ผู้เล่น จักรพรรดิสายฟ้า, ผู้เล่นดอกบัวขาว และผู้เล่นราชินีเพลิงได้กลายเป็นผู้เล่นกลุ่มแรกที่เคลียร์ สุสานกระดูกได้!>
การประกาศอย่างกะทันหันทำให้ผู้เล่นหลายๆคนตกใจ แต่ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่เคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้ แต่เป็นเพราะทั้งสามตระกูลที่อยู่ในอันดับมรดก ได้รวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน หรือก็คือพวกเขาร่วมมือกันเพื่อเคลียร์ดันเจี้ยน ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีตระกูลไหนร่วมมือกับตระกูลอื่นมาก่อน
“สามในสิบอันดับแรกของอันดับมรดก กำลังร่วมมือกันในการเคลียร์ดันเจี้ยนงั้นหรอ!?”
“บางทีพวกเขาอาจจะเป็นพันธมิตรกันเพื่อโค่นหยวนก็ได้นะ”
“อาจจะเป็นไปได้…”
ผู้เล่นหลายคนกำลังพูดเกี่ยวกับประกาศครั้งใหม่ภายในเกม ผู้เล่นที่ติดอันดับมรดกถึงกับร่วมมือกัน ปกติเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาต้องต่อสู้และแย่งชิงทรัพยากรต่างๆกันเป็นอย่างมากกว่าจะได้อันดับมรดกนี้มาครอง
มีผู้เล่นเพียง 100 คนเท่านั้นที่จะอยู่ในอันดับมรดก การเป็น 1 ใน 100 ของอันดับมรกดนี้ ทำให้ได้กำไรมากมาย และแทบจะไม่มีผลเสียอะไรเลย ทำให้ได้ทั้งความมั่งคั่ง ชื่อเสียง และอำนาจ ใครๆก็สามารถได้รับทุกสิ่งเพียงแค่อยู่ในการจัดอันดับมรดก นอกจากนี้พวกเขายังรวมตัวกันและหาผู้เล่นคนอื่นๆมาเพื่อช่วยในการไต่อันดับมรดกของพวกเขา ซึ่งคล้ายๆกับกิลด์หรือกลุ่มภายในเกมอื่นๆ
ผู้เล่นนับไม่ถ้วนต่อสู้กันในทัวร์นาเมนต์ทั่วโลก เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับมรดก นอกจากนี้จะมีเพียงเกมเกมเดียวเท่านั้นที่เลือกให้เป็นจุดสนใจในทุกๆ ทศวรรษ การจัดอันดับจึงจะเปลี่ยนแปลงทุกๆ ทศวรรษ และเกม Cultivation Online นี้ถูกเลือกให้เป็นจุดสนใจหลักในทศวรรษนี้ และเป็น VRMMORPG ที่ร้อนแรงที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน
หลังจากนั้นก็มีการประกาศอีกอันหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าของทุกๆคน
“ในที่สุดเขาก็ปรากฎตัวแล้วสินะ”
จักรพรรดิสายฟ้ามองชื่อในประกาศ
เสี่ยวลู่ จากสวรรค์ของพระเจ้า ยืนอยู่บนจุดสูงสุงของการจัดอันดับมรดก ในฐานะผู้เล่นอันดับหนึ่งในโลกนี้ เขาเป็นบุคคลสำคัญแม้แต่ในโลกของความเป็นจริง โดยเป็นเจ้าของบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง
“แม้แต่ผู้เล่นระดับเขาที่ไม่เคยมีใครเทียบได้ ยังได้รับอุปกรณ์ระดับต่ำสุดในเกมนี้หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง…แต่นี่หยวน…”
ราชินีเพลิงถอนหายใจเสียงดัง
“เสี่ยวฮัว อุปกรณ์มีระดับอะไรบ้างหรอ?”
หยวนถามหลังจากเห็นประกาศ
“ก็มีระดับวิญญาณ, ระดับโลก, ระดับสวรรค์ แล้วก็ระดับเทพ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นอีกสี่ระดับตามคุณภาพของมัน คือ ระดับต่ำ ระดับปานกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด มีระดับอื่นๆ ที่สูงกว่าเทพด้วยแต่ไม่ต้องกังวลไปพี่หยวน พวกเราจะพบได้ในดินแดนที่สูงขึ้นไป”
“ดินแดน…ที่เธอเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ มันหมายความว่ายังไงที่จะพาพี่ไปที่ดินแดนต่อไปหน่ะ”
“อ๋อ ก็ตอนนี้พี่หยวนอยู่ดินแดนที่ต่ำที่สุด เรียกว่าสวรรค์ชั้นล่าง งานของเสี่ยวฮัวก็คือช่วยให้พี่หยวนขึ้นไปถึงดินแดนสูงสุด หรือก็คือสวรรค์ชั้นสูงสุดค่ะ”
“งานของเธอหรอ?”
หยวนถามเสี่ยวฮัว ใครให้งานนี้กับเธอกันนะ?
