ท่ามกลางกระแสมิติอันสับสนวุ่นวาย
ยานอวกาศสองลำพุ่งชนกัน ก่อนจะร่อนลงจอดในโลกที่ถูกทิ้งร้างในบริเวณใกล้เคียง
นักบวชจากวิหารแห่งความตาย และอัศวินจากวิหารแห่งโชคชะตา ทั้งหมดต่างก็กำลังร้อนรน ทว่าทุกคนกลับไม่ได้รับอนุญาตให้แทรกตัวเข้าไปวุ่นวายแม้เพียงก้าว
ในระยะห่างไกลออกไปหลายพันเมตร การต่อสู้รุนแรงเป็นประวัติการณ์กำลังปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เปรี้ยง!
คลื่นสั่นสะเทือนที่เกิดจากฝีมือจากการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสอง กินระยะแผ่ขยายเป็นวงกว้าง กรรโชกเป็นสายลมแรง กวาดเข้าใส่ฝูงชน
ผู้นำนักบวชจากวิหารแห่งความตายเอ่ยถามเสียงดัง “เมื่อไหร่คนระดับอาวุโสของพวกเจ้าจะมาถึง”
อัศวินจากวิหารแห่งโชคชะตาตอบกลับอย่างหมดหนทาง “ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ทางเราก็ได้ส่งข้อความฉุกเฉินไปแล้ว ฉะนั้นมันควรจะไม่นานนัก”
เงยหน้าขึ้นมองนักบวชแห่งความตายและเอ่ยถาม “ว่าแต่ระดับอาวุโสทางฝั่งท่านเล่า? อีกนานหรือไม่กว่าจะมาถึง”
นักบวชแห่งความตายกล่าวด้วยความขมขื่น “เกรงว่าต่อให้ระดับอาวุโสของข้ามาถึง ก็ไม่น่าจะมีใครหยุดยั้งนางได้ในครั้งนี้”
ทั้งสองต่างมองกันและกันอย่างช่วยไม่ได้ ในหัวใจบังเกิดความรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย
อันที่จริงแล้ว ช่วงที่ทั้งสองฝ่ายร่ำลาและแยกจากกัน ทุกอย่างมันก็ยังคงเป็นไปด้วยดีชัดๆ แต่ใครจะรู้ ว่าจู่ๆ หลังจากได้รับข้อมูลบางอย่าง ซูเซี่ยเอ๋อกลับสั่งให้ยานอวกาศของเธอ ไล่ตามยานอวกาศของวิหารแห่งความตาย
หลังจากปะทะกัน การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ปะทุขึ้น
ตอนแรกฝูงชนจากแต่ละฝั่งก็เตรียมที่จะลงมือโจมตีกันอยู่หรอก
แต่แอนนากับซูเซี่ยเอ๋อตะโกนหยุดไว้ในเวลาเดียวกัน
จากนั้น พวกเธอก็สาดฝีปากใส่กันไม่กี่คำ แล้วการต่อสู้ตัวต่อตัวก็บังเกิดขึ้น เวลานี้ คนจากแต่ละฝ่ายจึงค่อยเข้าใจ ว่านี่มันเป็นความคับข้องใจระหว่างบุคคล
ไม่สิ สมควรกล่าวว่ามันเป็นความสัมพันธ์ฉันมิตรที่พิเศษมากๆ คงจะถูกต้องกว่า
ด้วยเหตุฉะนี้เอง มันจึงไม่มีที่ว่างให้คนอื่นๆ เข้าแทรกแซง หรือไม่มีโอกาสแม้จะเอ่ยโน้มน้าวใจใดๆ
ควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งของทั้งสองที่เหนือล้ำไปไกลห่างกว่าพวกเขา ดังนั้นทั้งหมดจึงทำได้แค่เพียงเฝ้าดูทั้งสองต่อสู้กัน
ห่างออกไปหลายพันเมตร
