บทที่ 979 ทักษะรนหาที่ตายแบบใหม่

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

สวี่ซูหานวิ่งเร็วมาก…แต่ถึงแม้อย่างนั้น พวกเขากลับยังคงไม่สามารถสลัดสัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างหลังพวกนั้นหลุด…และเมื่อเสียง “สวบสาบๆ” ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หมอกสีดำกลุ่มนั้นก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทางพวกเขา และมาอยู่ติดข้างหลังเขาในเวลาอันรวดเร็ว ชั่วขณะหนึ่ง เธอถึงขั้นแยกไม่ออกว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ไล่ตามพวกเธอมา หรือว่าหมอกสีดำกลุ่มนั้นกันแน่ที่ต้องการกลืนกินพวกเธอ…

“ทำยังไงดี?” สวี่ซูหานถามอย่างลนลาน ภายใต้สถานการณ์ที่วิ่งสุดกำลัง เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงอันตราย นึกย้อนไปถึงเสียงกรีดร้องเมื่อกี้รวมถึงกะโหลกศีรษะที่ถูกดึงออกมา เธอก็ไม่กล้าคิดแล้วว่าในหมอกสีดำข้างหลังนี้มีอะไรอยู่กันแน่…แต่อย่างน้อยที่รู้ๆ คือ เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดพวกนั้นในสถานการณ์อย่างนี้…

และคนที่จะสามารถทำอะไรได้บ้างในตอนนี้ ก็เห็นจะมีแต่หลิงม่อคนเดียวเท่านั้น…ความจริงก่อนที่เธอจะอ้าปากพูด หลิงม่อก็ได้เริ่มลงมือไปแล้ว วิธีการโต้กลับของเขาค่อนข้างรุนแรง…นอกจากปืนพกที่เขาล้วงออกมาแล้ว ยังมีหนวดสัมผัสที่ถูกแผ่ออกไปอย่างไม่ขาดสายด้วย และในขณะที่เขาหันหลังกลับไปโจมตี เขากลับทำหน้าประหลาดสุดขีดออกมา…

“ช่วยหามุมให้หน่อยได้ไหม?” หลิงม่อถาม

สวี่ซูหานสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบออกไป “ได้อยู่แล้ว…” ทางเดินเส้นนี้เป็นเส้นตรงส่วนมาก แต่ก็ยังมีทางโค้งอยู่บ้าง และในความจำของเธอ ทางโค้งอย่างนี้ก็ไม่ได้มีแค่จุดเดียว แต่ปัญหาคือ เขาถามทำไม? หรือคิดจะเพิ่มระยะห่างโดยอาศัยลักษณะพื้นที่ดังกล่าวงั้นหรอ?

“ถ้างั้นก็ดี ถ้าไปถึงตรงนั้นแล้วหยุดแป๊บหนึ่ง” หลิงม่อบอก

“อะไรนะ?! ให้หยุด?”

นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ! หมอกสีดำนั้นเคลื่อนไหวเร็วมากนะ! นี่ขนาดเธอวิ่งสุดแรงยังเกือบหนีไม่พ้น แต่กลับให้หยุดงั้นหรอ…

แต่ถึงแม้อย่างนั้น สวี่ซูหานกลับไม่ได้พูดอะไรออกไป…หลิงม่อไม่มีทางทำร้ายพวกเธอ อย่างน้อยเธอก็มั่นใจเรื่องนี้ได้…ไม่ได้หมายความว่าหลิงม่อไม่เคยทำพลาด แต่เป็นเพราะหากเทียบกับเธอ หลิงม่อเห็นคุณค่าโอกาสในการมีชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า จริงๆ แล้วนี่เป็นเพียงความรู้สึกของเธอล้วนๆ…แต่ที่น่าแปลกก็คือ คนที่มีนิสัยรอบคอบระวังตัวแจอย่างนี้ กลับมักจะทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ แต่เธอในฐานะที่เป็นซอมบี้ที่ไม่ควรกลัวตาย กลับกลายเป็นฝ่ายขวัญหนีดีฝ่อแทน!

“หลิงม่อ ข้างหน้านี้มีทางเลี้ยวอยู่ทางหนึ่ง!” สวี่ซูหานตะโกนบอกทันใด

“วิ่งไปเลย!” หลิงม่อบอก

สวี่ซูหานจ้องทางเลี้ยวมืดๆ ข้างหน้านั้น พลางกัดฟันกรอดอย่างไม่รู้ตัว สัตว์ประหลาดที่อยู่ข้างหลังพวกนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว เธอกระทั่งรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หมอกสีดำกลุ่มนั้นอยู่ห่างจากพวกเธอไม่ถึงห้าเมตรเท่านั้น…ทันทีที่เธอหยุด ระยะห่างก็จะลดเหลือ 1 – 2 เมตรเท่านั้น…และระยะห่างแค่นี้สำหรับสัตว์ประหลาดพวกนั้นไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคเลยซักนิด…หนึ่งวิ ไม่สิ บางทีอาจใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวิด้วยซ้ำ ที่พวกเขาจะต้องกลายเป็นเหมือนเจ้า “โอเบลิสก์” ตัวนั้น…หัวขาดจากร่าง ตายศพไม่สวย…

“ฉันเร่งความเร็วได้ไหม? ทันทีที่หยุด ฉันจะเริ่มวิ่งอีกครั้งได้ไหม? ทำไงดี? จะหยุดดีไหม? หรือว่าเร่งความเร็วแล้วพุ่งเข้าไป? จะทำยังไงดี!”