“เสี่ยวฮัวได้รับมรดกสวรรค์สูงสุด ก็เลยเป็นงานที่เสี่ยวฮัวต้องหาผู้สืบทอด”
“มันเป็นเกมที่ลึกล้ำมากๆ”
หยวนมองไปบนท้องฟ้า
“แล้วพวกเราจะไปดินแดนต่อไปยังไงกันล่ะ”
“ตอนนี้พี่หยวนอ่อนแอเกินไป ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อน ถึงจะไปได้”
“อ๋อ เกมดำเนินเนื้อเรื่องแบบนี้สินะ”
หยวนเริ่มเข้าใจเป้าหมายของเกมมากขึ้น
“มีรางวัลสำหรับการที่เราไปถึงที่นั่นมั้ย สวรรค์ชั้นสูงสุดหน่ะ”
หยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ทุกอย่าง”
เสี่ยวฮัวตอบ
“ผู้ชนะจะได้ทุกๆอย่างในโลกใบนี้ พูดง่ายๆก็คือถ้าใครเป็นผู้ชนะพวกเขาจะกลายเป็นพระเจ้าของโลกใบนี้ค่ะ”
“เอ๋?”
หยวนไม่ได้คาดหวังสิ่งตอบแทนที่มากมายขนาดนี้
“อนุญาตให้ผู้เล่นเป็นเพราะเจ้างั้นหรอ ผู้ดูแลระบบจะให้อำนาจแก่ผู้ที่ไปถึงจุดสูงสุดงั้นหรอเนี่ย”
‘แต่ฉันไม่ได้หวังจะใช้พลังเพื่อเหตุผลพวกนั้น เพราะฉะนั้น ฉันจะมีความสุขกับชีวิตของฉันอย่างเต็มที่ และให้คนอื่นต่อสู้เพื่อรางวัลนั้นไป’
หยวนคิดกับตัวเอง เขาพอใจที่เขาสามารถใช้สายตา แขน และขาของเขา ตามความต้องการที่เขาอยากจะใช้มันมาตลอดก็เท่านั้น
หลังจากเดินไปสักพักหยวนก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
“เสี่ยวฮัวพวกเราจะไปไหนกันดี แล้วพวกเราต้องทำอะไรต่อไปหรอ?”
หยวนถามเธอ
เสี่ยวฮัวมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย และพูดว่า
“ช่วยทำให้พี่หยวนแข็งแกร่งขึ้นนะสิ”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ”
แม้หยวนจะไม่ต้องการความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะปฏิเสธเช่นกัน
“นั่นไง”
เสี่ยวฮัวชี้ไปที่ทุ่งโล่งกว้าง กลางทุ่งมีตัวอะไรสักอย่างที่สูงอย่างน้อย 5 เมตร
“นั่น…คือกบ…หรอ?”
หยวนกระพริบตาถี่ๆ เมื่อเห็นกบตัวใหญ่ที่มีสีผิวเหมือนหยกนั่งอยู่ มันกำลังนั่งหลับอยู่ตรงกลางทุ่งนั้น
“นั่นกบหยก มันมีพลังเท่ากับผู้ฝึกวิญญาณระดับเก้า”
“ผู้ฝึกวิญญาณระดับเก้าเลยงั้นหรอ พี่เป็นผู้ฝึกวิญญานระดับเจ็ดเองนะ นี่มันไม่เท่ากับว่าพี่เข้าไปฆ่าตัวตายหรอไง”
หยวนแทบร้องไห้เมื่อได้ยินเสี่ยวฮัวพูดแบบนั้น
“แม้ว่ากบหยกจะมีฐานพลังสูงกว่าพี่ถึง 2 ระดับ แต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะพี่หยวนได้ฝึกเทคนิคสวรรค์มาแล้ว ทำให้พี่แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกในระดับเดียวกัน”
“จริงหรือ”
หยวนถาม
“อื้ม”
เสี่ยวฮัวตอบ
“แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าจะสู้ยังไง พี่ไม่รู้วิธีการต่อสู้ อ่า…มันเห็นพวกเราแล้ววววว”
หยวนชี้ไปทางกบหยกที่หันหน้ามามองทางนี้ พร้อมจิตสังหารที่มันปล่อยออกมาจากการมองของมัน
ทันใดนั้นกบหยกก็กระโดดและปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าหลายสิบเมตร ราวกับว่ามันสามารถจับก้อนเมฆได้เลยทีเดียว
“ระวัง!”
หยวนจับเอวเสี่ยวฮัวด้วยสัญชาตญาณ และกระโดดถอยหลังเพื่อหลบในวินาทีต่อมา กบหยกลงมาถึงจุดที่เขายืนอยู่เมื่อสักครู่ ทำให้เกิดรอยหลุมขึ้นที่พื้น
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
หยวนปาดเหงื่อ เมื่อเห็นรอยหลุมบนพื้น
“พี่หยวนเก่งนะเนี่ย”
เสี่ยวฮัวยกนิ้วให้ แล้วเดินไปด้านข้าง
กบหยกไม่สนใจเสี่ยวฮัวเลย มันจ้องมาที่หยวนเพียงคนเดียว
“แล้วพี่จะสู้กับกบหยกตัวนี้ได้ยังไง พี่ไม่มีอาวุธเลยนะ?”
