บทที่ 980 ตาสีแดงที่ปรากฏในเลนส์กล้อง

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“…ลุยเลย” เสียงของหลิงม่อดังออกมาจากลำโพงมือถือ ตามมาด้วยเสียงวัตถุกระแทกเสียดสีกัน บนหน้าจอแสดงภาพที่เจ้า “โอเบลิสก์” กำลังสะบัดแขนไปทั่ว รวมถึงไอหมอกมืดที่พรั่งพรูมาทางกล้องมือถือให้เห็นรางๆ …

“จะเข้าไปแล้ว…” สวี่ซูหานพูดขึ้นอย่างลุ้นระทึก ถึงแม้รู้ว่าเป็นการถ่ายวิดิโอ แต่หลังจากผ่านเหตุกานณ์ระทึกขวัญเมื่อกี้มาด้วยตัวเอง เธอกลับรู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในในวิดิโอด้วย เหมือนเธอเป็นคนที่ถือมือถือเข้าไปในนั้นเสียเอง กลับกัน พอหันไปมองหลิงม่อ ตาคนนี้กลับยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม กระทั่งรู้สึกเหมือนเห็นความตื่นเต้นจากสายตาเขารางๆ

“น่ารำคาญจริงๆ…” สวี่ซูหานอดพึมพำในใจไม่ได้ พลางถลึงตาโตจ้องหน้าจอมือถืออย่างไม่อยากยอมแพ้ ก็แค่วิดิโอสั้นๆ ไม่กี่วินาทีเอง…

ตอนนี้ กล้องถ่ายได้ถูกไอหมอกมืดมืดเหล่านั้นปกคลุมไปทั่วแล้ว ภาพที่แสดงบนหน้าจอจึงดำสนิท กระทั่งหลังจากภาพส่ายไปมาสองสามครั้ง จึงค่อยเห็นเป็นเค้าโครงรางๆ ดูจากความละเอียดภาพ ถือว่าแย่มากทีเดียว แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ พวกเขาสองคนก็ยิ่งสังเกตอย่างละเอียดกว่าเดิม เพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป

“อ๊ะ!” อยู่ๆ สวี่ซุหานก็ร้องขึ้นมา เธอหดตัวอย่างหวาดกลัวแต่ก็ชี้นิ้วไปที่หน้าจอ “เมื่อกี้มีเงาเงาหนึ่ง…”

“มือของสัตว์ประหลาดตัวนั้น” หลิงม่อยังคงจ้องหน้าจอ พลางอธิบาย “ตอนนั้นยังเข้าไปได้ไม่นาน ถึงจะมีอะไรอยู่ก็ยังไม่เจอหรอก แต่เธอสังเกตไหม? พอถึงตรงนี้ก็ไม่มีเสียงแล้ว”

“ไม่มีเสียง?” สวี่ซูหานหันกลับไปสนใจวิดิโออีกครั้ง พอได้ยินหลิงม่อบอกอย่างนั้นจึงค่อยมารู้ตัวตอนนี้—ไม่มีเสียงแล้วจริงๆ ด้วย เหมือนว่ามือถือเครื่องนี้เริ่มไม่มีเสียงอะไรดังออกมา ตั้งแต่ที่หน้าจอกลายเป็นสีดำสนิท…

ความจริงเทียบกับความสามารถในการมองเห็นเวลากลางคืนของซอมบี้แล้ว ฟังก์ชันการถ่ายภาพกลางคืนของมือถือเครื่องนี้ก็ยังถือว่าด้อยกว่ามาก…แต่มันก็มีข้อดีไม่น้อย หนึ่งคือปลอดภัย สองคือสามารถบันทึกไว้ได้ ทันทีที่เปิดฟังก์ชันการบันทึกภาพ การบันทึกเสียงก็จะเริ่มทำงานด้วย แต่ตอนนี้ภาพยังคงถูกบันทึกไว้ได้ ในขณะที่เสียงได้เงียบหายไป เครื่องเสียหรอ? เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้ยังมีเสียงอยู่เลยนี่ สภาพแวดล้อมรอบข้างในตอนนั้นอาจจะเงียบมาก แต่เสียงดิ้นขัดขืนของเจ้า “โอเบลิสก์” ล่ะ? ไม่มีทางที่อยู่ๆ มันจะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง แล้วยอมเดินเข้าไปเงียบๆ แน่นอน…

“สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ขยับแล้วหรอ?” สวี่ซูหานถามขึ้น

หลิงม่อมุมปากกระตุก บอกว่า “ใช่แล้ว ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ฉันสามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของมันผ่านพลังสัมผัสรู้ ดังนั้นเรื่องนี้ฉันมั่นใจ เธอว่าไง คิดว่ามันแปลกไหม?”

