บทที่ 437
อัครมเหสีฉู่กับเยี่ยเฟิงไม่ยอมไป กู้ชูหน่วนต้องพยายามสุดแสนกว่าจะส่งพวกเขาสองคนออกไปสำเร็จ

เกิดเสียงโครม ๆ บนฟากฟ้า คล้ายกับมีเค้าลางว่าจะเกิดพายุฝนกระหน่ำ

สั่นสะท้านไปทั่วหุบเขาโลหิตหูหลู โดยเฉพาะบริเวณยอดเขาจะสั่นมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้หินหนืดเดือดพล่าน แล้วลามไปถึงก้อนหิน ซึ่งพืชพรรณล้วนจมลงไปอย่างน่าสงสาร

นี่ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเทพจึงจะเปิดศึกใหญ่ได้เพียงนี้

กู้ชูหน่วนแหงนหน้าขึ้นพลันเห็นมังกรไฟสีทองที่ยามนี้อาบโลหิตทั่วร่าง กำลังคำรามไม่หยุด

หางมังกรมหึมาสะบัด ยอดเขาลูกเล็กใกล้ ๆ พลันราบเป็นหน้ากลอง

สิ่งที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงคือ มังกรแค่พ่นไฟครั้งเดียวก็กระจายไปทั่วหุบเขาโลหิตหูหลูครึ่งลูกแล้ว คล้ายกับมีเจตนาทำลายทั่วหุบเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

นอกจากมังกรไฟแล้ว ยังมีชายชราผมหงอกอีกสี่ท่าน

ฟูกวงกล่าว “นายท่าน ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าเพลิงฟ้ามีวรยุทธสูงส่ง พวกเขาถอนตัวออกจากยุทธภพหลายปี ไม่สนใจทางโลก คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้เผ่าเพลิงฟ้าจะส่งผู้อาวุโสทั้งสี่มา”

“ฝีมือแข็งแกร่งมากหรือ? ถ้าเทียบกับเยี่ยจิ่นหานล่ะ?”

“คงสูสีกับเทพสงคราม แต่สี่คนมาผนึกกำลังรวมกัน เทพสงครามย่อมสู้พวกเขาไม่ไหว ประมุขแห่งนิกายเทพอสูรสองท่านล้วนตายในเงื้อมมือผู้อาวุโส”

“แสดงว่าผู้อาวุโสแห่งเผ่าเพลิงฟ้าไม่ใช่คนดีอะไร?”

“แน่นอน พวกเขาทำชั่วนับไม่ถ้วน เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา คนบริสุทธิ์ของนิกายเทพอสูรต้องตายในเงื้อมมือพวกเขาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”

กู้ชูหน่วนลูบคาง

หากพวกเขาไม่ใช่คนดี เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องพะว้าพะวังสิ่งใดแล้ว

“นายท่าน ตอนนี้พวกเราควรทำเยี่ยงใด?”

“ยังทำสิ่งใดได้ ยามนี้ต้องนั่งดูละครเด็ดเงียบ ๆ เจ้าขยับมาหน่อย ระวังหินหนืดเผาตัวเจ้านะ”

ฝูกวงงงเป็นไก่ตาแตก

นายท่านขีด ๆ เขียน ๆ บนพื้นพสุธาตั้งนาน เพียงเพื่อนั่งดูละครเด็ด?

คงไม่ใช่กระมัง

“โครม……..”

สงครามกลางเวหาดุเดือดขึ้นทุกที พวกเขาที่นั่งบนภูเขา ร่างกายยังโย้เย้ตามไปด้วย

ฝูกวงขมวดคิ้วมุ่น

คือค่ายกลสี่รูปที่ขึ้นชื่อของเผ่าเพลิงฟ้า ซึ่งค่ายกลนี้กระทั่งผู้ที่มีวรยุทธระดับเจ็ดก็ไม่ได้ทำลายได้ ทว่ามังกรอสูรตัวนั้นกลับไม่ตกเป็นรอง ทั้งยังสู้อย่างดุดันมากขึ้นเรื่อย ๆ

โชคดีคนของนิกายเทพอสูรฟังคำสั่งการ ไม่เข้าไปใกล้และไม่ไปแย่งชิงไข่มุกมังกร

หาไม่แล้ว พวกเขาต้องบาดเจ็บสาหัสแน่

“เปรี้ยง”

