ท่ามกลางซากปรักหักพัง
ยี่สิบนาทีได้ผ่านพ้นไปแล้ว
“หากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ มันก็ไม่สมควรจะยาวนานถึงขนาดนี้ คิดว่ากู่ฉิงซานจะต้องสามารถหาวิธีอยู่ร่วมกันกับความชั่วร้ายนั่นได้แล้วแน่ๆ” ซูเซี่ยเอ๋อสรุป
แอนนาหันหลัง เดินออกไป ปากงึมงำด้วยความขุ่นเคือง “ไอ้เทพวิญญาณบ้านั่น มันเกือบจะฆ่าฉิงซานของฉัน ฉันจะถอนตัวออกจากคริสตจักรแห่งความตาย แล้วรีบไปพบเขาทันที”
“ใจเย็นก่อน”
ซูเซี่ยเอ๋อรั้งเธอไว้
“อย่าห้ามฉัน!” แอนนาตวาด
ซูเซี่ยเอ๋อไม่ได้โกรธอีกฝ่าย แต่เริ่มโน้มน้าวใจอย่างจริงจัง “สถานที่แห่งนั้นถูกผนึกไว้โดยทวยเทพ แล้วเธอจะเข้าไปคนเดียวได้ยังไง? เธอจะปลดผนึกด้วยตัวคนเดียวได้หรือ? ไหนจะเรื่องถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นอีก เธอมีแผนรับมือกับมันรึยัง?”
แอนนาชะงักไป แต่ก็ตอบกลับทันที “ฉันไม่สน ฉันจะต้องรีบไปช่วยเขา!”
ซูเซี่ยเอ๋อรั้งแอนนาไม่ยอมปล่อย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เธอไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ทั้งๆ แบบนี้ ในขณะเดียวกันการทำอะไรไม่ยั้งคิดของเธอ มันอาจเป็นการดึงดูดความสนใจจากเทพวิญญาณ และทำให้เขาต้องเดือดร้อน – ความจริงที่แสนเรียบง่ายนี้ เธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือ”
“พูดถึงขนาดนั้น แสดงว่าเธอมีวิธีดีๆ แล้วสิ?” แอนนาถาม
“แน่นอน” ซูเซี่ยเอ๋อตอบ
เธอกระชากแอนนามาใกล้ๆ โน้มศีรษะลงกระซิบ “ในเมื่อฉิงซานยังมีชีวิตอยู่ ด้วยความสามารถของเขา มันย่อมไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ดังนั้นตอนนี้เธอจะต้องเชื่อใจเขา”
แอนนาพยักหน้า
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทุกๆ การตัดสินใจของกู่ฉิงซาน มันควรค่าแก่การเชื่อถือ
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างจริงจัง “ในความเป็นจริง สิ่งที่พวกเราควรทำก็คือ การหาทางกำจัดตัวตนที่ทำตามพระประสงค์ของเทพวิญญาณทั้งเจ็ด”
แอนนาตกตะลึง
“นี่เธอกำลังหมายถึงร่างมนุษย์แสงใช่ไหม?”
ซูเซี่ยเอ๋อกล่าวอย่างอ่อนโยน “ใช่ เพราะมันเป็นคนที่ทำร้ายฉิงซาน ถ้าไม่ฆ่ามันฉันคงทนมีชีวิตต่อไปไม่ได้ และถ้าเจ็ดเทพสามารถกลับมามีชีวิตได้จริงๆ ฉันก็จะฆ่าพวกเขาด้วย”
“ทำไมเราไม่ไปช่วยฉิงซาน แต่กลับต้องมาฆ่ามันก่อน?” แอนนาถามด้วยความสับสน
ซูเซี่ยเอ๋ออธิบายอย่างอดทน “เพราะถ้าเราไปช่วยฉิงซานตอนนี้ รู้ไหมว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น? ระหว่างเธอกับฉัน ไหนลองบอกซิว่ามีใครบ้างสามารถปลดผนึกของเทพวิญญาณได้? แล้วต่อให้โชคดีสามารถปลดผนึกได้จริงๆ แต่ถูกมนุษย์แสงจับได้ พวกเราคงตายกันหมด ต่อให้พวกเราหนีจากสถานการณ์นั้นได้ ก็แล้วไง? หลังจากนั้นพวกเราก็คงหัวซุกหัวซุน ถูกคนจากวิหารทั้งเจ็ดไล่ล่าไม่ใช่หรือ? ในกรณีนั้น ชะตากรรมสุดท้ายของพวกเราคงไม่พ้นความตาย!”
