เมื่อกู่ฉิงซานเปล่งคำเหล่านั้นออกมา ผู้คนในโลกนับล้านๆ ต่างพากันสะดุ้งเฮือก
ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนเลย ว่าจะมีบางคนกล้าที่จะแข็งขืนต่อประสงค์ของทวยเทพ และเรียกร้องทวงชีวิต คืนชะตากรรมให้แก่อาวุธ
“ถูกครอบงำไปแล้วหรือไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าบาปร้ายแรงเพียงใดกันที่เจ้ากำลังจะก่อขึ้น?” น้ำเสียงของมนุษย์แสงเปลี่ยนไป
กู่ฉิงซานจ้องมนุษย์แสงไม่หลบตา “ผมรู้ แต่ผมก็รู้ว่าวาจาของเทพวิญญาณนั้นสัตย์จริงเช่นกัน”
มนุษย์แสงชะงักไป
เพราะนี่คือคำถามก่อนหน้าที่กู่ฉิงซานเอ่ยถามมนุษย์แสง ก่อนจะแสดงความปรารถนาของตนออกมา
และคำตอบของมนุษย์แสงคือ ‘วาจาของทวยเทพย่อมสัตย์จริง’
กู่ฉิงซานผายมือของเขา ผุดรอยยิ้มเย็น “เช่นนั้นนี่มันอะไรกัน? ท่านเทพวิญญาณเคารพและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าทุกชีวิต ท่านจึงกลับคำ?”
“บังอาจ!”
มนุษย์แสงตะโกนด้วยความโกรธ
อำนาจมหาศาลของมันเปรียบดั่งคลื่นสึนามิ โถมทับสร้างแรงกดดัน สั่นสะเทือนโลกทั้งสองร้อยชั้น สรรพชีวิตทั้งหมดอดไม่ได้ต้องตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว
ร่างของทุกผู้คนล้วนสั่นเทา
เป็นแค่สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยและอ่อนแอ แต่กลับกล้าที่จะล่วงเกินเทพวิญญาณอย่างกะทันหัน สร้างความโกรธอย่างลึกล้ำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสายธารแห่งประวัติศาสตร์
แม้แต่ในพระคัมภีร์หรือตำนานโบราณ ปรากฏการณ์นี้ล้วนไม่เคยถูกบันทึกไว้เลยว่าเคยเกิดขึ้น
ทว่า…
นับแต่สมัยโบราณกาล จวบจนถึงปัจจุบัน วาจาของเทพวิญญาณมิเคยบิดพลิ้ว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ เทพวิญญาณคิดจะกลืนคำพูดของตนเองอย่างงั้นหรือ?
ห้วงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ค่อยๆ เติบโตขึ้นจากในจิตใจของผู้คนจำนวนมากอย่างเงียบๆ
มนุษย์แสงยกแท่งกระดูกขาว ชี้ไปทางกู่ฉิงซาน “สรรพชีวิตทั้งมวลเอ๋ย พวกเจ้าจงเบิ่งตาดูฉากที่กำลังจะเกิดขึ้นเบื้องล่างนี้ให้จงดี”
ทุกผู้คนเงยหน้าขึ้น
มนุษย์แสง “ไม่ว่าเจ้าจะเคยทำคุณงามไว้เลอเลิศเพียงใด ทว่าหากคิดต่อต้านเทพวิญญาณ มันก็จะต้องพบกับจุดจบแบบนี้”
ในตลอดทั้งวงกต หิมะพลันเหือดหาย ต้นไม้ พืชพันธุ์ทั้งหมดขึ้นมาแทนที่ สภาพแวดล้อมกลายเป็นเขียมชอุ่ม ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกอาบด้วยรัศมีของเทพวิญญาณ
มนุษย์แสงลอยอยู่กลางอากาศ เปล่งประกายจรัส แผ่ขยายรัศมีออกทั่วโลกหล้า
อย่างไรก็ตาม เฉพาะเพียงในจุดที่กู่ฉิงซานยืนอยู่เท่านั้น ที่ถูกแปรสภาพเป็นทะเลทรายอันแห้งแล้ง
มนุษย์แสงเริ่มเอ่ยปากว่า
“ลึกลงไปในโลกใบนี้ มีความชั่วร้ายถูกผนึกเอาไว้อยู่ และสิ่งที่มนุษย์ผู้นี้คิดก็มิแตกต่างไปจากความชั่วร้ายเลย”