สวี่ซูหานยังคงครุ่นคิดอย่างสับสน แต่เท้าของเธอกลับพาหลิงม่อวิ่งพุ่งเข้าไปยังทางเลี้ยวที่ห่างออกไปไม่ถึงสองเมตรในระยะทางตรง

ในเสี้ยววินาทีที่เธอหยุดวิ่ง เสียง “สวบสาบ สวบสาบ” ข้างหลังพลันดังเข้ามาใกล้ทันที!

“หลิง…”

สวี่ซูหานเพิ่งจะอ้าปาก แต่กลับถูกปิดปากทันที ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่เธอเบิกตาค้าง หลิงม่อดึงเธอให้นั่งยองๆ และถอยเข้าไปในมุมกำแพง

“ทำอะไรเนี่ย!”

สวี่ซูหานอึ้งค้างไปแล้ว เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น! คราวนี้อย่าว่าแต่เร่งความเร็วเลย พวกเธอแทบจะรอความตายอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ!

ในขณะที่เธอกำลังอึ้งค้าง หมอกสีดำกลุ่มนั้นก็กรูเข้ามาล้อมพวกเธอไว้อย่างรวดเร็ว…

ทันใดนั้น ราวกับเวลาเดินช้าลงหลายเท่า ในเสี้ยววินาทีที่การมองเห็นถูกบดบังจนมิด สวี่ซูหานได้ยินเสียง “สวบสาบ” ดังมาจากรอบทิศ ชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกตะขาบยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนล้อมไว้ เธอรู้สึกได้ถึงกระทั่งเท้าของพวกมันที่กำลังไต่ผ่านร่างกายตัวเอง…

สวี่ซูหานตัวสั่นสะท้านโดยอัตโนมัติทันที…

“ตายแน่ๆ…”

แต่ในตอนที่เธอกำลังจะถูกความหวาดกลัวคลอบงำ สัมผัสอุ่นๆ พลันแผ่มาจากข้างหลังเธอ ขณะเดียวกัน เธอได้ยินเสียงอื่นนอกเหนือจากเสียง “สวบสาบ”…มันคือเสียงหัวใจเต้นดัง “ตึกตัก ตึกตัก” ที่แนบติดแผ่นหลังเธอ มันชัดเจนจนราวกับว่าดังมากจากตัวเธอเอง…

“อ๊ะ!”

สวี่ซูหานได้สติทันที และในตอนที่เธอได้สติ เสียง “สวบสาบ สวบสาบ” พวกนั้นก็ได้หายเข้าไปในส่วนลึกของทางเดิน…

“อ้าว? ไม่ตายนี่? ทำไมล่ะ?”

รอบข้างเงียบกริบ นอกจากความมืดที่ยังคงอยู่ ก็เหมือนกับไม่มีอะไรอีกแล้ว…ช่วงเวลาที่ยาวนานและน่ากลัวเมื่อกี้เหมือนฝันร้ายครั้งหนึ่ง ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง…แต่อาการเกร็งที่ยังรู้สึกได้จากทั่วร่างกายกลับเป็นตัวบ่งบอกอย่างดี ว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งรอดพ้นความตายมาได้จริงๆ…สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดำพวกนั้น เพิ่งไต่ข้ามร่างกายเธอไปจริงๆ…

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกมันไปแล้ว” อยู่ๆ เสียงของหลิงม่อก็ดังมาจากข้างหลัง

สวี่ซูหานสะดุ้ง แล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าหลิงม่อปล่อยมือออกจากปากเธอแล้ว และร่างกายของเธอก็แนบชิดอยู่กับร่างกายของหลิงม่อ ถึงขั้นที่หัวของเธอพิงหน้าอกของเขาอยู่เลยทีเดียว…ไม่น่าล่ะเสียงหัวใจเต้นถึงได้ชัดขนาดนั้น! ระยะห่างเท่ากับศูนย์ขนาดนี้จะได้ยินไม่ชัดได้ยังไงล่ะ!

“คือว่า…ฉัน…” สวี่ซูหานรีบยืดตัวตรง แต่พอนึกถึงสัมผัสเมื่อกี้ เธอก็อดรู้สึกแข้งขาอ่อนไม่ได้…

“โอ๊ย…” หลิงม่อคราง ขณะที่ล้มลงไปพิงผนังพร้อมกับสวี่ซูหานอีกครั้ง

“ขอโทษที! ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ…” สวี่ซูหานลูบคลำตัวหลิงม่ออย่างเลิ่กลั่ก แต่อยู่ๆ ก็นิ่งไป สองวินาทีผ่านไป เธอพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อหลิงม่ออย่างแรง “ตาบ้าแซ่หลิง นายทำให้ฉันตกใจแทบตาย! เมื่อกี้ฉันคิดว่าตัวเองใกล้ตายแล้วจริงๆ!”