สวี่ซูหานพยักหน้า “อื่ม…ตามหลักแล้ว มันมีโอกาสอยู่ห่างจากพวกเราทั้งที แถมยังได้เดินเข้าไปในอาณาเขตของพรรคพวกตัวเอง ควรจะขัดขืนหนักกว่าเดิม เพื่อฉวยโอกาสหนีไปจากพวกเราถึงจะถูก…”

“อืม ที่เธอพูดคือวิธีที่ถูกต้องในสถานการณ์ทั่วไป แต่ที่นี่ มันกลับกลายเป็นวิธีที่อันตรายถึงชีวิต” หลิงม่อบอก

“หมายความว่าไง? หา…นี่นายหมายความว่า…” สวี่ซูหานพลันนึกถึงพฤติกรรมของสัตว์ประหลาดฝูงเมื่อกี้ที่พวกเธอเพิ่ง “หลบ” มาได้…พอเปรียบเทียบกัน วิธีที่พวกเขาใช้ก็ดูจะคล้ายกับสิ่งที่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังทำในวิดิโอนี้มาก!

 “ใช่ ความจริงตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แค่รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่อยู่ๆ ก็ดันมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นก่อน…” หลิงม่อบอก

เวลานี้ อยู่ๆ ภาพวิดิโอบนหน้าจอมือถือพลันมีบางอย่างเปลี่ยนไป

 “สวบสาบ สวบสาบ…”

“สัตว์ประหลาดพวกนั้นนี่!” สวี่ซูหานยกมือปิดปากทันที สีหน้าเธอแสดงถึงความหวาดผวา ถึงแม้เสียงเบามาก แต่สำหรับเธอในตอนนี้ มันกลับไม่ต่างจากเสียงฟ้าผ่าเลยซักนิด เธอถึงขนาดสามารถจินตนาการได้ว่าในไอหมอกมืดพวกนั้นมีอะไรกำลังปีนป่ายเข้ามา และจ้องมองเธอผ่านหน้าจอมือถืออยู่…

“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้ยังอยู่ห่างกันอีกไกล ฉันเดาว่าเป็นเพราะถูกแสงจากมือถือดึงดูดความสนใจ เลยมีปฏิกิริยาอย่างนี้ อีกอย่าง การตอบสนองของพวกมันในตอนนี้ยังถือว่าเบามาก…”

เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ เสียงที่ได้ยินถือว่ายังเบามาก ถ้าพวกมันพุ่งเข้ามาจริงๆ เสียง “สวบสาบๆ” คงดังก้องมือถือไปแล้ว แต่สวี่ซูหานกลับไม่เข้าใจที่เขาบอก ในเมื่อเห็นแสงไฟจากมือถือแล้ว ทำไมสัตว์ประหลาดพวกนั้นกลับยังตอบสนอง “เบามาก” อย่างนี้อยู่อีกล่ะ? เธอคิด พลางถามออกไป

“เรื่องนั้นน่ะหรอ…ใช่สิ เธอจำจุดประสงค์ของสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ใช่ไหม? ตอนแรกมันคิดจะล่อพวกเราเข้าไป ฉันเดาว่ามันคงวางแผนไว้อย่างนี้—มันจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปคนเดียวก่อน พร้อมกับฉวยโอกาสเพิ่มระยะห่างไปด้วย จากนั้นพวกเราที่เดินตามมันเข้าไปในไอหมอกมืดทีหลัง ก็จะถูกจับตามองเพราะส่งเสียงดัง” หลิงม่อบอก

สวี่ซูหานพยักหน้าอย่างตกใจ “ถ้าอย่างนั้น พวกมันก็มีปฏิกิริยาต่อเสียงเป็นหลักน่ะสิ?”

“อื้ม! แต่ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง ต้องบอกว่ามีปฏิกิริยาต่อลมหายใจมากกว่า สัตว์ประหลาดพวกนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิต จากนั้นพวกมันก็จะลอบโจมตีอยู่ในไอหมอกมืด” หลิงม่อพูดเสริม

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…” สวี่ซูหานขนลุก…ถึงแม้สิ่งที่หลิงม่อพูดล้วนเป็นการคาดเดา แต่พอเอามาพิจารณาร่วมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน มันกลับกลายเป็นข้อสันนิษฐานที่ใกล้เคียงความจริงมาก เดิมทีเธอนึกว่าสัตว์รปะหลาดพวกนั้นต้องเตรียมแผนการชั่วร้ายมาเล่นงานพวกเธอแน่นอน กลับไม่คิดว่าจะเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้

แต่ยิ่งเป็นวิธีที่ง่าย ก็ยิ่งทำให้คนติดกับได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องลมหายใจ ใครจะไปคาดคิดได้กัน? ดังนั้นพอมาคิดดูตอนนี้ เธอก็รู้สึกกลัวไม่หาย…

ไม่น่าล่ะตอนนั้นหลิงม่อถึงได้ปิดจมูกเธอด้วย คิดว่าตอนนั้นเขาเองก็คงกำลังพยายามกลั้นหายใจอยู่เหมือนกัน…

“แต่ตอนนั้นเราทับตัวเขาไว้นี่นา? ทำไมไม่เห็นเขาบ่นอะไรเลย…” ความคิดของสวี่ซูหานล่องลอยกลับไปในตอนนั้น แต่ไม่นานเธอก็สะดุ้ง และพยายามดึงสติตัวเอง เวลาแบบนี้จะมาคิดเรื่องนี้ทำไมกัน…ตั้งใจดูวิดิโอสิ!

