !

อันหลิงเกอมิสนใจคำประชดประชันของอีกฝ่ายและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเผยรอยยิ้มบาง ๆ พร้อมพยักหน้ารับ “ข้ามิขัดข้องอยู่แล้ว หลี่อี๋เหนียงไปตามคนตรวจมาเลยแล้วกัน”

นางคืออันหลิงเกอตัวจริงเสียงจริง ต่อให้มาตรวจอีกสิบคน ร้อยคนหรือพันคนก็เปลี่ยนความจริงมิได้อยู่ดี แล้วเหตุใดนางต้องกลัวด้วยเล่า ?

หลี่ซื่อคิดเพียงว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังแสร้งวางมาดเพื่อให้กลัวเท่านั้นจึงมิได้ใส่ใจอันใด จากนั้นจึงเรียกสาวใช้ของตนเข้ามาแล้วสั่งมิกี่คำก่อนจักให้นางเข้าไปตรวจร่างกายของอันหลิงเกอ

ทั้งคู่หายเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ผ่านไปครู่เดียวพวกนางก็ออกมาพร้อมกัน

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

หลี่ซื่อจับมือสาวใช้ของตนเอาไว้อย่างแรงจนหลังมือของสาวใช้คนนั้นแดงไปหมด “บนหลังของนางมิมีปานแดงใช่หรือไม่ ? ”

สาวใช้ส่ายหน้า หลี่ซื่อคิดว่าหมายถึงที่แผ่นหลังของอันหลิงเกอมิมีปานแดงจึงยิ้มออกมา

“ท่านพี่ ท่านเห็นหรือไม่ว่าบนตัวของนางมิมีปานแดง นางเป็นตัวปลอมเจ้าค่ะ ! ”

หลี่ซื่อปล่อยมือของสาวใช้ แววตาเต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดมิมิด

แต่สาวใช้คนนั้นหน้าซีดและกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ “นายหญิง มิใช่เยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ บ่าวหมายความว่าบนตัวของคุณหนูใหญ่มีปานแดงอยู่จริงเจ้าค่ะ”