“ดังนั้น ข้าจะผนึกเขาและความชั่วร้ายเอาไว้ด้วยกัน”
ชายร่างใหญ่กล่าวเบาๆ วาดแท่งกระดูกขาวชี้ไปทางกู่ฉิงซาน
แสงอันศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนตัวกู่ฉิงซาน
มนุษย์แสง “ข้าจักมอบพลังอำนาจให้แก่เจ้า พลังที่มากพอจะใช้ต่อกรกับสิ่งชั่วร้าย ทว่ามันจะคงอยู่ได้ไม่นานเกินไป”
“เจ้าจะต้องต่อสู้กับความชั่วร้ายในฐานะผู้รับใช้แห่งทวยเทพในผนึก”
“เมื่อเจ้ายอมแพ้ในการต่อสู้ เจ้าก็จะถูกกลืนกินโดยความชั่วร้ายทันที”
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ยอมพ่ายแพ้ในการต่อสู้ แต่อำนาจแห่งเทพวิญญาณที่มอบให้ก็จะอ่อนแอลงภายในสิบนาที”
“เมื่ออำนาจที่เทพวิญญาณมอบให้แก่เจ้าค่อยๆ ถดถอยลง ถึงเวลานั้นเจ้าจะได้ค้นพบว่าตัวเจ้ามันต้อยต่ำเพียงไร”
“ความชั่วร้ายที่ถูกผนึกจะโลมเลีย กัดแทะทั้งกายและจิตวิญญาณของเจ้า”
“เมื่อเข้าใกล้ความตาย เจ้าจะได้รู้ซึ้ง ว่ามีเฉพาะเพียงอำนาจที่ทวยเทพประทานให้เท่านั้น จึงจะสามารถช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากความชั่วร้ายได้”
“เจ้าจะต้องเสียใจและเจ็บปวด เจ้าจะตระหนักได้ว่าตนเองทำสิ่งที่ผิดพลาดและไม่มีวันหวนคืน”
“ถูกผนึกอยู่ที่นี่ และถูกกลืนกินโดยความชั่วร้าย นั่นคือบาปเจ้าจักต้องชดใช้!” มนุษย์แสงตะโกน
พร้อมกันกับพระประสงค์นี้ ด้วยเจตจำนงของเขา เม็ดทรายเบื้องล่างกู่ฉิงซานก็เริ่มเคลื่อนไหว
กู่ฉิงซานมิอาจขยับกายออกจากสถานที่นี้ได้ เขาทำได้เพียงค่อยๆ ปล่อยตนเองจมลงสู่ใต้ทะเลทราย
ร่างกายของเขาค่อยๆ จมลงไปในทรายดูด
ในที่สุดมนุษย์แสงก็กล่าว “มนุษย์เอ๋ย เหล่าทวยเทพแน่นอนว่าย่อมมีเมตตา ดังนั้นข้าจะอนุญาตให้เจ้ากลับใจ สำนึกใจความผิดตน”
“มาเถิด จงบอกมา จงบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้าต่อสรรพสัตว์ทั้งมวล และให้ทุกคนได้จดจำถึงเหตุผลที่นำเจ้าไปสู่ความตาย”
กู่ฉิงซานค่อยๆ จมลงไปในทะเลทราย
เขามิได้เอ่ยสิ่งใด
เพียงชูแขนขึ้น ขณะที่ทรายดูดยังไม่ฉุดลากร่างกายส่วนบนของเขาลงไป
ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตนับล้านๆ ในตลอดทั้งโลกสองร้อยล้านชั้น กู่ฉิงซาน ชู ‘นิ้วกลาง’ ใส่หน้าเทพวิญญาณ!
ตลอดทั้งหมื่นโลกาพลันจมลงสู่ความเงียบงัน
ทุกผู้คนต่างจ้องมองเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
นี่เขากล้างัด ‘สิ่งนั้น’ ออกมาได้อย่างไรกัน!
การแสดงออกในเชิงเหยียดหยามของสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นที่รู้จักในทุกอาณาจักร
และกู่ฉิงซานก็กำลังชูนิ้วกลาง ตั้งตรงแน่นิ่ง ไม่ขยับไหวใดๆ
นี่น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของเขา
เขายังคงรักษาท่วงท่านี้ไว้ จนกระทั่งร่างช่วงบนทั้งหมดจมลงไปในทรายดูด
ขณะที่ทรายกำลังเริ่มดูดลามไปถึงแขนที่ชูอยู่ของเขา แขนข้างนั้นก็เริ่มขยับไหว!
