ชายชราเปิดกล่องสมบัติ เผยให้เห็นถึงมงกุฎกระดูกที่อยู่ภายใน คว้ามือจับ และชูสูงขึ้น
เจ็ดร่างแสงเบื้องบนหันมามองเขาเป็นสายตาเดียวทันที
“ที่แท้ก็เป็นผู้ศรัทธาแห่งข้านี่เอง”
มนุษย์แสงเอ่ยขึ้นเบาๆ
ว่าจบ บทสวดศักดิ์สิทธิ์พลันบรรเลง ดังลงมาจากเบื้องบน
อำนาจอันไร้ที่สุดสิ้นกลายเป็นแสงสีฟ้าสดใส สาดกระทบเข้ากับตัวเขา เฉิดฉายไปตลอดทั้งเขาวงกต
ผู้ที่พยายามจะโจมตีหรือฉกชิงสิ่งประดิษฐ์เทวะจากชายชรา รับรู้ได้ถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่นี้ทันที
“เทพวิญญาณ! นี่คือเทพวิญญาณแห่งมิติและเวลา!”
บางคนตะโกนด้วยความยำเกรง
ผู้คนต่างคุกเข่ากับพื้น โค้งศีรษะลง
ภายใต้ความคุ้มครองของเทพ ย่อมไม่มีใครคิดกล้าปล้นชิงกับชายชราอีก
หากใครบางคนกล้าที่จะทำเช่นนั้น ความผิดนี้คงมิแคล้วทำให้เทพวิญญาณต้องขุ่นเคือง
มนุษย์ไม่ควรล่วงเกินเทพวิญญาณ มิฉะนั้นจะถูกประหารโดยตรงจากทางคริสตจักร
ในดินแดนชิงอำนาจ ความศรัทธาน่ะ นับเป็นสิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกผู้คน
เทพวิญญาณทั้งเจ็ดถือเป็นที่สุดเสมอมา กระทั่งนักบวชซึ่งเป็นสาวกของเทพวิญญาณ ก็ไม่สมควรถูกดูหมิ่น
ทว่าขณะนี้ เทพแห่งมิติและเวลาได้มาปรากฏกายขึ้นด้วยตนเอง!
กู่ฉิงซานเฝ้ามองและรอดูสถานการณ์ในเวลานี้ สมองของเขาได้พิจารณาและตัดสินใจเด็ดขาด
เขากัดฟันและหยิบเหรียญออกมา
เหรียญที่จะสามารถช่วยให้ตนย้อนเวลากลับไปเมื่อห้านาทีก่อนได้!
ปากอ้าเตรียมที่จะร่ายคาถา ทว่ากลับเห็นแค่เพียงเหรียญที่หลุดออกจากมือของเขา ลอยขึ้นไปในอากาศบางเบา
มือหนึ่งคว้าจับเหรียญและลูบไล้มัน
เป็นมนุษย์แสง
ร่างแสงทั้งเจ็ดบัดนี้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่สาดแสงศักดิ์สิทธิ์ ครอบครองคู่ปีก และปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
มนุษย์แสงมองกู่ฉิงซาน เอ่ยคำถามที่แฝงความนัยคล้ายไม่พึงใจ
“ผู้โชคดีคนแรกที่สามารถเข้าสู่วงกตเอ๋ย เหตุใดเจ้าจึงอยากย้อนกลับไปเมื่อห้านาทีก่อน?”
