กู่ฉิงซานชี้ขึ้นเหนือหัวและกล่าว “ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ เพราะมันยังอยู่ในโลกภายนอก และคอยเฝ้ามองพวกเราอย่างลับๆ อยู่ไง”
ร่างแสงทมิฬหุบปากลงทันที
นั่นสินะ ยังมีเจ้าคนที่เข้ามาแทนที่เทพวิญญาณนั่นอยู่
และมันไม่ใช่ตัวตนธรรมดาๆ เลย
ด้วยสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ มันย่อมสามารถใช้ผนึกสะกดตัวร่างแสงทมิฬได้ตลอดเวลา!
กู่ฉิงซานกล่าวอีกครั้ง “เมื่อมันเห็นว่าพวกเราออกไปข้างนอกได้ มันก็จะฆ่าผมก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อมันทำการปิดผนึกอีกครั้ง คราวนี้คุณก็จะไม่มีโอกาสออกไปข้างนอกอีกเลยตลอดกาล”
ร่างแสงทมิฬเดินวนกลับไปกลับมาด้วยความกระสับกระส่าย
กู่ฉิงซานเฝ้ามองมันพักหนึ่งจึงเอ่ยปาก “คุณต้องช่วยผม ผมไม่สามารถถูกมันฆ่าได้ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็เป็นอันจบ”
ร่างแสงทมิฬหยุดฝีเท้าอย่างแรง “ข้าจะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร?”
“อันดับแรกช่วยแก้ข้อสงสัยสองเรื่อง” กู่ฉิงซานกล่าว “เรื่องแรก มนุษย์แสงไม่ใช่เจ็ดเทพปีศาจ หรืออะไรอย่างตัวแทนแห่งเจตจำนงของเทพวิญญาณใช่ไหม?”
ร่างแสงทมิฬถามกลับ “เจ้าคิดว่าทวยเทพคือสิ่งใด?”
“คือการดำรงอยู่แบบหนึ่ง ซึ่งครอบครองพลังอำนาจอันแข็งกร้าว ในระดับที่สูงล้ำจนมนุษย์ไม่อาจทำความเข้าใจ” กู่ฉิงซานตอบ
ร่างเงาทมิฬ “เกือบถูกต้อง แต่ตามความคิดของข้า มันคือการดำรงอยู่ที่ทรงอำนาจซึ่งสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตและโลกได้ นั่นแหละคือเทพวิญญาณ”
“ถ้างั้น ตัวตนของมนุษย์แสงแท้จริงแล้วคืออะไร?”
“มันคือการดำรงอยู่เช่นเดียวกับทวยเทพ แต่มันมิได้สร้างชีวิตและโลก ทว่าครอบครองอำนาจมากยิ่งกว่า อันตรายยิ่งกว่าทวยเทพ”
“งั้นทำไมมันถึงเลือกผนึกคุณ? หมายความว่ามันควรจะหวาดกลัวคุณใช่ไหม?”
“แต่ตอนนี้มันได้ครอบครองสามสิ่งประดิษฐ์เทวะแล้ว! ข้าไม่มีทางที่จะต่อกรกับสามสิ่งนั้นได้!”
กู่ฉิงซานกล่าว “ดีล่ะ ตอนนี้พวกเราก็เข้าใจแล้วว่าใครคือศัตรู คำถามต่อไปเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด”
เขายังคงถามต่อ “ในตอนที่ผมเข้ามาในวงกต มันได้มอบเหรียญแก่ผม ซึ่งสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยพลังของมันคือ การเดินทางข้ามผ่านห้วงเวลา ย้อนกลับไปเมื่อห้านาทีก่อนได้”
ร่างแสงทมิฬส่งเสียงฮึฮะหยามหยั่น
แต่กู่ฉิงซานยังคงถามต่อ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน “ทำไมมันถึงได้มอบเจ้าสิ่งนี้ให้กับผมเพื่อใช้ต่อกรกับคุณล่ะ? ทำไมมันไม่มอบอาวุธ ชุดเกราะ ม้วนคัมภีร์ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถใช้โจมตีกับป้องกันได้ ทำไมต้องเป็นเหรียญด้วย?”