“ก็มันไม่มีเวลาอธิบายนี่นา” หลิงม่อบอกอย่างจนใจ

“เฮ้อ…” สวี่ซูหานที่กำลังจะระบายความโกรธชะงักไป พอลองนึกย้อนไป ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ…ตั้งแต่ที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน จนถึงตอนที่พวกเธอมาซ่อนที่นี่…ถึงแม้รู้สึกว่ามันยาวนานมาก แต่ความจริงกลับผ่านไปเพียงประมาณสิบวินาทีเท่านั้น และถึงแม้ว่าพวกเธอจะวิ่งออกมาไกล แต่กลับยังวิ่งไปไม่ถึงปากหลุมซี๊เมนต์ที่เข้ามาก่อนหน้านี้…ไม่มีเวลาอย่างที่เขาบอกจริงๆ

“แต่ว่า…” สวี่ซูหานยังอยากจะพูดอะไร แต่หลังจากนิ่งไปหลายวินาทีติดต่อกัน เธอกลับปล่อยคือเสื้อหลิงม่อ พร้อมกับพึมพำว่า “ตกใจแทบตาย…”

“ขอโทษที” หลิงม่อกลับพูดขึ้น

“หา? นี่นายขอโทษฉันจริงๆ หรอ…” สวี่ซูหานกลับแปลกใจ

“ฉันไม่ควรให้เธอมาเสี่ยงอันตรายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…โอ๊ย!” ยังพูดไม่ทันจบ หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนถูกหยิกเอว เขาแยกเขี้ยวใส่เธอ “ทำอะไรของเธอเนี่ย…”

“ใครใช้ให้นายพูดมาก!” สวี่ซูหานสะบัดหน้าหนี

“ฉันก็ขอโทษอยู่นี่ไง!”

“นาย…ช่างเถอะ ไม่อยากเสียเวลาพูดกับนาย เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น? นายคงไม่ได้คิดจะลองเสี่ยงชีวิตส่งเดชหรอกใช่ไหม?” สวี่ซูหานฟึดฟัดเปลี่ยนเรื่องคุย

หลิงม่อหน้าบึ้งนวดคลึงเอวตรงที่ถูกหยิก พลางบอกว่า “ไม่ใช่อยู่แล้ว…ฉันก็แค่เพิ่งจะมั่นใจในความคิดนี้ ตอนที่ฉันตะโกนส่งสัญญาณบอกเธอต่างหาก จะว่าไป เราหาคำตอบจากในมือถือเครื่องนี้ก็ได้นี่”

พูดไป เขาก็เอามือถือเครื่องนั้นขึ้นมา

บนมือถือมีคราบเลือดติดเต็มไปหมด แต่หน้าจอยังคงทำหน้าที่อัดวิดิโอต่อไป

“โชคดีที่ยังไม่เสีย” หลิงม่อถอนหายใจ จากนั้นก็เริ่มกดหน้าจอสองสามครั้ง

สวี่ซูหานถามอย่างแปลกใจ “จะดูตอนนี้เลยหรอ?” เห็นชัดว่าเธอยังกังวลเรื่องสัตว์ประหลาดพวกนั้นอยู่ และการต้องอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอย่างนี้ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีจริงๆ

“เธอไม่รู้อีกหรอ?” หลิงม่อเงยหน้าถาม

“อะไร?”

“เดี๋ยวอีกแป๊บหนึ่งเธอจะเริ่มมองเห็นบางสิ่ง ขอเพียงไม่ใช่ที่ที่สัตว์ประหลาดพวกนั้นอยู่ มันก็จะไม่มืดมาก” หลิงม่อแกว่งมือถือไปมา แล้วบอก

สวี่ซูหานชะงัก เธอรีบจ้องมองหน้าหลิงม่ออย่างตั้งใจ “จริงด้วย…ฉันไม่รู้ตัวเลย”

“เป็นเรื่องปกติ เพราะเธอเห็นรางๆ อยู่แล้ว เลยไม่วังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ การที่พวกเรามองเห็นได้ แสดงว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นอยู่ห่างจากเราไกลพอสมควร เพราะฉะนั้นหายห่วงได้ชั่วคราว” หลิงม่ออธิบายอย่างใจเย็น

“อย่างนี้นี่เอง…” สวี่ซูหานพยักหน้า จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้ ชะโงกหน้ามองหน้าจอมือถือด้วย “ถ้าอย่างนั้นก็รีบดูเถอะ เมื่อกี้เห็นแต่หมอกสีดำ ไม่เห็นรูปร่างของสัตว์ประหลาดพวกนั้นเลยซักนิด”

“อื่ม…” หลิงม่อกดเปิดวิดิโอ เมื่อภาพวิดิโอในมือถือสั่นไหว ไม่ช้าเงาร่างเลือนรางเส้นหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตัว…

———————————————