พวกเขายังคงอยู่ในไอหมอกมืด สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็อาจกลับมาทุกเมื่อ ฉวยโอกาสตอนนี้ทำความเข้าใจมากๆ หน่อย อีกเดี๋ยวอัตราการรอดชีวิตของพวกเขาจะได้เพิ่มขึ้น อีกอย่างเธอก็พอจะเดาความคิดของหลิงม่อได้แล้วไม่มากก็น้อย…เขาคงไม่ได้คิดจะรีบออกไปจากที่นี่สินะ…

“ฟังสิ เสียงดังขึ้นแล้ว” หลิงม่อเอามือถือเข้ามาใกล้ พลางบอก

เสียง “สวบสาบๆ” ดังชัดกว่าเมื่อกี้จริงๆ กอปรกับการวิเคราะห์ของหลิงม่อ เห็นชัดว่าเป็นเพราะมือถือเข้าใกล้สัตว์ประหลาดพวกนั้น เจ้า “โอเบลิสก์” ยังคงเงียบกริบ เหมือนมันกำลังกลั้นหายใจ

แต่ในตอนนั้นเอง ภาพหน้าจอกลับส่ายไปมา ไม่นานเสียง “สวบสาบ” พลันดังระงมขึ้นมาทันที

สวี่ซูหานเอนตัวไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ ส่วนหลิงม่ออธิบายด้วยเสียงเคร่งขรึม “ตอนนี้เป็นตอนที่ฉันใช้พลังจิตกับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเองแหละ”

ไม่ใช่แค่ใช้พลังจิตธรรมดา แต่เขาใช้หนวดสัมผัสกระชากเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเขาไปเลยต่างหาก…เขาทำอย่างนั้นเพื่อพิสูจน์การคาดเดาของเขา ผลปรากฏว่าเจ้าสัตว์ประหลาดยังไม่ทันส่งเสียงร้องอะไร แค่หายใจแรงๆ สองที ก็ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว และไม่ต้องเดาก็คงรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้…

เมื่อเจ้าสัตว์ประหลาดส่งเสียงกรีดร้อง กล้องมือถือก็ส่ายอย่างรุนแรง ขณะที่เลือดหยดหนึ่งกระเด็นมาติดกล้อง ก็เหมือนมีเงาเงาหนึ่งโฉบผ่านกล้องไปอย่างรวดเร็ว…จากนั้นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็กลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้น เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง เงาร่างของหลิงม่อก็ปรากฏบนหน้าจอมือถือ

ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น แต่มันกลับทำให้สวี่ซูหานปากอ้าตาค้าง…ถึงแม้สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะไม่มีกำลังขัดขืนแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นพวกเดียวกันกับสัตว์ประหลาดพวกนั้นนี่…แต่ปรากฏว่าพวกมันกลับบั่นคอเจ้า “โอเบลิสก์” ทั้งเป็น…

ในอีกด้าน เธอรู้ดีว่าพลังป้องกันของเจ้า “โอเลิสก์” นั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน…อย่าว่าแต่เด็ดหัวเลย แค่คิดจะสร้างรอยแผลไว้บนตัวมัน ก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว เกรงว่าคงต้องฝีมือระดับพวกเย่เลี่ยนหรือซย่าน่าเท่านั้น ถึงจะสามารถกำจัดเจ้านั่นได้ด้วยมือตัวเอง แน่นอน ว่าหากจะฆ่ามันจริงๆ ก็มีวิธีอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ว่าวิธีไหน ก็ไม่ใช่วิธีเดียวกับที่สัตว์ประหลาดพวกนั้นใช้แน่นอน สิ่งที่พวกมันทำ คือการกรูเข้าไปรุมศัตรูตรงๆ อย่างไร้ความปรานี…

ที่สำคัญคือ…

“นายเห็นแล้วสินะ?” สวี่ซูหานกระพริบตาพริบ พลางถามขึ้น

“อื่ม…” หลิงม่อพยักหน้าเครียด

เมื่อเขาไล้นิ้วผ่านหน้าจอมือถือ ภาพวิดิโอก็ค่อยๆ เลื่อนกลับไปยังภาพก่อนหน้าช้าๆ จนหยุดลงในที่สุด และสิ่งที่ปรากฏอยู่ยนหน้าจอ กลับเป็นดวงตาสีแดงเลือดข้างหนึ่ง…อาจเพราะมันอยู่ห่างจากหน้าจอเพียงไม่กี่เซนติเมตร หน้าจอมือถือจึงถูกดวงตาที่เค้าโครงดูเลือนรางข้างนี้ยึดครองพื้นที่ทั้งหมด

ท่ามกลางสีเลือด พวกเขากระทั่งรู้สึกเย็นวาบลึกลงไปจนถึงกระดูก…ราวกับมันกำลังจ้องพวกเขาอยู่!

———————————————-