กู่ฉิงซานเอ่ยเสริม “หากช่องว่างความแข็งแกร่งมันกว้างเกินไป แม้ว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปยังห้านาทีก่อนหน้า แต่คุณก็ยังคงสามารถเอาชนะผมได้อยู่ดี งั้นทำไมพวกมันถึงได้มอบเหรียญนี้ให้กัน?”
“เจ้าต้องการจะรู้จริงๆ หรือ?” ร่างแสงทมิฬถาม
“มันต้องรู้แน่ๆ ว่าเหรียญนั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวสำหรับคุณ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มอบสิ่งที่มีค่าขนาดนั้นมา”
“มีค่างั้นหรือ…” ร่างแสงทมิฬเหน็บแนม
“ใช่ แถมในตอนท้าย มันก็ยังเลือกที่จะยึดเหรียญกลับไป ชัดเจนว่านั่นเหรียญนั่นจะต้องมีค่ามากแน่ๆ” กู่ฉิงซานกล่าว
ร่างแสงทมิฬเงียบงันไปเป็นเวลานาน
“เป็นเพราะ… มันคิดว่าเหรียญนั่นสามารถหยุดข้าจากการทำสิ่งหนึ่งได้”
“หยุดไม่ให้ทำสิ่งใด?” กู่ฉิงซานถาม
“เป็น ‘การแทรกแซงห้วงกาลเวลา’ ข้าสามารถเปิดใช้งานสกิลนี้ได้ครั้งเดียวในชีวิต ในความเป็นจริง เหตุที่เทพวิญญาณหวาดเกรงข้าก็เพราะว่าเรื่องนี้” ร่างแสงทมิฬกล่าว
“แทรกแซงห้วงกาลเวลา?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ ไม่เข้าใจ
“มีคำพยากรณ์เกิดขึ้น ว่าสกิลของข้าที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น สามารถคุกคามการดำรงอยู่ของพวกเขาได้”
ร่างแสงทมิฬจ้องกู่ฉิงซาน น้ำเสียงของมันกลายเป็นตึงเครียดและหดหู่ “คราวนี้ ถึงทีข้าถามเจ้าบ้างแล้ว”
“ไม่มีปัญหา” กู่ฉิงซานรับคำ
“หากเจ้าได้รับโอกาสให้ย้อนกลับไปในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา เจ้าจะสามารถหาวิธีการปลดปล่อยตนเอง ให้รอดพ้นจากผนึกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?” ร่างแสงทมิฬถาม
กู่ฉิงซานแข็งค้าง
ทันใดนั้นเขาก็พลันตระหนักถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดมนุษย์แสงจึงมอบเหรียญให้ตัวเขา!
“การ…แทรกแซงห้วงกาลเวลา…มันมีข้อจำกัดอะไรไหม?” กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกประหม่าบ้างแล้ว
ในขณะนี้ ร่างกายเขาสั่นไหวไม่หยุดเลย
เพราะนี่คือห้วงอารมณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน!
“แน่นอน เจ้าจะต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับห้วงกาลเวลา เจ้าจึงจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ร่างแสงทมิฬเอ่ย
“หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ผมจะทำสิ่งเดิมซ้ำไม่ได้ แต่ผมสามารถทำอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองได้ ถูกต้องไหม?”
“ใช่ แอบกลับไปอย่างลับๆ แล้วก็แอบกลับมา อะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วห้ามทำซ้ำเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น มิติเวลาจะลบเจ้าที่เป็นสิ่งแปลกปลอมออกไปทันที เพื่อสยบความวุ่นวายของเส้นแบ่งเวลา”
“ก็ถ้าคุณมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ แล้วทำไมไม่ใช้มันกับตัวเอง?” กู่ฉิงซานถาม
“นั่นเพราะว่าข้าถูกผนึกมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะย้อนกลับไปช่วงเวลาใดก็ล้วนไร้ความหมาย แท้จริงแล้วสิ่งที่เทพวิญญาณหวาดเกรงมากที่สุด นั่นคือการที่ข้าจะช่วยให้ศัตรูของพวกมันย้อนเวลากลับไป… ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ” ร่างแสงทมิฬกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
กู่ฉิงซานก้มหน้าลง คิดตริตรองอยู่พักหนึ่ง
“ผมตัดสินใจได้แล้ว ว่าจะย้อนเวลากลับไปช่วงไหน” เขากล่าวเสียงกระซิบ
“ช่วงเวลาที่ว่า หากเปลี่ยนแปลงมัน จักสามารถช่วยปลดปล่อยเจ้าให้ออกจากผนึกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?”
