ตอนที่ 340 เดินไปพลางคำนับไปด้วย
หลังจากนั้นอันอิงเฉิงจึงตะโกนสั่งคนที่อยู่ด้านนอก “จงไปตามแม่นมที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่ามาคนหนึ่ง”
ด้านนอกประตูมีสาวใช้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินคำสั่งของอันอิงเฉิง หนึ่งในนั้นก็ก้าวออกมาแล้ววิ่งไปทางเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าทันที
แม้พวกนางยืนฟังอยู่นอกประตูได้สักพักและได้ยินมิกระจ่างว่าภายในเกิดอันใดขึ้นแน่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของอันอิงเฉิงและหลี่ซื่อเมื่อครู่ก็รู้สึกได้ว่าต้องมิใช่เรื่องดีสักเท่าไร
สาวใช้วิ่งไปอย่างรวดเร็ว มินานก็มาถึงเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า นางรีบวิ่งจนเหนื่อยหอบ
“เจ้าคือชิงเอ๋อที่อยู่เรือนคุณหนูใหญ่มิใช่หรือ ? ”
บ่าวเฝ้าประตูเรือนฮูหยินผู้เฒ่าสายตาเฉียบแหลม เห็นแค่ครู่เดียวก็จำนางได้ทันที
ชิงเอ๋อยืนหอบอยู่ครู่หนึ่งจนลมหายใจกลับมาเป็นปกติอีกครั้งจึงเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าแดงก่ำ “ท่านโหวให้ข้ามาเชิญแม่นมในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าไปคนหนึ่ง คล้ายกำลังมีเรื่องด่วน”
เมื่อได้ฟัง บ่าวเฝ้าประตูก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจ “เหตุใดท่านโหวจึงออกคำสั่งเช่นนี้เล่า ? ”
นางกล่าวไปพลางเดินนำชิงเอ๋อเข้าเรือนไปด้วย
“ฮูหยินผู้เฒ่าอาจกำลังนอนกลางวันอยู่ เจ้าลองเข้าไปดูก็แล้วกัน”
ชิงเอ๋อที่ได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าเบา ๆ ก็เห็นหญิงชรานอนอยู่บนเตียงโดยข้างกายมีสาวใช้คอยพัดให้ ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังนอนกลางวันอยู่จริงด้วย
นางกำลังคิดว่าควรปลุกฮูหยินผู้เฒ่าดีหรือไม่ ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นมาพอดี
“เจ้าเป็นสาวใช้ในเรือนของเกอเอ๋อมิใช่หรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามพร้อมค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง สาวใช้ที่อยู่ข้างกายรีบประคองนางเอาไว้
ชิงเอ๋อจึงเดินเข้าไปคำนับ เห็นท่าทางง่วงงุนของฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้ว่ายังมิได้สติมากนัก
“ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเป็นสาวใช้ในเรือนของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” นางตอบรับพร้อมลอบประเมินสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าไปด้วย เมื่อเห็นท่าทางไร้วี่แววมิพอใจจึงกล่าวต่อ “ท่านโหวให้บ่าวมาเชิญแม่นมของท่านฮูหยินผู้เฒ่าไปคนหนึ่งเจ้าค่ะ”
นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึงครู่หนึ่ง สักพักจึงได้สติคืนมา “เชิญแม่นมไปทำอันใด ? ”
“บ่าวเองก็มิทราบเจ้าค่ะ” ชิงเอ๋อก้มหน้าลง แม้เสียงเบาแต่ก็ได้ยินชัดเจน “บ่าวรู้เพียงว่าท่านโหว นายหญิงหลี่และคุณหนูใหญ่อยู่ในห้องด้วยกัน แต่มิรู้เหตุใดคุณหนูใหญ่และนายหญิงหลี่จึงทะเลาะกันขึ้นมา จากนั้นท่านโหวก็ให้บ่าวมาเชิญแม่นมของท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งเสียงตอบรับพลางพิจารณาการแต่งตัวของสาวใช้คนนี้แล้วดูมิเหมือนสาวใช้ที่ดูแลข้างกายอันหลิงเกอ อย่างมากก็เป็นแค่สาวใช้ขั้นสอง มิมีแม้แต่โอกาสที่จักได้ปรนนิบัติข้างกายอันหลิงเกอด้วยซ้ำ
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นคำขอจากอันอิงเฉิง ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมไร้เหตุผลที่จักปฏิเสธ
นางอ้าปากหาวออกมาอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นจึงสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ไปตามแม่นมกัวแล้วให้นางไปที่เรือนเกอเอ๋อ”
“บ่าวขอขอบพระคุณฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
ชิงเอ๋อคำนับอย่างดีใจ จากนั้นก็เดินตามสาวใช้ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อไปหาแม่นมกัวแล้วพากันมาที่เรือนฉีอู๋
“แม่นมกัวมาแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากชิงเอ๋อตะโกนแจ้งก็ปรากฏแม่นมผิวขาวรูปร่างท้วมคนหนึ่งเดินเข้ามา
นางคำนับให้คนที่อยู่ในห้อง จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัย “มิทราบว่านายท่านเรียกหาบ่าวด้วยเรื่องอันใดเจ้าคะ ? ”
ระหว่างทางนางได้ยินชิงเอ๋อเล่าให้ฟังคร่าว ๆ จึงรู้เพียงว่าอันอิงเฉิงเป็นคนให้มาเชิญ
ทว่าผู้ที่ตอบเป็นหลี่ซื่อที่กำลังชี้นิ้วไปทางอันหลิงเกอ “ที่ให้เจ้ามาก็เพื่อตรวจร่างกายของนาง”
หลี่ซื่อมิเรียกอันหลิงเกอว่าคุณหนูใหญ่หรือตัวปลอมอีก แต่ใช้คำว่า ‘นาง’ แทน
แม่นมกัวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ใบหน้าขาวอวบจึงเผยให้เห็นสีหน้ายุ่งยากใจออกมา
“มิทราบว่านายหญิงหลี่ต้องการทำอันใดเจ้าคะ ? ”
หลี่ซื่อเหลือบมองอันหลิงเกอด้วยสายตาอาฆาต “แม่นมกัวคงมิรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้า แท้จริงมิใช่คุณหนูใหญ่ตัวจริง นางเป็นตัวปลอมที่โผล่มาจากไหนมิรู้แล้วมาสวมรอยเป็นคุณหนูใหญ่ ! ”
“ปกติบนตัวคุณหนูใหญ่มีปานแดงอยู่แต่บนตัวคนผู้นี้มิมี แสดงว่านางเป็นตัวปลอมที่มาสวมรอยเป็นคุณหนูใหญ่ หลังจากข้ารู้ว่านางเป็นตัวปลอม ข้าและท่านโหวก็มาเปิดโปงนาง แต่เป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรนางก็มิยอมรับจึงต้องเชิญเจ้ามาเพื่อตรวจร่างกายนางว่าแผ่นหลังมีปานแดงอยู่หรือไม่”
แม่นมกัวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกตะลึง มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ ?