แอนนากับซูเซี่ยเอ๋อกำลังสาดการโจมตีใส่กันอย่างรุนแรง
แสงสีเทา และเปลวเพลิงสีดำแห่งความตาย ปะทะเข้าหากัน ก่อให้ผลพวงขนาดใหญ่ คลื่นระเบิดกวาดแยกผืนฟ้า สั่นสะเทือนผืนปฐพี
ซูเซี่ยเอ๋อกัดฟัน และทุ่มความพยายามทั้งหมด ระเบิดออกไปอย่างเต็มที่
แอนนาเองก็ไม่ยินยอมแสดงความอ่อนแอของตนออกมา เธอปลดปล่อยพลังขั้นสุดที่ตนมีเช่นกัน
การต่อสู้ยิ่งนาน ก็ยิ่งค่อยๆ ก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
ในจังหวะสุดท้าย คทาของซูเซี่ยเอ๋อวางพาดลงบนคอของแอนนา ขณะที่คมเคียวแหลมของแอนนา จี้รอบคอของซูเซี่ยเอ๋อ
ในช่วงเวลานั้นเอง บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นในฉับพลัน ตลอดทั้งโลกนับล้านๆ…
ร่างมนุษย์แสงพลันปรากฏขึ้น
มันโผล่มาเบื้องหน้าทุกสิ่งมีชีวิตในดินแดนชิงอำนาจ และมอบรางวัลได้แก่ชายชรากับกู่ฉิงซาน
ยามเมื่อเห็นถึงฉากดังกล่าวบนท้องฟ้า ซูเซี่ยเอ๋อกับแอนนาก็หยุดมือในท้ายที่สุด
พวกเธอเฝ้าดูมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเหตุการณ์นั้น
เหตุการณ์ที่กู่ฉิงซานถูกดูดลงไปในทะเลทราย จมหายไปในผนึกของเทพวิญญาณ
และเทพวิญญาณประทานอำนาจให้แก่เขาเพียงสิบนาทีเท่านั้น
หลังจากนั้น เขาก็จะถูกกลืนกินโดยความชั่วร้าย และตกตายลงอย่างน่าสังเวช
และแล้ว ฉากบนท้องฟ้าก็ค่อยๆ จางหายไป ภาพในโลกใบนั้นสลายไปโดยสมบูรณ์
ทุกอย่างจบลงแล้ว
เทพวิญญาณได้ลงทัณฑ์เป็นการส่วนตน ชะตากรรมของกู่ฉิงซานย่อมถึงวาระ
หญิงสาวทั้งสองแข็งค้างในสถานที่เดียวกัน มิอาจขยับกายเคลื่อนไหว
“ฉิงซาน…”
แข้งขาอ่อนเปลี้ย ซูเซี่ยเอ๋อคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มของเธอ
วินาทีต่อมา เธอก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย โยนตัวเองเข้าใส่คมเคียวทมิฬ
“นั่นเธอคิดจะทำอะไรน่ะ!” แอนนาตะโกน
เธอชักฝีเท้าถอยกลับไปหลายก้าว ยกเคียวยาวขึ้นสูงเพื่อป้องกันมิให้ตัวของซูเซี่ยเอ๋อสัมผัสถูกกับเพลิงทมิฬที่ลุกไหม้อยู่บนมัน
ซูเซี่ยเอ๋อส่ายหัว ยิ้มอย่างขมขื่น “สิ่งเดียวที่ฉันเหลืออยู่ในโลกใบนี้คือเขา และในเมื่อตอนนี้เขาจากไปแล้ว ฉันก็ต้องตามเขาไป”
สีหน้าแอนนาแปรเปลี่ยนกลับกลาย เธอจ้องมองซูเซี่ยเอ๋อ แต่มิอาจเปล่งคำใด
ซูเซี่ยเอ๋อเก็บคทา ชักกริชที่คมกล้าของมันสาดประกายเย็นเยียบออกมา เตรียมปาดมันเชือดคอตัวเอง
ช่วงเวลาที่กริชกำลังจะปาดผ่านลำคอขาวระหงของซูเซี่ยเอ๋อ แอนนาก็ชิงลงมือออกไป
เคร้ง!