หยวนตะโกนออกมาเสียงดัง
“งั้นพี่หยวนใช้สิ่งนี้ก็ได้”
เสี่ยวฮัวดึงดาบเหล็กออกมาจากเสื้อคลุมของเธอ
เมื่อเธอดึงดาบออกมา ก็ทำให้กบหยกกระโดดเข้าหาเธอแทน เนื่องจากเสี่ยวฮัวมีอาวุธทำให้เป็นกบหยกคิดว่าเธอเป็นภัยคุกคามมากกว่าหยวนที่มีแค่มือเปล่า มันจึงไม่สนใจหยวนและไปสนใจเธอแทน
“เสี่ยวฮัวระวังงง!!”
หยวนตะโกนเตือนเธอ แต่เสี่ยวฮัวมองดูกบที่กระโดดเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเฉยๆ
ตู้ม! พื้นสั่นเล็กน้อยเมื่อกบหยกกระโดดใส่ร่างเล็กๆของเสี่ยวฮัว
ดวงตาของหยวนเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะเขาคิดว่าเสี่ยวฮัวนั้นแหลกละเอียดไปแล้ว แต่ทันใดนั้นก็มีหมอกสีม่วงซึมออกจากเท้าของกบหยก หยวนกลับมามีสติอีกครั้ง หมอกสีม่วงค่อยๆรวมตัวกันข้างๆหยวนและกลายเป็นร่างของเด็กหญิงตัวเล็กๆ
“เสี่ยวฮัว!!”
หยวนรู้สึกงงกับสิ่งที่เขาเห็น ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“เป็นอะไรไปหรอพี่หยวน”
เธอถามด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”
“หมายถึงร่างหมอกสีม่วงของเสี่ยวฮัวหรอ?”
“นั่นก็ด้วย แต่พี่หมายถึงที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อรับการโจมตีของเจ้ากบนั่น เธอเกือบทำให้พี่หัวใจวายแล้วรู้ไหม!”
“ก็พี่หยวนบอกกว่าห้ามใช้พลังจนกว่าพี่หยวนจะอนุญาตนี่หน่า”
หยวนมองเธอด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง พร้อมกับความงงงวยที่เสี่ยวฮัวใช้คำพูดของเขากับเหตุการณ์เมื่อกี้
“เธอนี่งี่เง่าจริงๆ”
หยวนตะโกนใส่เธอ
เสี่ยวฮัวตกใจว่าทำไมหยวนถึงว่าเธอ
“ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ให้เธอใช้พลัง ก็ไม่ได้แปลว่าให้เธออยู่เฉยๆไม่หลบการโจมตีนี่!”
หยวนไม่พอใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้มาก เขาเป็นห่วงเธอจริงๆ แต่ก็เพราะเขาบอกให้เธอไม่ใช้พลัง โดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เอง เขาจึงไม่ได้ว่าอะไรเสี่ยวฮัวอีก
เสี่ยวฮัวเป็นเพียง NPC ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้แสดงและทำบางอย่าง ดังนั้นหากหยวนบอกให้นั่งเธอก็จะนั่ง แต่หยวนไม่ได้นึกถึงว่าเธอเป็น NPC และคิดว่าเป็นมนุษย์จริงๆ เขาจึงบอกให้เธอใช้พลังแค่ตอนที่เขาอนุญาต
“ขอโทษ…”
เสี่ยวฮัวขอโทษ
“เห้อออ…พี่สิควรขอโทษ ที่บอกให้เสี่ยวฮัวทำแบบนั้นโดยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ให้ดีก่อน พี่ขอโทษนะ”
“???”
“ตอนที่บอกว่าห้ามใช้พลัง พี่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดผนึกพลังของเธอ หากเธอรู้สึกอยู่ในอันตราย และจำเป็นต้องใช้พลังก็สามารถใช้มันได้ โอเคนะ”
“แล้วที่ต้องขออนุญาตพี่หยวนก่อนละ”
“ที่พี่พูดหมายถึงว่าจะให้เสี่ยวฮัวใช้พลังได้ตามวิจารณญาณของเธอ ไม่จำเป็นต้องทุบไข่ด้วยก้อนหินนี่ เธอต้องคิด และตัดสินใจให้ดีก่อนจะใช้พลังนะ”
“อ๋อ เสี่ยวฮัวเข้าใจแล้วค่ะพี่หยวน”
เสี่ยวฮัวตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“ดีมาก งั้นเอาดาบมาให้พี่เถอะ พี่ต้องจัดการกับเจ้ากบตัวนี้”
วินาทีที่คว้าดาบเหล็ก ข้อมูลของดาบก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
“ดาบดีเลยนี่”
หยวนชอบดาบนี้ทันทีหลังจากเหวี่ยงในอากาศสองสามครั้ง