มันหุบนิ้วกลางกลับคืน นิ้วโป้งชูขึ้นแทนที่ จากนั้นก็ม้วนแขนพลิกตลบ ปลายนิ้วโป้งที่ชี้ขึ้นบน ถูกสลับกดมันลงมาข้างล่าง
ท่ามกลางทรายดูด ปรากฏเสียงหยามเหยียดดังขึ้น
“คำพูดที่แกเปล่งออกมา มันสมควรแล้วหรือที่จะเป็นวาจาจากปากของทวยเทพ?”
และแล้วทรายดูดก็จมทั้งแขนและนิ้วมือของเขาทั้งหมด
ทรายดูดค่อยๆ สลายหายไป
ทุกอย่างมันจบลงแล้ว
การต่อต้านและดูหมิ่นของมนุษย์ได้สิ้นสุดลง
เขาล่วงเกินเทพวิญญาณที่ได้บิดพลิ้วคำสัตย์ต่อตนเอง
ภาพที่น่าตกใจนี้ ตราตรึง ฝังลึกอยู่ในจิตใจของทุกผู้คน และเกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจลืมเลือนมันไปได้ตลอดชีวิต
มนุษย์แสงหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง
สำหรับการลงโทษมนุษย์ผู้นี้ มันไม่สามารถกระทำหรือลงมืออะไรได้มากกว่านี้อีกต่อไป
เพราะในบันทึกของพระคัมภีร์ เหล่าทวยเทพล้วนไม่คิดกลับคำ
แต่วันนี้ มันกลับถูกพบเห็นแล้ว ท่ามกลางสายตาของสิ่งมีชีวิตนับล้านล้าน
หากตอนนี้มันยังมอบบทลงโทษอื่นๆ ให้แก่กู่ฉิงซานอีก ความหมายของการกระทำย่อมเปลี่ยนไปในอีกรูปแบบหนึ่งทันที
และเทพผู้ทรงอำนาจและทรงภูมิ ย่อมมิอาจกระทำเช่นนั้นได้
เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ
ในที่สุด มนุษย์แสงก็เปิดปาก และประกาศออกไป
“ความชั่วร้ายได้ถูกผนึก และคนบาปเองก็จักต้องแบกรับกรรมจากการกระทำที่ตนได้ก่อขึ้น”
“ทวยเทพทรงมอบเส้นทางสู่การเป็นเทพให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวล แต่ขณะเดียวกัน ทวยเทพก็จักลงทัณฑ์ต่อผู้ที่คิดแข็งข้อกับพระประสงค์แห่งตนเช่นกัน”
“พวกเจ้าควรจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้จงดี”
“ผู้กระทำผิดจะต้องตาย!”
สิ้นประโยคนี้ มนุษย์แสงก็ทะยานตัวสูงขึ้น ระหว่างทางร่างกายของเขาก็สาดแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา เมื่อแสงจางลง ก็หลงเหลือให้เห็นแค่เพียงความว่างเปล่าแล้ว
มนุษย์แสงได้จากไป
ท่ามกลางโลกนับไม่ถ้วน สิ่งมีชีวิตทั้งมวลที่กำลังคุกเข่าลง ต่างโค้งศีรษะจรดพื้น แสดงความเคารพสรรเสริญ
…
ณ สุดปลายแห่งหนึ่งของดินแดนชิงอำนาจ
บุหรี่ถูกจุดขึ้นสูบ
ซางหยิงฮ่าวสูดหายใจลึก และพ่นควันเป็นวงออกมา
“สุดยอด…โคตรเท่เลย”
เขางึมงำกับตัวเอง และกระโดดลงจากเรืออวกาศ
ใครบางคนบนเรือตะโกน “อ้าวเฮ้? ทำอะไรน่ะ ไม่อยากจะนั่งเรือแล้วรึไง?”
“มันไม่จำเป็นแล้ว” ซางหยิงฮ่าวส่ายมือ
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่คืนเงินให้หรอกนะ” อีกฝ่ายจ้องเขา
ค่าเดินทางโดยเรือเป็นเงินก้อนใหญ่ ฉะนั้นเมื่อได้งับมันแล้ว เขาย่อมไม่มีทางปล่อยมันไป
“อ๋า เออๆ เอาไปเถอะ หวังว่าจะเป็นการเดินทางที่ดีสำหรับนายนะ” ซางหยิงฮ่าวยิ้ม
อีกฝ่ายจ้องเขาอย่างรอบคอบ ก่อนจะหันจากไป
โลกใบนี้มันคือที่ใช้เป็นทางผ่าน มันแห้งแล้ง ว่างเปล่า และแทบจะไม่มีกลุ่มอารยธรรมขนาดใหญ่อาศัยอยู่เลย
แต่ทำไมชายคนนี้ ทั้งๆ ที่จ่ายเงินมาแล้ว จู่ๆ ก็กลับไม่คิดจะออกเดินทางไป นี่มันเรื่องอะไรกัน?