“แน่นอน รวมไปถึงคุณด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
ร่างแสงทมิฬจ้องมองเขา เอ่ยอย่างสงบ “จดจำเอาไว้ให้ดี หากเจ้าโกหก ข้าจักทรมานเจ้า ทรมานจนถึงที่สุดไปตลอดกาล”
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปและกล่าว “เชื่อผมสิ ผมจะเป็นคนพาคุณออกไปเอง”
ร่างแสงทมิฬลังเล “ข้าเคยรับฟังสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกเอ่ยปากสัญญามานับครั้งไม่ถ้วน แต่เกือบทั้งหมดน้อยครั้งนักที่จะเชื่อถือได้”
กู่ฉิงซานกล่าว “คุณได้เห็นความรู้สึกและความคิดของผมแล้วนี่ งั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการทำมันคืออะไร ดังนั้นคุณมีแต่ต้องเชื่อผม ถ้าอยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอก”
ร่างแสงทมิฬนิ่งคิด สักพักก็ยื่นมือตนไปจับมือกู่ฉิงซาน
“จดจำเอาไว้ ว่าเจ้าจะต้องค้นหาหนทางที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตรอด จนกว่าเจ้าจะกลับมาถึงจุดนี้ได้” เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
“วิธีของผม มันก็มีแต่อันตรายๆ ทั้งนั้น ถ้าหากผมไม่กลับมา มันแปลว่าผมตายแล้ว ถึงเวลานั้นคงได้แต่พูดขอโทษคุณ”
“เจ้าจะสามารถกลับมาได้อย่างแน่นอน”
“เอ๋?” กู่ฉิงซานสงสัย
ร่างแสงทมิฬ “เพราะในระหว่างแทรกแซงห้วงกาลเวลา เจ้าจะได้รับโอกาสกลับมาทั้งสิ้น ‘แปดร้อยครั้ง’ ในช่วงเวลาที่เจ้าเลือก เจ้าจะต้องหาหนทางให้จงได้!”
แปดร้อยครั้ง…
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน
“อย่าได้สบประมาทผมไป อันที่จริง ผมแค่ต้องการโอกาสเพียงครั้งเดียว นั่นเกินพอแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวหนักแน่น
ร่างแสงทมิฬเฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานเห็นท่าทีอีกฝ่าย เริ่มลังเล และกล่าว “เอ่อ อย่างมากที่สุดก็สองครั้ง!”
ร่างแสงทมิฬเอ่ยต่อ “เมื่อใดก็ตามที่เจ้าพลาดโอกาส และไม่สามารถแก้ไขได้ เจ้าจะถูกฆ่าตายทันที เพื่อที่เจ้าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แล้วข้าจะได้ส่งเจ้าไปในครั้งถัดไป”
“ตกลง”
“แล้วพวกเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ดี?”
“ตอนนี้เลย”
วู้ม…
ท่ามกลางเสียงหวีดแหลมรุนแรง คลื่นแห่งความมืดมิดพลันโถมเข้าปกคลุมกู่ฉิงซาน
เขาค่อยๆ จมลงไปในห้วงแห่งความมืดมิด เฉกเช่นเดียวกันกับในห้วงทะเลลึกอันไร้ที่สิ้นสุด
มีเพียงความมืดมิด ไม่สามารถกะเกณฑ์ห้วงกาลเวลาได้เลย
ในเจ็ดวัน ทุกฉากประสบการณ์ก่อนที่กู่ฉิงซานจะมาอยู่ที่นี่ได้กะพริบผ่านตัวเขาไป
กาลเวลากำลังย้อนถอยหลังกลับไป
กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูฉากเหล่านั้น จนกระทั่งกลับมาถึงจุดเริ่มต้นของเจ็ดวันก่อนหน้า
ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็กระอักเลือด ทั้งคนทั้งร่างสิ้นใจลงอย่างกะทันหัน!
…
‘เฮือก!’ กู่ฉิงซานสะดุ้งเบิกตาโพลง!
เวลานี้ เขาค้นพบว่าตนเองยังคงยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นแห่งความมืดมิด
“เมื่อกี้นี้…” เขากำลังจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าตาย” ร่างแสงทมิฬชิงตอบ
“เพราะอะไร?”