ซูเซี่ยเอ๋อจับมือแอนนา กล่าวเฉียบขาด “เธอห้ามถอนตัวจากทางคริสตจักรแห่งความตาย ส่วนฉันเองก็จะไม่ออกจากวิหารแห่งโชคชะตาเหมือนกัน พวกเราจะใช้ประโยชน์จากทางคริสตจักร เพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกันก็คอยตรวจสอบข้อมูลของมนุษย์แสงจากภายในวิหาร เมื่อสามารถค้นหาจุดอ่อนของมนุษย์แสงได้ ถึงเวลานั้นถ้ามันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเราจะกระโจนเข้าสู้ และสังหารมันซะ!
ซูเซี่ยเอ๋อมองแอนนา “ฉันกลัวว่ามันจะเป็นการยากที่จะทำคนเดียว เธอต้องการที่จะร่วมมือกับฉันไหม?”
แอนนารับฟังอย่างเงียบๆ จมลงสู่ห้วงความคิด
ในสายตาของซูเซี่ยเอ๋อ เจ้าตัวเห็นว่าอีกฝ่ายค่อยๆ พยักหน้ารับอย่างช้าๆ
อีกด้านหนึ่ง
จากจุดที่อยู่ห่างจากทั้งสองไปหลายพันเมตร
ยานอวกาศของสองวิหารได้มาถึงแล้ว
ระดับอาวุโสจากสองคริสตจักรกระโดดลงจากยานอย่างรวดเร็ว
“แล้วพวกเธอล่ะ?” บิชอปจากวิหารแห่งความตายถาม
“อยู่อีกฟากหนึ่ง การต่อสู้รุนแรงมาก เหมือนกับว่าพวกเธอจะมีเรื่องผิดใจกัน!” อัศวินที่เฝ้ารออยู่รีบชี้ไปทางจุดเกิดเหตุ
ระดับอาวุโสมองไปตามทิศทางที่เขาชี้
แต่แล้วในวินาทีต่อมา ทั้งหมดก็ต้องตกตะลึง
เห็นแค่เพียงซูเซี่ยเอ๋อกับแอนนา เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจากระยะไกล สนทนากันอย่างจริงจัง
เกรงว่าบางที พวกเขาอาจจะไม่ทันสังเกตเห็น ว่าหญิงสาวทั้งสองกำลังเดินกุมมือกันอยู่
“ทะเลาะกันซะที่ไหน พวกเธอ… ก็ดูสนิทกันดีนี่นา”
…
ภายในผนึก
ผืนทรายถูกบดบังไปด้วยแสงอันมืดมิด
รัศมีแสงคมกริบ แปรผันเป็นใบมีดจำนวนมาก โอบล้อมรอบกู่ฉิงซานจากทุกทิศทาง มันเกือบที่จะโฉบเข้าหั่นตัวเขาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดหยุดลงก่อนถึงตัวกู่ฉิงซาน มิได้ทิ่มแทงเข้าไป
กู่ฉิงซานเหยียดมือออกไป และดีดเด้ง! ลงบนหนึ่งในใบมีดเหล่านั้นเบาๆ
“ถ้ายังแสดงทัศนคติแบบนี้ พวกเราคงร่วมมือกันออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก”
เขากล่าวเป็นภาษาโบราณ
ในพริบตา ใบมีดแสงทมิฬก็สั่นไหว ทั้งหมดสลายหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่า
ความมืดมิดเบื้องหน้าเขาเกิดการกระเพื่อมไหว
ร่างร่างหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากภายในความมืดมิด ตลอดทั้งร่างของเขาสาดประกายแสงสว่างสดใส
กู่ฉิงซานมองรูปลักษณ์ของร่างดังกล่าว สีหน้าของเขาเผยถึงความคาดไม่ถึง
เพราะร่างดังกล่าว… มันเป็นร่างมนุษย์แสง!
มันเหมือนกันกับร่างมนุษย์แสงทุกประการ ไม่มีผิดเพี้ยนเลย
ร่างที่เหมือนกับมนุษย์แสงเปล่งเสียงกระซิบเป็นภาษาโบราณ “เจ้ารู้สึกหรือไม่? กู่ฉิงซาน ความตายกำลังมาเยือนเจ้า”
กู่ฉิงซาน “เป็นอย่างนั้นหรือ?”