กัปตันเรือบ่นพึมพำ “สงสัยจะบ้า”
เขาไม่ต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป และหันกลับมาออกคำสั่งให้เริ่มแล่นเรือ
เรืออวกาศลอยออกจากโลกใบนี้
ซางหยิงฮ่าวยืนอยู่ในสถานที่เดิม หยิบแว่นกันแดดออกมาสวมใส่
ไม่พบว่ามีใครอยู่รอบๆ
เสียงของเขาค่อยๆ เริ่มเย็นลง “ยโสยิ่งนัก มาทำแบบนั้นกับหุ้นส่วนของฉันได้ยังไง มันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วสินะ?”
ไพ่ถูกโยนลงไปเบื้องหน้าเขา
ปุ้ง!
กิ้งก่าเขียวปรากฏกายขึ้น
“เจ้าหนูหยิงฮ่าว เรียกหาข้าด้วยเรื่องใด? หรือเกิดการต่อสู้ขึ้น?”
กิ้งก่ากวาดสายตามองรอบๆ อย่างระแวดระวัง
“ผ่อนคลายเถอะบอส อันที่จริงแล้วฉันแค่มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จะเอ่ยถามน่ะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น กิ้งก่าก็ค่อยคลายใจลง มันกล่าว “ก็แล้วถ้ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่ถึงขั้นต้องเรียกข้าออกมาเลยหรือ? เอ๊อะช่างเถอะ ไหนลองว่ามาสิ”
ซางหยิงฮ่าวสูดควันลึกๆ เข้าปอด
แล้วพ่นมันออกมาจนฟุ้งไปทั่ว
เขาโยนบุหรี่ลงกับพื้น ยกเท้าขึ้นเหยียบๆ บี้ๆ มัน
“อ่า ฉันก็แค่อยากจะถามว่า ในประวัติศาสตร์ที่เทพวิญญาณตกตายลง มีวิธีไหนบ้างที่สามารถใช้ลอบฆ่าพวกเขาได้?”
เขาก้มหน้าลงเอ่ยถามกิ้งก่าที่นอนแผ่อยู่กับพื้น ราวกับเป็นเรื่องไม่น่าตื่นตระหนกใดๆ
กิ้งก่าเงยหน้าขึ้นมองเขา นิ่งอึ้งอยู่นานค่อยเอ่ยปาก “นี่มันใช้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไหนกัน?”
…
กู่ฉิงซานจมลงใต้ทะเลทราย
เขารู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ หลุดเข้ามาในชั้นค่ายกล แต่มันไม่ใช่ค่ายกลหรอก มันเป็นกำแพงอุปสรรคบางอย่างที่คล้ายกับค่ายกลต่างหาก
ดูเหมือนว่าเขากำลังจะถูกดึงดูดเข้าสู่ผนึก
แน่นอน ว่าสิ่งที่เรียกตนเองว่าเทพวิญญาณ ย่อมไม่มีทางจะมอบซีน้อยคืนกลับมา
มันยอมกลืนคำสัญญาของตนเอง ดีกว่าการคืนซีน้อย นี่หมายความว่ามันจะต้องคิดทำอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ
แล้วอะไรบางอย่างที่ว่านั่นมันเกี่ยวข้องกับซีน้อยยังไงกันนะ?