“เพราะเจ้าได้ข้ามเกินไปกว่าขีดจำกัดเจ็ดวัน ตามกฎของห้วงกาลเวลา มันจึงฆ่าเจ้า และตอนนี้เจ้าเหลือโอกาสอีกแค่ เจ็ดร้อยเก้าสิบเก้าเท่านั้น”
“…ขอโทษจริงๆ มันน่าตื่นตกใจเกินไป ผมยอมรับว่าผมทำผิดพลาดแบบโง่ๆ และผมจะไม่พลาดแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง”
ร่างแสงทมิฬส่ายหัว เอ่ยปากถาม “พร้อมจะต่อรึยัง?”
“จัดไป” กู่ฉิงซานกัดฟันสู้
ซุ่ม!
คลื่นแห่งความมืดมิดโถมทับเขาอีกครั้ง
ท่ามกลางคลื่นแห่งความมืด เขาได้เดินทางย้อนกลับไปในห้วงอดีตอีกครั้ง
ย้อนเวลากลับไป…
ทว่าทันใดนั้นเอง ในความมืดมิด พลันปรากฏปากใหญ่ที่มิแตกต่างไปจากปล่องภูเขาไฟขึ้นอย่างกะทันหัน มันดูดกลืนเขาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยรอบที่ไม่รู้จักเข้าไป
วิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานพลันมืดบอด
แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
กู่ฉิงซานค้นพบว่าตนเองยังคงยืนอยู่ท่ามกลางคลื่นแห่งความมืดมิด
“เมื่อกี้นี้…” กู่ฉิงซานเอ่ยปาก
“มันคือมอนสเตอร์ในสายหมอกแห่งกาลเวลา และยังคงสามารถมองได้ว่าเป็นหนึ่งในเทพวิญญาณบางองค์ของเจ้าได้เช่นกัน มันพึ่งจะกลืนกินเจ้าเข้าไป” ร่างแสงทมิฬอธิบาย
“เจ้าสิ่งนั้นก็ถูกนับว่าเป็นเทพวิญญาณด้วยงั้นหรือ?” กู่ฉิงซานยากที่จะเชื่อ
“แม้สิ่งมีชีวิตจะมีสติปัญญา แต่ก็ล้วนมักจะกราบไหว้ในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจเสมอมา”
“เจ้ายังเหลือโอกาสอีกเจ็ดร้อยเก้าสิบแปดครั้ง”
กู่ฉิงซานกัดฟัน “งั้นจัดมาอีกรอบ”
“ตกลง”
ซุ่ม!
คลื่นแห่งความมืดมิดโถมทับตัวเขาอีกครา
ท่ามกลางห้วงอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด เขาได้เดินทางย้อนอดีตกลับไปอีกครั้ง
แต่ละฉากในก่อนหน้านี้ แวบวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของกู่ฉิงซาน
ช่วงเวลาหนึ่ง ในที่สุดกู่ฉิงซานก็ค้นพบช่วงเวลาสำคัญที่เขาจักต้องกลับไป
เขาได้พลังทั้งหมดที่มีของตน โยนตัวกระแทกเข้ากับภาพฉากนั้น
เพล้ง!
ฉากภาพพลันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในความมืดมิด
ค่อยๆ บังเกิดเสียงและแสงสว่างขึ้น!
…
ฟ้าร้องดังกึกก้อง แสงจากสายฟ้าฟาดผ่าลงมาในห้องโถง
กู่ฉิงซานลืมตาของเขา
เจ้าตัวค้นพบว่าตนเองได้ย้อนกลับมายังนิกายร้อยบุปผา
นางเซียนไป่ฮั่วยืนอยู่ตรงข้ามเขา เอ่ยปากอย่างช้าๆ
“ดังนั้น หากเจ้าต้องการซ่อมแซมดาบพิภพ เจ้าก็จะต้องก้าวเข้าสู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ และพยายามเฟ้นหาแฝดของดาบพิภพ”
“ดาบเล่มนั้นถูกเรียกกันว่า ‘ดาบนภา’”
“นภาและพิภพ… สวรรค์และปฐพี มีเพียงสองดาบนี้เท่านั้นที่สามารถตัดสะบั้นเทพบรรพกาลได้”
การแทรกแซงห้วงกาลเวลา… สำเร็จแล้ว!!
……………………………………..