กริชถูกปัดกระเด็นลอยไปไกล
ซูเซี่ยเอ๋อยังคงร่ำไห้ แหงนหน้ามองแอนนาด้วยความฉงน
“ไม่ฆ่าฉัน แต่ก็ไม่ยอมให้ฉันฆ่าตัวตาย เธอต้องการอะไรกันแน่?” ซูเซี่ยเอ๋อถาม
แอนนาร้องตะโกน “ยัยโง่! ผู้หญิงที่สติขาดผึงอย่างเธอในตอนนี้น่ะ ฉันฆ่าไม่ลงหรอก แล้วก็ไม่ยอมให้ตายด้วย”
ซูเซี่ยเอ๋อยิ้มด้วยความเศร้าหมอง ใบหน้าของเธอปรากฏความอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
“แอนนา ฉันรู้ดีว่าถึงแม้เธอจะดูเย็นชาและไร้ความปรานี แต่ที่จริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้น มีหรือที่เธอจะช่วยฉัน… เอาล่ะ เรื่องต่างๆ ระหว่างเธอกับฉันถือว่าเลิกแล้วต่อกัน ในตอนนี้ อย่าได้มายุ่งกับฉันอีก ฉันจะเป็นคนกำหนดชะตากรรมของตัวเอง หยุดเข้ามาวุ่นวายซะ”
ชั้นหมอกผุดออกมาจากร่างของซูเซี่ยเอ๋อ และค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นไพ่ใบหนึ่งในอากาศที่ว่างเปล่า
ภาพภายในไพ่ คือเทวดาศักดิ์สิทธิ์ เทวดาที่กำลังคุกเข่าข้างหนึ่งลง ขณะที่ในมือข้างหนึ่งถือผลแอปเปิลทองคำ
ซูเซี่ยเอ๋ออธิบาย “ฉันจะเปิดใช้งานไพ่ผู้พลีชีพนี้ ใช้ความตายของตัวเองแลกเปลี่ยนกับพระพรจากบรรพกาล”
“และแอนนา ฉันจะมอบพรนี้ให้แก่เธอ มันจะช่วยให้เธอมีวาสนา เกิดโชคดีในหลายๆ เรื่อง”
“นี่ถือว่าเป็นของขวัญจากฉัน สำหรับหัวใจอันบริสุทธิ์และความเมตตาของเธอ”
“แอนนา ฉันจะไปหาฉิงซานแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ ฉันขอลาก่อน”
ระหว่างกล่าว ซูเซี่ยเอ๋อก็กำลังจะสั่งการไพ่
“ยัยบ้า!”
แอนนาพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของซูเซี่ยเอ๋อด้วยมือเดียว ฉุดลากเธอไกลออกมากว่าหลายสิบเมตร
เมื่อสูญสิ้นการควบคุมจากซูเซี่ยเอ๋อ ไพ่พลีชีพที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศก็ค่อยๆ สลายไป
“ทำไมเธอถึงต้องเข้ามาวุ่นวายกับฉันด้วย!”
ซูเซี่ยเอ๋อถูกคอเสื้อรั้งจนหายใจไม่ออก เธอไอออกมาและพยายามเอ่ยถามเสียงดัง
ดวงตาของแอนนาเบิกกว้างด้วยความโกรธ สาดสายตาใส่ซูเซี่ยเอ๋อ “ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แค่มันทนไม่ได้จริงๆ เพราะชัดเจนว่าเขายังไม่ตาย แต่เธอดันเลือกที่จะตายก่อนเขา”
ซูเซี่ยเอ๋อร่ำร้อง ส่ายศีรษะ “นั่นมันก็แค่อีกภายในสิบนาที เพราะหลังจากนั้น อำนาจจากเทพวิญญาณที่มอบให้เขาก็จะสลายไป แล้วกู่ฉิงซานก็จะถูกบาปมหันต์ที่ถูกผนึกไว้ฆ่าตายลง ฉันเคยอ่านบันทึกในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรมาแล้ว สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ภายในนั้น แม้กระทั่งทวยเทพก็ยังหวาดกลัวมัน ดังนั้นมันย่อมเป็นไม่ได้ที่กู่ฉิงซานจะหลบหนี”
แอนนาถอนหายใจยาว สีหน้าแลดูซับซ้อน “อย่างน้อยก็ช่วยรอจนแน่ใจว่าเขาตายลงก่อนเถอะ แล้วเธอค่อยตายตาม”
เธอกล่าวต่อ “หยุดร้องสักที แล้วก็วางใจเถอะ ถ้าเขาตาย ก็จะไม่มีใครคอยห้ามเธออีกต่อไป”
ซูเซี่ยเอ๋องงงัน แต่ทันใดนั้นราวกับเกิดประกายแสงขึ้นในแววตาที่สิ้นหวัง
“ประโยคเมื่อกี้… เธอ…หมายความว่ายังไงกัน” ซูเซี่ยเอ๋อถาม
แอนนาส่ายมือและกล่าว “มันก็แค่สิบนาที เวลานี้ผ่านไปแล้วเจ็ดถึงแปดนาที ตอนนี้เรามาคอยดูกันก่อนดีกว่า ว่าเขาจะรอดไปได้ไหม”
ซูเซี่ยเอ๋ออดไม่ไหวต้องเอ่ยถาม “แล้วพวกเราจะแน่ใจได้ยังไงว่ากู่ฉิงซานตายไปแล้ว”
แอนนา “ก็ถ้าเธอเห็นฉันตายไปสักพัก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาตายไปแล้วเช่นกัน”
ซูเซี่ยเอ๋องงงันอีกครั้ง
“ฉันไม่เข้าใจ” เธอกล่าวอย่างช้าๆ
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย แต่คราวนี้ มันไม่ได้มีความคิดที่จะตายทันทีเหมือนก่อนหน้า
แอนนา “หลายพันปีก่อน ตระกูลเมดิซีของเราได้ติดต่อกับเทพแห่งความตาย และได้รับวัตถุศักดิ์สิทธิ์มา”
“วัตถุศักดิ์สิทธิ์อะไร?” ซูเซี่ยเอ๋อถาม
แอนนา “ตราแห่งศรัทธาของเทพแห่งความตาย ‘สัญญาชีวิต’”
ซูเซี่ยเอ๋อย้อนคิด “ชื่อมันฟังดุคุ้นๆ เหมือนกับว่าจะเป็นสิ่งที่เคยมีชื่อเสียงมากในอดีต เดี๋ยวก่อนนะ… ฉันนึกออกแล้ว!”