“หากเจ้ากล้าที่จะแข็งขืนกับเทพวิญญาณ จุดจบเดียวของเจ้าคือความตาย” มนุษย์แสงกล่าว
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างสงบ “แต่คุณไม่ใช่เทพวิญญาณเสียหน่อย?”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น?” มนุษย์แสงเอ่ยถาม
“เพราะเทพวิญญาณคงไม่พาตัวเองลงมาติดอยู่ในกับดักแบบนี้ อีกอย่าง พวกมันย่อมไม่มีทางกล้ามาเสนอหน้าอยู่ต่อหน้าคุณ” กู่ฉิงซานกล่าว
มนุษย์แสงเงียบงันไปพักหนึ่ง
พริบตานั้นเอง มันคล้ายดั่งเหล็กที่ถูกหลอมละลาย ตลอดทั้งร่างกายจมลงสู่คลื่นแห่งความมืดมิด
จากนั้น อีกร่างหนึ่งก็ยืนขึ้นในแสงสีดำ
เป็นกู่ฉิงซาน
หมายถึงเป็นกู่ฉิงซานอีกคนหนึ่ง
กู่ฉิงซานคนนี้หลับตาลง คล้ายกำลังพยายามรับรู้อะไรบางอย่าง อย่างเงียบๆ
เขาลดเสียงลงและเอ่ยอย่างช้าๆ “ภายใต้ลักษณะการแสดงออกที่สงบและเยือกเย็นเช่นนี้ กลับเปี่ยมไปด้วยโทสะและความโศกเศร้าอย่างไม่น่าเชื่อ”
“คุณสามารถอ่านอารมณ์ของผมได้งั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
อีกกู่ฉิงซานลืมตาขึ้น มองมาที่เขาโดยตรง “เจ้าโกรธ เพราะไม่สามารถหยุดยั้งแผนการของเทพวิญญาณได้ และถูกพรากนางฟ้าตัดสินบาปไป เจ้าเสียใจ เพราะหมายจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต้องการสังหารเทพวิญญาณ”
เขากล่าวด้วยความพึงพอใจ “ดี ดีมาก ข้ายอมรับการตัดสินใจของเจ้า และอีกซีกหนึ่งของความรู้สึกในกายเจ้า”
“อีกซีกหนึ่งของความรู้สึก?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ
“ใช่ ความรู้สึกครึ่งแรก” อีกร่างกล่าว
กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่งและเอ่ยออกมา “ผมได้ยินมาว่ามีแค่เพียงซีน้อยเท่านั้นที่ไม่หวาดกลัวคุณ ดังนั้น คุณย่อมไม่ยอมรับการดำรงอยู่เช่นเธอใช่ไหม?”
“แน่นอน! เป็นเพราะเธอ ข้าเลยต้องจมอยู่กับความสิ้นหวังในที่แห่งนี้!”
กู่ฉิงซานตริตรอง “คุณสามารถรับรู้ความรู้สึกของผมได้ โดยการสัมผัสถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่สุดในหัวใจของผม และสามารถแปลงตนเป็นแบบเดียวกับผมใช่ไหม”
อีกการดำรงอยู่ยิ้มหัวเราะเสียงดังลั่น “ฮะ…ฮ่าๆๆ! หากเป็นอะไรที่เรียบง่ายเช่นนั้น เทพวิญญาณจะเกรงกลัวข้า และผนึกข้าได้อย่างไร!”
“แล้วมันเป็นแบบไหน?” กู่ฉิงซานถาม
อีกการดำรงอยู่ยิ้ม “จะบอกให้ก็ได้ เพราะพลังของข้านั้นไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าใครจะมารู้ความลับ และถึงรู้ไป ก็แก้ไขมันไม่ได้อยู่ดี”
“สิ่งมีชีวิตทั้งมวล ตราบใดที่พวกเขามีความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแรงกล้า ข้าจักสามารถไล่ตามความปรารถนานั่น เข้าไปสิงสู่ร่างกาย ผนึกวิญญาณ และควบคุมร่างเนื้อของมัน”
“แล้วถ้าเป็นในกรณีของเทพวิญญาณล่ะ?”
“เทพวิญญาณก็ไม่มีข้อยกเว้น!”