แสงที่อยู่ตามตัวมัน คล้ายกับกระแสธารปั่นป่วน โอบเข้ารายล้อมกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานราวกับตกอยู่ท่ามกลางพายุและคลื่นทะเลเดือดพล่าน ตนตระหนักได้ว่าย่อมสามารถถูกบดขยี้ได้ตลอดเวลาโดยอำนาจเทวะอันยิ่งใหญ่นี้
เขาทราบชัดว่าตนอยู่ในระหว่างช่วงเวลาเป็นตาย
สมองเร่งเร้าหาหนทางแก้ปัญหา หนึ่งมือยกชี้ไปทางชายชราและตะโกนด้วยความขุ่นข้อง “เห็นได้ชัดว่าผมมาก่อน ฉะนั้นผมต้องการย้อนกลับไปเมื่อ ห้านาทีที่แล้ว และเก็บกู้สิ่งประดิษฐ์เทวะนั่นด้วยตัวเอง”
มนุษย์แสงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาทางกู่ฉิงซานอย่างอ่อนโยน
สมบัติสองกล่องลอยออกมาจากถุงสัมภาระของกู่ฉิงซาน ตกลงในมือของมนุษย์แสง
กล่องสมบัติถูกเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
คู่ดวงตาอันมืดมิด
และแท่งกระดูกยาว
มนุษย์แสงเมื่อเห็นสองสิ่งประดิษฐ์เทวะ อำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดบนร่างกายของมัน ที่แต่เดิมกระชากไปมาคล้ายกำลังจะถูกระเบิดออกก็ค่อยๆ สงบลง
มงกุฎกระดูกลอยตามมา และหยุดลงเบื้องหน้าของมนุษย์แสง
สามสิ่งประดิษฐ์เทวะลอยล่องอย่างเงียบๆ
ในขณะนี้ พวกมันได้มาอยู่พร้อมหน้าแล้ว
มนุษย์แสงกล่าว “ไม่จำเป็นต้องอธิบายอื่นใดอีก ข้ารับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าแล้ว”
มันท่องคาถากับสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสาม
จากนั้น มนุษย์แสงก็เริ่มหมุนควงกระดูกยาว ลั่นเสียงฮ่า!สดใส ฟาดไปทางร่างของยักษ์ผู้พิทักษ์หุบเหวด้วยเจตนาร้าย
ท่ามกลางการฟาดและตวาดของมนุษย์แสง กระดูกขาวนับไม่ถ้วนผุดออกมาจากพื้นดิน กระแทกเข้าใส่ยักษ์ใหญ่อย่างรุนแรง
เงาขนาดใหญ่หลุดออกมาจากตัวยักษ์ ส่งเสียงสะอื้นระงม มุดหายกลับลงไปในใต้ดิน
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่เกิดจากการกระตุ้นสิ่งประดิษฐ์เทวะ มอนสเตอร์ก็ไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป ละทิ้งร่างสิงสู่ ผลุบหนีกลับไปยังส่วนลึกของพื้นโลก
ทันใดนั้นยักษ์ใหญ่ก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง
มันมองไปยังมนุษย์แสงเบื้องบน คุกเข่าก้มตัวลงอย่างรีบร้อน
ราชาแมงป่องเองก็คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน
โดยข้างกายเขา มีราชินีแมงป่องกับลูกชายของเธอ ที่ไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ไหน คุกเข่ารวมอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะยังปลอดภัยดี
มนุษย์แสงแสดงออกถึงความพึงพอใจ เขาเอ่ยกับกู่ฉิงซาน “เจ้ามิจำเป็นต้องย้อนเวลากลับไป อันที่จริง การที่เจ้าสามารถค้นหาสิ่งประดิษฐ์เทวะได้ถึงสองชิ้นนับว่าประเสริฐยิ่งแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก”
จากนั้น มันก็กล่าวคำที่กู่ฉิงซานย่อมไม่มีวันลืมเลือน
“แต่สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าก็คือ การที่เจ้าได้คนพบเธอ”
เธองั้นเหรอ?
กู่ฉิงซานตกใจ
ไม่รีรอให้ขบคิด มนุษย์แสงเริ่มท่องคาถาออกมา
หากกู่ฉิงซานได้ยินไม่ผิดนี่คือบทสวดภาษาโบราณ
“จงคุมขัง”
ด้วยเสียงของมนุษย์แสง มงกุฎกระดูกก็ย้อยลงไปตกลงบนศีรษะของซีน้อย
กระดูกยาวบางส่วนแตกออก เปลี่ยนเป็นชิ้นส่วนต่างๆ ของเกราะรบที่ดูซีดเซียวแต่ขณะเดียวกันก็สง่างาม ประกบสวมทับลงตลอดทั้งร่างของซีน้อยโดยสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดเป็นคู่ดวงตามืดมิด มันค่อยๆ ย้อยลงไปตกลงบนสองตาของซีน้อย
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด กู่ฉิงซานกับซีน้อยมิอาจขยับกายเคลื่อนไหวได้เลย
ตูม!!