เซี่ยเอ๋อเบิกตากว้าง จ้องมองแอนนา
“ใช่ อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ” แอนนาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
เธอมิได้หลบเลี่ยงสายตาของซูเซี่ยเอ๋อ “ในช่วงเวลาสุดท้ายของภัยพิบัติเยือกแข็ง เขาได้กลายเป็นราชาภูต นำทัพคนตายจากปรภพโค่นเผ่ามารลงจนราพณาสูร และจากนั้น เขาก็จากโลกเดิมของพวกเราไป”
“แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น” ซูเซี่ยเอ๋อถามอย่างใกล้ชิด
แอนนากล่าวอย่างสงบ “ฉันก็เลยแขวนสัญญาชีวิตไว้บนคอของเขา”
ซูเซี่ยเอ๋ออุทาน “คนที่มีสัญญาชีวิตอยู่ เทพแห่งความตายจะยืดชีวิตของเขาออกไปเมื่อความตายได้มาเยือน แต่อำนาจที่พลิกคว่ำฟ้าดินนี้ไม่ได้มอบให้ฟรีๆ กฎของเทพวิญญาณจะดึงดูดพลังชีวิตมาสองเท่าจากคนก่อนหน้าที่สวมใส่มัน”
แอนนาพยักหน้าและกล่าว “ถูกต้องที่สุด นี่คือพันธสัญญาแห่งชีวิตระหว่างเขากับฉัน ถ้าฉันตายต่อหน้าเธอ นั่นหมายความว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว”
“แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน…”
ซูเซี่ยเอ๋อชิงตะโกนตัดหน้า “นั่นก็หมายความว่าเขายังไม่ตาย!”
แต่เซี่ยเอ๋อก็ยังไม่โล่งใจ ถามเพิ่มออกไป “แล้วถ้าในกรณีที่เขาถอดสัญญาชีวิตออกจากคอ หรือมอบมันให้คนอื่นล่ะ?”
“วัตถุศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่กับเขา เพราะฉันรู้สึกได้ว่าชีวิตของฉันยังคงเชื่อมโยงกับเขา” แอนนาอธิบายอย่างอดทน “ส่วนถ้าเป็นในกรณีที่เขาไม่ได้ห้อยสัญญาชีวิตเอาไว้ แต่ถูกฆ่าตายลงโดยบาปที่ถูกผนึกไว้ สัญญาชีวิตก็จะกลับมาหาฉัน”
ซูเซี่ยเอ๋อไม่รอช้า เริ่มคำนวณเวลาทันที
“นี่ผ่านมาได้เก้านาทีแล้ว”
แอนนา “อืม”
“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งนาที ฉันจะอยู่กับเธอเอง” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว
ว่าจบ เจ้าตัวก็จั่วไพ่ออกมาแล้วโยนมันไป
ปุ้ง!