ค่ายกลสี่รูปเลือนหาย

ผู้อาวุโสทั้งสี่แห่งเผ่าเพลิงฟ้าบาดเจ็บสาหัสล้มระเนระนาดอยู่บนพื้น จากนั้นก็กระอักเลือดสด พลานุภาพโอบล้อมลดลงในบัดดล

“ผู้อาวุโสทั้งสี่พ่ายแพ้แล้ว พลังของมังกรไฟน่าทึ่งมาก คาดว่าผู้อาวุโสทั้งสี่คงไม่มีแรงสู้ต่อ นายท่าน พวกเราจะไปเก็บมังกรอสูรหรือฉวยโอกาสจัดการผู้อาวุโสทั้งสี่คน”

“อนาทรร้อนใจไปได้ อูฐผอมเจียนตายยังใหญ่กว่าอาชา เจ้าไปตอนนี้มั่นใจว่าจะสังหารพวกตาเฒ่ากับมังกรไฟได้หรือ ถึงมันจะบาดเจ็บ แต่ข้าว่ายังคงมีพละกำลังมหาศาล”

“หา……แล้วตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร?”

“ทำอะไรได้ ชมละครต่อไง”

ไม่นาน บนนภาลัยพลันเกิดสงครามใหญ่อีกครา ซึ่งเป็นภาพผู้นำกองธงแห่งเผ่าปีศาจปะทะกับมังกรอสูร

ขนาดอาวุโสทั้งสี่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรอสูร ผู้นำกองธงกล้วยไม้กับผู้นำกองธงโบตั๋นยิ่งไม่ใช่ ทว่านอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ยังมียอดฝีมืออีกสองคนที่ฝีมือไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขาคอยสมทบ ซึ่งต่างรู้ใจกันมาก ถึงแม้ฝีมือเก่งกาจไม่เท่าผู้อาวุโสทั้งสี่ ทว่ากลับสามารถทำให้มังกรอสูรบาดเจ็บหลายจุด

“กรร…….”

“อ๊าก……”

ทั้งมังกรอสูรและผู้นำกองธงทั้งสองบาดเจ็บกันทั่วหน้า

ครั้งนี้บอบช้ำกันทั้งสองฝ่าย

“นายท่าน สองคนนั้นก็เป็นผู้นำกองธง คนหนึ่งคือผู้นำกองธงดอกท้อ ถูกมังกรอสูรทำร้ายสาหัสปานนี้ ย่อมไม่รอดแน่ ส่วนมังกรอสูรก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน กรงเล็บขาดหนึ่งอัน นายท่าน พวกเราจะลุยตอนนี้ไหมขอรับ?”

“เจ้ารีบไปเกิดหรือ? รีบร้อนทำไม?”

“แต่ถ้าหากพวกเราไม่รีบไป แล้วถ้าเกิดไข่มุกมังกร……”

“ถ้าแย่งไข่มุกมังกรง่ายแบบนั้น พวกเจ้าก็ได้ตั้งนานแล้ว ยังต้องรอถึงตอนนี้หรือ? เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าฉลาดปราดเปรื่องดีนี่ เหตุใดเรื่องไข่มุกมังกรจึงโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้”

ต้องโง่อยู่แล้ว

เขาไม่เครียดได้อย่างไร?

คนทั้งเผ่ายังหวังใช้ไข่มุกมังกรแก้คำสาปโลหิต นั่นมีคนนับหมื่นชีวิตเลยนะ

“เจ้ารอดูได้เลย พวกเขาต้องโจมตีอีกครั้งแน่”

เป็นดังกู้ชูหน่วนคาดการณ์ เผ่าปีศาจกับเผ่าเพลิงฟ้าจับมือกันโจมตีอีกครั้ง จึงสู้กันจนท้องฟ้ามืดสลัว ไร้แสงสุริยาแลจันทรา

กู้ชูหาวออกมาวอดหนึ่ง ก่อนจะพิงก้อนหินนอน ปากกล่าวว่า “เสี่ยวฝูกวง ข้านอนก่อน เดี๋ยวพวกเขาสู้เสร็จเจ้าค่อยเรียกข้า”