จากนั้นนางจึงหันหน้าไปมองอันหลิงเกออย่างคาดมิถึงแล้วเอ่ยถามด้วยความลังเล “คุณหนูใหญ่ยอมให้บ่าวตรวจร่างกายหรือไม่เจ้าคะ ? ”
แม้ทราบจากหลี่ซื่อว่าอันหลิงเกอที่อยู่ตรงหน้าอาจเป็นตัวปลอม ทว่าก่อนที่อันหลิงเกอจักโดนถอดออกจากตำแหน่งคุณหนูใหญ่ แม่นมกัวก็ยังเรียกนางเช่นเดิม
อันหลิงเกอพยักหน้าให้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนและสนิทสนม “ในเมื่อหลี่อี๋เหนียงดึงดันว่าข้าเป็นตัวปลอมและยังให้ข้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตนให้ได้ หากข้าเป็นตัวจริงแล้วหลี่อี๋เหนียงบอกว่าจักเดินหนึ่งก้าวคุกเข่าคำนับหนึ่งก้าวจากเรือนของนางมาถึงเรือนฉีอู๋เพื่อเป็นการขออภัย ดังนั้นเพื่อความบริสุทธิ์ใจของข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
แม่นมกัวจึงวางใจและหมดกังวล “คุณหนูใหญ่เชิญตามบ่าวมาทางนี้เจ้าค่ะ”
นางพาอันหลิงเกอไปอีกห้องหนึ่ง ถอดเสื้อของอันหลิงเกอออกจากนั้นก็สำรวจแผ่นหลังอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก็พบปานแดงรูปร่างคล้ายผีเสื้อมีขนาดประมาณปลายนิ้วก้อย
คุณหนูใหญ่ก็คือคุณหนูใหญ่จักมีตัวจริงตัวปลอมที่ไหนกัน หลี่ซื่อชอบก่อเรื่องเสียจริง
แม่นมกัวบ่นในใจ จากนั้นก็สวมเสื้อให้อันหลิงเกออย่างเดิม
“คุณหนูใหญ่ บ่าวตรวจเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอพยักหน้าให้นางเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งคู่จักกลับเข้ามาในห้องพร้อมกัน
หลี่ซื่อที่รอผลตรวจอย่างร้อนรนเมื่อเห็นแม่นมกัวเดินเข้ามาจึงรีบเข้าไปถามทันที “เป็นอย่างไรบ้าง ? บนหลังของนางมิมีปานแดงใช่หรือไม่ ? ”
แม่นมกัวส่ายหน้าทำให้หลี่ซื่อใจหายทันที
“นายหญิงหลี่กล่าวผิดแล้วเจ้าค่ะ บนตัวของคุณหนูใหญ่มีปานแดงอยู่จริง เป็นปานแดงรูปร่างคล้ายผีเสื้อมีขนาดเล็กประมาณปลายนิ้วก้อยเท่านั้น หากมิดูให้ดีก็คงมิเห็นเจ้าค่ะ”
ทันใดนั้นใบหน้าของอันอิงเฉิงก็เข้มขึ้นทันที หมายความว่าที่เขาวุ่นวายตามหลี่ซื่อมาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายก็ได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกอีกแล้ว
คงเพราะปานแดงนั้นมีขนาดเล็กมาก หลี่ซื่อจึงจำผิดตำแหน่ง เมื่อมองมิเห็นก็พาลคิดว่าเกอเอ๋อโดนคนสวมรอย
อันอิงเฉิงครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรงจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด เขาแทบอยากมุดแผ่นดินหนีเสียให้สิ้นเรื่อง
จากนั้นเขาก็หันไปจ้องหลี่ซื่อด้วยแววตาดุดัน
“เกอเอ๋อกล่าวถูกจริง ๆ ว่าเจ้าชอบก่อเรื่องวุ่นวายไปหมด”
ทั้งยังลากเขามาทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ด้วย !
ส่งผลให้หลี่ซื่อหน้าซีดเผือด ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อยแต่กล่าวอันใดมิออก