ไพ่กลายเป็นนาฬิกาโบราณที่ส่งเสียงคลิกๆ ทุกวินาที
เข็มวินาทีกำลังขยับทีละช่อง ทีละช่อง
แอนนากับซูเซี่ยเอ๋อมองนาฬิกาเป็นสายตาเดียว
ทั้งสองเงียบงันไปชั่วขณะ
ช่วงนาทีสุดท้ายช่างยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ
ซูเซี่ยเอ๋อเริ่มเครียด เธออดไม่ได้ที่จะฉกไปกุมมือของแอนนา เมื่อเห็นว่าเข็มวินาทีได้ผ่านไปครึ่งรอบแล้ว
“ได้โปรดเถอะ อย่าเกิดอะไรขึ้นเลย”
ดวงตาของซูเซี่ยเอ๋อแดงเรื่อ น้ำตาไหลรินออกมา
แอนนาอันที่จริงประหม่ายิ่งกว่า แทบไม่อาจรักษาความสงบเอาไว้ได้ กัดฟันกรอด “ไม่เป็นไร เชื่อใจกู่ฉิงซานสิ”
ถ้าสัญญาชีวิตปรากฏขึ้นบนตัวแอนนา หรือถ้าแอนนากลายเป็นเถ้าปลิวหายไป นั่นล้วนหมายความว่ากู่ฉิงซานได้ตายลงไปแล้ว
เข็มวินาทียังคงเดินไปข้างหน้า ทีละช่อง ทีละช่อง
คลิก เสียงเข็มวินาทีดังขึ้นอีกครั้ง
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวขึ้นทันใด “แอนนา”
“อะไร?” สองตาของแอนนายังคงจ้องมองนาฬิกาอย่างใกล้ชิด ตอบรับกลับไปส่งๆ
“ถ้าฉิงซานยังไม่ตาย นับว่าเธอได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกครั้งหนึ่งแล้ว” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว
“แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าคิดมาก” แอนนาตอบปัด
“ถ้าฉิงซานยังไม่ตาย… ฉันขอสาบานว่าจะไม่หาโอกาสฆ่าเธออีก” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว
แอนนาฮึดฮัด “เมื่อกี้ก็เอาแต่ร้องไห้ เอะอะก็จะตายเหมือนกับคนโง่ สักพักมาพูดเรื่องฆ่ากันอีกแล้ว ฉิงซานไปชอบคนแบบเธอได้ยังไงกัน?”
“พูดแบบนี้ได้ยังไง! ประโยคก่อนหน้านี้ฉันขอถอนคำพูด!” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว
“เอ้า เมื่อกี้มันคำสาบานไม่ใช่หรือ คำสาบานมันถอนได้ที่ไหนกัน” แอนนาแขวะ
“คำสาบานของผู้หญิงไม่นับ!” เซี่ยเอ๋อเถียง
แม้ทั้งสองจะปะทะฝีปากกัน แต่ความตึงเครียดในน้ำเสียงของพวกเธอไม่ได้ลดทอนลงเลย กระทั่งน้ำเสียงของแอนนาก็เริ่มสั่นเครือบ้างแล้ว
นั่นเพราะ…
ช่วงเวลาสุดท้ายได้มาถึง
มือของทั้งสองบีบกันแน่น
เข็มวินาที กำลังจะวนจนครบ
สิบนาทีได้วนจนครบแล้ว!
อ้างอิงตามคำพูดของเทพวิญญาณ นี่คือช่วงเวลาที่กู่ฉิงซานได้สูญเสียอำนาจในการคุ้มครองตน และจักต้องเผชิญหน้ากับบาปมหันต์ที่แสนน่าหวาดหวั่นโดยลำพัง
ซูเซี่ยเอ๋ออดไม่ได้ โผเข้ากอดแอนนา
“อย่าตายนะ ได้โปรดเถอะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ แต่เธอต้องไม่ตาย”
เธออิงหน้าลงบนไหล่แอนนา น้ำตาไหลรินอย่างมิอาจควบคุม
แอนนาคลายมืออีกข้างจากเคียวยาว และโอบกอดซูเซี่ยเอ๋อเบาๆ
เธอไม่พูดอะไรเลย แต่น้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นบ้างแล้วเหมือนกัน
คลิก…
คลิก…
คลิก…
ช่วงวินาทีนี้ราวกับว่าโลกทั้งใบมีแค่เข็มวินาที
ผ่านไปอีกหนึ่งนาที
สองนาที
สามนาที
ทุกนาทีช่างยาวนานราวกับเป็นศตวรรษ
แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปอีกสิบนาที ช่วงเวลาที่รู้สึกว่าแสนจะยาวนานของแอนนากับซูเซี่ยเอ๋อก็เริ่มกลายเป็นเร็วขึ้น
ซูเซี่ยเอ๋อยกมือขึ้นกุมปากเธอ ระเบิดน้ำตาออกมา ขณะเดียวกันเอ่ยถาม “นี่หมายความว่าเขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”
แอนนาพยักหน้าอย่างแรง
…………………