กู่ฉิงซานเร่งกล่าวอย่างรวดเร็ว “ที่แท้ก็เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ต่างมีความลุ่มหลงและปรารถนานั่นเอง ทว่ากับซีน้อยไม่ใช่ ซีน้อยเกิดมาบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เธอจึงไม่มีความลุ่มหลงและความปรารถนาในจิตใจ ดังนั้นคุณเลยไม่สามารถรับมือกับเธอได้”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ความสามารถที่ว่ามามันทรงพลังมากจริงๆ พูดได้เลยว่า หากดวลกันตัวต่อตัว คุณแทบจะอยู่ยงคงกระพัน แต่หากเป็นการต่อกรกับศัตรูจำนวนมากเกินไป คุณย่อมไม่มีทางที่จะรับมือกับมัน นี่คือสาเหตุที่คุณไม่อาจปกป้องเขาวงกตเอาไว้ได้”
ในที่สุดเขาก็ยืนยัน “จากข้อสรุปนี้ มันก็ยังไม่สามารถอธิบายถึงเหตุผลที่เทพวิญญาณหวาดเกรงต่อคุณอยู่ดี มันจะต้องมีเหตุผลอื่นอีกแน่นอนที่คุณถูกผนึก”
กู่ฉิงซานจ้องมองเขาสักพัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะจมหายลงไปในกระแสคลื่นแห่งความมืดมิด
คราวนี้ ร่างที่คล้ายกับมนุษย์แสง ทว่าสาดไปด้วยแสงสีดำทมิฬทั้งตัวปรากฏขึ้น
ร่างทมิฬกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“กู่ฉิงซาน ข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นภายนอกนั่น”
“อีกทั้งข้ายังสัมผัสได้ถึงเจตจำนงที่หมายจักสังหารเทพวิญญาณจากตัวเจ้า ตรงส่วนนี้ข้าเองก็เช่นกัน”
“เกี่ยวกับเรื่องของผนึก สิ่งที่ข้าต้องการจะเห็นคือความจริงใจของเจ้า ว่าจะมีวิธีทีที่สามารถหนีรอดออกไปจริงๆ ใช่หรือไม่ มิฉะนั้นต่อให้พวกเราพูดคุยกันมากกว่านี้ ทั้งหมดก็ล้วนไร้ประโยชน์”
กู้ฉิงซานรับฟังอย่างระมัดระวัง
เขามิเอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ เพียงคว้าจับดาบยาวในอากาศที่ว่างเปล่า
มันเป็นดาบยาวที่เปล่งประกายสดใสดั่งหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง
ในความมืดมิด ร่างแสงทมิฬเพ่งสังเกตดาบยาว อุทานด้วยความประหลาดใจ “นั่นมันดาบแห่งหกวิถี… แถมยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์”
กู่ฉิงซานกุมดาบยาว ทะยานตัวสูงขึ้น และฟันมันลงเบาๆ ในอากาศที่ว่างเปล่า
ประกายแสงสีทองพลันกะพริบไหว
ขีดเขียนร้อยเรียงเป็นตัวอักษรโบราณ
ตราของผนึกทวยเทพซ้อนทับตีกันเป็นวงนับไม่ถ้วน ในเสี้ยววินาที ทั้งหมดก็พลันถูกเปิดใช้งานอย่างกะทันหัน
ตราเหล่านี้ปรากฏขึ้นเพียงชั่วคราว เมื่อพวกมันพบว่าไม่มีการโจมตีใดติดตามต่อมา ทั้งหมดก็ค่อยๆ ผลุบหายกลับเข้าไปดังเดิม
ด้วยการแตะสัมผัสลงเบาๆ ของตัวดาบ กลับสามารถชักนำให้กำแพงอุปสรรคของอำนาจเทวะเปิดใช้งาน เกิดการป้องกันขึ้นได้ ฉากนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันยิ่งใหญ่ของดาบเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ดาบเล่มนี้ เป็นดาบที่สามารถแหกกฎเกณฑ์ทั้งมวลโดยเฉพาะ มิฉะนั้น กำแพงอุปสรรคของทวยเทพก็คงจะไม่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้
“นี่คือความจริงใจของผม” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาละมือออกจากดาบ ปล่อยให้มันลอยนิ่งอยู่ข้างกายตน
ร่างแสงทมิฬเงียบงันไปครู่หนึ่ง
“มันเป็นเวลานานปีแล้ว นับตั้งแต่ที่ข้าถือกำเนิดก็ถูกผนึกเอาไว้ทันที แต่ในที่สุด ข้าก็จะได้ออกไปจากที่นี่!” เขางึมงำ
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาดี ที่จะออกไปภายนอก” กู่ฉิงซานกล่าว
ทันใดนั้นร่างแสงทมิฬก็ตวัดหน้ามา ตะโกนเสียงแหลม “เพราะเหตุใด!”
………………………….