โดยมีซีน้อยเป็นจุดศูนย์กลาง บังเกิดคลื่นอัดอากาศอันไร้ที่สิ้นสุดกวาดกระจายไปทั่วสารทิศ
ซีน้อยหันขวับไปมองกู่ฉิงซาน กล่าวอย่างไร้หนทาง “ฉิงซาน…”
นี่คือคำสุดท้ายของเธอ
วินาทีต่อมา ศีรษะของซีน้อยก็ห้อยตกลง ทั้งคนทั้งร่างตกอยู่ในอาการสลบไสล
มนุษย์แสงวาดมือในความว่างเปล่า และซีน้อยก็ค่อยๆ ร่วงตกลง
และหายวับไปจากโลกใบนี้
กู่ฉิงซานแข็งค้าง
มนุษย์แสงไม่เหลือบมองเขาอีกต่อไป ค่อยๆ บินเข้าไปบนชั้นอากาศ
คู่ปีกที่อยู่เบื้องหลังมันสั่นไหวอย่างรวดเร็ว
พริบตานั้น ผู้คนจากโลกทั้งสองร้อยล้านชั้นต่างก็สัมผัสได้ถึงอำนาจของมัน
ท่ามกลางโลกนับไม่ถ้วน ผู้คนต่างพากันคุกเข่าลงบนพื้นดิน น้อมเคารพประกบมืออธิษฐานต่อทวยเทพ
ในทุกๆ โลก มนุษย์แสงปรากฏขึ้นพร้อมกับฉายภาพเขาวงกตขึ้นเบื้องหน้าต่อทุกสิ่งมีชีวิต
โลกทั้งสองร้อยล้านชั้นต่างเฝ้ามองถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวงกต
มนุษย์แสงกล่าวอย่างเคร่งขรึมและรวบรัด “ทุกสิ่งมีชีวิตในโลกตลอดทั้งสิบทิศเอ๋ย จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าเหตุการณ์ในวันนี้ เปรียบดังเทพวิญญาณได้เฉลยความจริงให้พวกเจ้ารับรู้”
ทุกคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ต่างสวดภาวนาตามพระนามของเทพวิญญาณที่ตนศรัทธา
มนุษย์แสงมองชายชราที่ค้นพบมงกุฎกระดูก เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “เจ้าช่วยให้เทพวิญญาณสามารถผนึกความชั่วร้ายได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ดังนั้นตอนนี้ข้าขอถามเจ้า ว่าความปรารถนาของเจ้าคือสิ่งใด?”
ชายชราร่ำไห้ ร้องตะโกนด้วยความตื้นตันและตื่นเต้น “ท่านเทพ ตัวข้าปรารถนาที่จะได้เป็นกึ่งเทพ!”
“เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“เช่นนั้นจงคุกเข่าลง เจ้าเป็นผู้ศรัทธาในเทพแห่งมิติและเวลา และควรจักจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งมิติและเวลาเสียก่อน” มนุษย์แสงกล่าว
ชายชราคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่ลังเล
มนุษย์แสงโผบินมาเบื้องหน้าเขา และแตะลงเบาๆ ตรงหว่างคิ้วของชายชรา
พริบตานั้น แสงสีฟ้าสว่างสดใสพลันระเบิดออกมาจากหว่างคิ้วของชายชราอย่างกะทันหัน
รังสีแสงวิบวับนี้ผุดออกมา และค่อยๆ ห่อหุ้มร่างกายของชายชราเอาไว้โดยสิ้นเชิง ก่อตัวจับกันเป็นกลุ่มแสงสีฟ้าที่สาดประกายราวกับผลึกแก้ว
มนุษย์แสงกดมือลงบนแสงสีฟ้าและเอ่ยถาม “มีผู้รับใช้วิหารแห่งมิติและเวลาอยู่หรือไม่?”