กู่ฉิงซานตริตรอง ก้มลงมองไปตามทางเบื้องล่าง
ภายใต้ทะเลทราย มันก็ยังคงเป็นทะเลทรายอยู่
แต่ตอนนี้เขามีที่ว่างพอสำหรับขยับกายแล้ว
กู่ฉิงซานก้มลงมองทรายที่กำลังดูดเขาลงไปอย่างช้าๆ
พื้นที่เบื้องล่างช่างกว้างขวาง มันมีขนาดใกล้เคียงกันกับตลาดมืด
เพียงแต่ว่าที่นี่มันไม่มีอะไรเลยก็เท่านั้นเอง
จะเหนือ ใต้ ออก ตก มองไปรอบๆ ที่ใดก็ล้วนเห็นแต่ทรายกับทราย
กู่ฉิงซานก้มลงมองดูตนเองอีกครั้ง
เขาค้นพบว่าบนร่างกายตน ปรากฏประกายจรัสซึ่งเกิดจากอำนาจที่ถูกมอบให้โดยมนุษย์แสง
และยิ่งนาน อำนาจที่ว่านี้ก็ยิ่งอ่อนแอลงอย่างช้าๆ
ร่างมนุษย์แสงต้องการให้เขาต่อกรกับความชั่วร้าย ในขณะเดียวกันตนก็ค่อยๆ สูญสิ้นความแข็งแกร่งไปอย่างช้าๆ จนสุดท้ายไม่สามารถต้านทานการโจมตีของมอนสเตอร์ลงได้ ต้องพ่ายแพ้ตกตายลงท่ามกลางการต่อสู้อันรุนแรงในที่สุด
เอาตรงๆ นี่มันคือการทรมานอย่างช้าๆ และโหดร้าย เป็นการหยอกเย้าให้ผู้ถูกกระทำค่อยๆ จมลงสู่ความสิ้นหวัง
“นายน้อย ท่านไม่เป็นอะไรนะ”
ในความว่างเปล่า เสียงกระวนกระวายของฉานนู่ดังขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเพียงหุนหันพลันแล่นไปหน่อย ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วงแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“ฉานนู่ ต่อจากไปนี้ในอนาคต เจ้าต้องคอยปรามข้าให้ดี หากต้องเผชิญกับเทพวิญญาณอย่างกะทันหันเช่นนี้อีก ครานี้มันเจ้าเล่ห์หาที่ใดเปรียบ เป็นข้าพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ต่อไปข้าจักต้องสุขุมให้มากกว่านี้” กู่ฉิงซานกล่าวเสียงกระซิบ
“ข้าทราบแล้วนายน้อย” ฉานนู่กล่าว
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็มาดูกันว่ามอนสเตอร์ที่ถูกคุมขังอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร”
กู่ฉิงซายยกสองแขนขึ้นกอดอก มองไปทางฝั่งตรงข้าม
กระแสพุ่งมาบรรจบกันในความว่างเปล่า ปรากฏเป็นเงาดำอันมืดมิด
“ผนึก…”
เงามืดเอ่ยด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าและโกรธแค้น “ต้องจมอยู่ในห้วงเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด ติดอยู่ในผนึกไปชั่วนิรันดร์ เจ้าสามารถรับรู้ เข้าใจถึงความเจ็บปวดนี้หรือไม่?”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “ข้าเข้าใจอย่างสุดซึ้ง”
เงามืดจู่ๆ ก็แผดเสียงคำรามออกมา “มนุษย์ชั่วช้า! ในเมื่อเจ้าครอบครองอำนาจนั่น ข้าก็จะต้องสังหารเจ้า! เลือดเนื้อของเจ้าจักต้องกลายเป็นอาหาร จึงจะสามารถบรรเทาความเกลียดชังในหัวใจของข้าได้!”
กู่ฉิงซานชี้ลงมายังรัศมีศักดิ์สิทธิ์บนร่างกายเขา เอ่ยถามอย่างจริงจัง “นายกำลังหมายถึงเจ้าสิ่งนี้อย่างงั้นหรือ?”
เงามืดไม่คิดตอบคำอีกต่อไป
มันกระจายหลายร้อยรัศมีทมิฬออกมา ทั้งหมดพุ่งฉวัดเฉวียนเข้าหากู่ฉิงซานจากทุกทิศทาง
กู่ฉิงซานยังคงยืนกอดอก มิแสดงออกถึงท่าทีหรือความตั้งใจที่จะต่อต้าน
รัศมีแสงมืดมิดนับร้อยพุ่งเข้าโอบล้อมกู่ฉิงซาน เตรียมระเบิดการโจมตีครั้งสุดท้าย
ช่วงเวลาที่ร่างตนกำลังจะถูกแยกส่วน กู่ฉิงซานก็ยังมิคิดขยับกายเคลื่อนไหว
ทว่าขณะเดียวกัน รัศมีเงามืดทั้งหมดก็หยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน
เนื่องเพราะวาจาที่กู่ฉิงซานเอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำ
“สนใจจะร่วมมือกันออกไปจากที่นี่รึเปล่าล่ะ?”
………………………