ฝูกวงตะลึงงัน

เวลานี้แล้ว นายท่านยังจะนอนอีก

สิ่งที่น่าสลดใจยิ่งกว่าคือ นางบอกว่าจะนอนก็เกิดเสียงกรนแว่วเข้ามาทันที

ฝูกวงขยับมุมปาก หมายจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเห็นสีหน้าซีดขาวและร่างกายที่เหนื่อยล้าของกู้ชูหน่วนแล้ว เขาก็ยอมให้นางพักผ่อนแต่โดยดี

ส่วนตัวเองก็สังเกตสถานการณ์บนท้องฟ้าอย่างไม่คลาดสายตา

การบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง และเกิดการเป็นพันธมิตรของเผ่าปีศาจและเผ่าเพลิงฟ้าหลายหน จากที่สู้กันแล้วหยุด จากที่หยุดแล้วก็สู้ต่อ

ทุกครั้งที่เขาคิดว่าคงจบสิ้นแล้ว ทว่าสงครามครั้งใหญ่ก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ดำเนินเหตุการณ์ลักษณะนี้หนึ่งวันเต็ม ๆ

หนึ่งวันให้หลัง ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเพลิงฟ้าหรือเผ่าปีศาจ ล้วนเสียหายอย่างหนักหน่วง ไม่มีกำลังต่อสู้อีก

ฝูกวงเตรียมจะเรียกกู้ชูหน่วน ทว่าทันใดนั้นบนฟากฟ้าก็เกิดสงครามอีกครั้ง

ฝูกวงเงยหน้ามอง พลางพบว่าครั้งนี้คู่ต่อสู้ของมังกรอสูรไม่ใช่เผ่าเพลิงฟ้า และไม่ใช่เผ่าปีศาจ

หากแต่เป็นตันหุยกู่ คนตันหุยกู่นั่งไม่เป็นสุขแล้วหรือ?

กู้ชูหน่วนหาวออกมาวอดหนึ่ง พลางลืมตาอย่างเชื่องช้า

“มังกรอสูรรตัวนี้แข็งแกร่งมาก หากเป็นสัตว์ประจำตัวได้จะไม่เลวเลย อย่าน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ และมันไม่กินจุด้วย”

“ฝ่อ…….”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทักท้วงอย่างไม่พอใจ

เขากินจุเสียเมื่อไหร่

นายท่านบอกจะให้มันกิน แต่ก็ตระบัดสัตย์คืนคำเสมอ

“ไยเจ้ายังอยู่ที่นี่ ยังไม่รีบถอนพิษให้เยี่ยจิ่งหานอีก”

“ฝ่อๆๆๆ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงหลายครั้ง ก่อนจะจากไปอย่างไม่เต็มใจ

พวกเผ่าเพลิงฟ้ากับเผ่าปีศาจบาดเจ็บสาหัส แม้นพวกเขาอยากได้ไข่มุกมังกรเพียงใด ทว่าก็ไม่มีทางสมหวัง

พวกเขามีกำลังคนน้อยเกินไป จึงลงเขาไปหากองกำลังเสริม หวังว่าหลังจากตันหุยกู่ได้ไข่มุกมังกรไว้ในครอบครองแล้ว พวกเขาจะแย่งกลับมาได้

เมื่อนึกถึงตันหุยกู่ พวกเผ่าเพลิงฟ้ากับเผ่าปีศาจล้วนรู้สึกโมโห

ไร้ยางอายเกินไป

มีความสามารถสู้กับมังกรอสูรแท้ ๆ ทว่ากลับรอให้บอบช้ำกันทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยมาเก็บผลประโยชน์

พวกเขารอกอบโกยผลประโยชน์ทีหลังนี่เอง

กู้ชูหน่วนตบไหล่ฝูกวง “พักผ่อนเพียงพอแล้ว เริ่มงานได้”

“หา……”

เริ่มงานอะไร?

“เจ้าหลบไปก่อน ไว้ข้าต้องการเจ้าเมื่อไหร่ ข้าจะเรียกเจ้าเอง”

กู้ชูหน่วนพูดในขณะที่เดินไปคว้าดินโคลนมาทาหน้า แววตาเปี่ยมไปด้วยแผนการและความมั่นใจในตัวเอง