ท่ามกลางโลกหลายร้อนล้านชั้น วิหารแห่งมิติและเวลาที่อยู่ในห้วงทะเลลึก พระสันตะปาปากับบิชอปทั้งแปดคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าว “พระวิญญาณแห่งเทพทั้งเจ็ด ผู้รับใช้ของเทพมิติและเวลา กำลังเฝ้ารอคอยคำสั่งของท่านอยู่”
มนุษย์แสงผลักกลุ่มแสงสีฟ้านี้ข้ามโลกนับไม่ถ้วน ส่งไปยังวิหารมิติและเวลาโดยตรง
มนุษย์แสงกล่าว “ข้าขอสั่งให้เจ้าเลือกผู้ศรัทธาไร้มลทิน ให้มารายล้อมรอบนักบุญผู้ยังหลับใหลผู้นี้ และร่ายบทสวดแห่งมิติเวลาต่อเนื่องยาวนานเจ็ดวัน จนกระทั่งนักบุญผู้นี้ได้กลายเป็นกึ่งเทพ และตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ ”
“พวกเราจะเชื่อฟังและทำตามประสงค์ของท่าน”
พระสันตะปาปาหันไปออกคำสั่งกับบิชอปทั้งแปด แม้กระทั่งผู้ศรัทธาในเทพแห่งมิติและเวลาจากโลก สองร้อยล้านชั้นเองก็ตกปากรับคำ
จบเรื่องนี้ มนุษย์แสงก็บินกลับมาหากู่ฉิงซาน
มันลอยอยู่บนเบื้องสูง และประกาศอีกครั้งต่อหน้าโลสองร้อยล้านชั้น “เบื้องหน้าข้า คือผู้รับใช้ที่มีความศรัทธาอันลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง”
“เขาได้ช่วยเหลือทวยเทพโดยการเก็บกู้ถึงสองสิ่งประดิษฐ์เทวะ และปิดผนึกความชั่วร้าย”
“เขาได้ช่วยเหลือเทพวิญญาณ ผนึกอาวุธที่ทรงพลังมากเกินไป”
“ดังนั้นพระคุณและความเมตตาของทวยเทพจึงถูกสงวนไว้ให้กับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์และยอดเยี่ยมผู้นี้”
“แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมกับวิหารใดๆ แต่ข้าจะอนุญาตให้เขาจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้”
“เอาล่ะ จงเอ่ยในสิ่งที่เจ้าเลือกต่อหน้าสรรพสัตว์ทั้งมวล”
มนุษย์แสงเฝ้ามองกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานเองก็เฝ้ามองมนุษย์แสง
ท่ามกลางโลกนับล้านๆ สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ในขณะนี้ ต่างก็รับชมการตัดสินใจเลือกจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานไตร่ตรอง สักพักสีหน้าของเขาเริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันใด
“ท่านเทพ ผมปรารถนาสิ่งใดก็ท่านย่อมประทานให้ วาจาของท่านสัตย์จริงหรือไม่?”
“วาจาของทวยเทพล้วนสัตย์จริง” มนุษย์แสงกล่าว
กู่ฉิงซานสรรเสริญ “ท่านเทพวิญญาณผู้ทรงภูมิและยิ่งใหญ่ ผมไม่ต้องการเป็นกึ่งเทพ แต่มีแค่ความปรารถนาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”
“เจ้ามิต้องการเป็นกึ่งเทพกระนั้นหรือ?”
“ผมไม่ต้องการ”
“ตกลง เช่นนั้นจงบอกความปรารถนาอื่นของเจ้ามา” มนุษย์แสงกล่าว
“เด็กผู้หญิงเมื่อครู่นี้ ใช่ คนที่ท่านพึ่งจะพาตัวไปนั่นแหละ ผมปรารถนาให้เธอกลับมา” กู่ฉิงซานกล่าว
มนุษย์แสง “มนุษย์ที่น่าสงสาร ดวงตาของเจ้าช่างมืดบอด จงอย่ามองเธอแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก จงอย่าได้มัวเมาไล่ตามในสิ่งที่ผิด ข้าต้องบอกเจ้าตามตรงว่าคำขอนี้ถือได้ว่าเป็นลางร้าย”
กู่ฉิงซาน “แต่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา หากท่านเทพเมตตาต่อทุกชีวิตทั้งมวลจริงๆ ผมเชื่อว่าท่านเทพย่อมไม่ปฏิเสธ”
มนุษย์แสง “มนุษย์เอ๋ย เธอคนนั้นเป็นเพียงอาวุธที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสงคราม และตอนนี้สงครามมันก็จบลงไปแล้ว”
“มนุษย์เอ๋ย เจ้าควรตระหนักให้จงดี ว่านี่คือช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเจ้า และเจ้าไม่จำเป็นต้องไปพะวงเกี่ยวกับเรื่องไม่สำคัญที่ว่านั่น”
กู่ฉิงซานเปล่งเสียงกระซิบ “ไม่ นี่มิใช่เรื่องไม่สำคัญ แต่เธอเป็นมนุษย์ เป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ท่านเทพวิญญาณ ผมยินยอมแลกเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ทั้งหมดเพื่อได้เธอกลับคืนมา”
มนุษย์แสง “เจ้าทราบหรือไม่ว่ากำลังจะพลาดสิ่งใดไป? หากเจ้ายินยอมเป็นกึ่งเทพ เจ้าจะสามารถเลือกหนึ่งในเจ็ดวิหาร จากนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นตัวแทนของเทพวิญญาณ ด้วยพระพรของเทพวิญญาณทั้งเจ็ด เจ้าจะสามารถมุ่งสู่หนทางอันยิ่งใหญ่อย่างการบรรลุเป็นเทพที่แท้จริงได้”
“มนุษย์เอ๋ย เมื่อเจ้ากลายเป็นเทพที่แท้จริง พลังอำนาจของเจ้าจะเหลือล้น ชนิดบดบังปฐพีและชั้นฟ้า ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ต้องหมอบกราบอยู่ใต้ฝ่าเท้าเจ้า”
“ดังนั้น จงละทิ้งสิ่งลวงตาในจิตใจตนเสีย และคุกเข่าลงต่อหน้าข้า ข้าจะมอบอำนาจสูงสุดให้แก่เจ้าเอง”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ ปากเปล่งเสียงกระซิบ “มันไม่เกี่ยวกับว่าอำนาจที่จะได้รับมามันแข็งแกร่งเพียงใด มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น เหตุที่ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนไขว่คว้าพลัง ในการเป็นกึ่งเทพหรือกลายเป็นเทพ ไม่ใช่เพราะต้องการพลังเพียงอย่างเดียว”
“ไร้สาระ! แล้วเจ้าคิดว่าทุกสรรพชีวิตต้องการพลังไปเพื่ออะไรกัน?” มนุษย์แสงถาม
กู่ฉิงซานหลับตาลง
ฉากต่างๆที่เขาอยู่ร่วมกันกับซีน้อยปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงคิด
“งั้นก็หยุดอยู่เฉยๆ… และยอมให้ปล้นซะดีๆ!”
“นายคิดจะฆ่าฉันเหรอ?” เธอเหมือนจะร้องไห้
เธอชูสองแขนขึ้น ตะโกนโห่ร้อง “ยอดไปเลย ในที่สุดฉันก็มีคู่หูแล้ว!”
ซีน้อยมองไพ่ และกล่าว “ฉันไม่เคยมีคู่หูมาก่อนเลย ดังนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ใช้ไพ่ใบนี้”
เธอเอ่ยปากกล่าวกับเขาเบาๆ “เพราะเทพวิญญาณบอกฉันว่า ชีวิตของฉันมีเพียงสองสิ่งเท่านั้น นั่นคือการต่อสู้และหลับใหล”
“ฉันรักดอกไม้เหล่านี้ และรู้สึกสุขที่ได้ท่องไปตามโลกต่างๆ”
“แก้แค้น?” ซีน้อยทวนคำ “แก้แค้นหมายความว่ายังไง?”
“ฉัน…ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงดี” เธอเปล่งเสียงกระซิบ สองมือกุมชามแล้วยกขึ้นซดอีกที
“ฉันแค่อยากจะช่วยให้นายกลายเป็นกึ่งเทพ”
“แค่อยากช่วยนาย”
“แค่อยากช่วย…”
ใช่
เธอแค่ต้องการจะช่วยให้ฉันกลายเป็นกึ่งเทพเท่านั้น
นั่นคือความปรารถนาทั้งหมดของเธอ
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น ปากลั่นคำขาด “ความปรารถนาเดียวของผมคือต้องการให้มนุษย์เช่นเธอมีชีวิต!”
“ผมต้องการให้เธอได้ใช้ชีวิตที่แท้จริงอีกสักครั้ง!!!”
……………………