“ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว!”
“ซูฉีซินแบกสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเรียกว่า ‘ปืนพก’ และ ‘กระสุน’ จากการตรวจสอบพบว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณในระดับต่ำไปถึงปานกลางซึ่งใช้งานโดยใช้กำลังภายใน สามารถเอาเข้าสู้การแข่งขันได้”
จี้หยางที่เดินข้าวมาในสนามรบหันมองหญิงสาวคนนี้ด้วยสายตาเหยียดหยามในขณะเดียวกันเขาเองก็ระมัดระวังตัวอย่างมาก
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่รู้สึกระมัดระวังขนาดนี้ แต่หลังจากได้ดูการแข่งขันวัดระดับของสำนักหลิงหยวนแล้วความคิดในหัวเขาก็เปลี่ยนไป
“.. เธอจะปลดปล่อยพลังของนักรบแห่งบรรพบุรุษออกมาหรือไม่?” เจ้าหญิงและองค์ชายสองเอ่ยถาม โดยนที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววเลยที่พวกเขาจะเชื่อในคำพูดของฟางฉี แต่ตอนนี้ไม่เชื่อไม่ได้แล้ว!
“ซูฉีซินคนนี้สามารถใช้เทคนิคการควบคุมดาบได้หรือไม่?” มูตงไลเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน “แม้เธอจะสามารถใช้เทคนิคการควบคุมดาบได้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะข้ามระดับขั้นไปถึงชั้นสูงใช่มั้ย?”
“เธอไม่ได้เปิดเผยความแข็งแกร่งของเธอหรอกหรอ?”
จี้หยางที่ยืนอยู่ในสนามรบเริ่มมีสีหน้าที่วิตกกังวลขณะที่ในมือเขาเองถือดาบสีทองอยู่ในมือ เขาเว้นระยะห่างหลายเมตรและเดินวนไปรอบๆ เพื่อรอโอกาสที่จะโจมตี
หลังจากที่เขาได้ดูการแข่งขันในรอบก่อนหน้านี้ เขามั่นใจเลยว่าถ้าเธอใช้เทคนิคการควบคุมดาบ เขาเองคงไม่สามารถจะตอบโต้ได้ หากแต่ต้องใช้เวลาในการร่ายพลังจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะ!
จี้หยางเดินอยู่รอบๆ ด้วยระยะห่างไม่มากไม่น้อยในระดับปานกลางพลางคิดถึงเทคนิคที่จะสามารถนำมาใช้ได้โดยคำนึงถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอ!
กลางลานสนามรบจี้หยางยังคงเปลี่ยนท่าทางแต่ยังไม่มีท่าทีที่จะโจมตีสักตั้ง
“หืม? นั่นองค์ชายห้ากำลังทำอะไร?”
“บางทีเขาอาจใช้กลหลอก”
“ดูเหมือนว่าเขากำลังหลอกล่อ”
ผู้ชมในคาเฟ่ทำหน้าสับสน
องค์ชายสองที่เริ่มหมดความอดทน “นั่นน้องเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำไมเขาไม่โจมตี”
“ใจเย็นสิ เขาอาจจะกำลังทำความเข้าใจและคำนวณคู่ต่อสู้ของเขาก่อน!” เจ้าหญิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน “น้องห้ามีคะแนนสูงสุดเขาจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก หากเขาโจมตีโดยไม่คิดทบทวนก่อน เขาอาจถูกโจมตีได้ง่าย”
ชายชราสวมชุดดำพยักหน้า “พูดได้ดี เมื่อเจ้าเ(ชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่รู้จัก เจ้าต้องมีสติและใจเย็น”
ปัง! กระสุนปืนลั่นออกมา!
องค์ชายห้าล้มลงกับพื้น!
ทุกคนที่นั่งชมการแข่งขันรู้สึกมึนงงอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น!?
ซูฉีซินที่อยู่ในสนามเก็บปืนพกของเธอกลับเข้าซองหนังก่อนจะเดินแว้บหายไป
ฟางฉีหยักไหล่และพูดขึ้น “ไม่ว่าท่านจะแข็งแกร่งแค่ไหน เพียงนัดเดียวก็สามารถทำให้ท่านล้มลงกับพื้นอย่างง่ายดาย”
แน่นอนหากจี้หยางรีบพุ่งตัวกลับไปที่จุดเริ่มต้นและป้องกันตัวเองด้วยกำลังภายใน อย่างในตอนแรกเขาอาจมีโอกาส
อย่างไรก็ตาม .. เขาล้มลง
ทุกคนในคาเฟ่หัวเราะกันคึกคัก
“ฮ่าๆ ไม่ว่าท่านจะแข็งแกร่งแค่ไหนนัดเดียวก็ทำให้ล้ลงกับพื้น! บทสรุปที่รวบรัดมาก ฮ่าๆ”
[การหลอกล่อนั้นไม่ว่องไวและฉลาดเอาซะเลย]
[องค์ชายห้าควรจะซื้อ CS และ Resident Evil!]
[ถ้าข้าเป็นองค์ชายห้านะ ข้าซื้อแล้ว!]
ทั้งสนามเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง เงียบประหนึ่งได้ยินเสียงน้ำหยด
การแข่งขันจบลง นั่นมันอาวุธอะไรกัน? เจ้าล้อเล่นกับข้าใช่มั้ย?
“เราต้องตรวจสอบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณชิ้นนั้น!”
ขณะเดียวกันฟางฉีส่งข้อความถึงซูฉีซิน [หากมีคนข้อซื้อให้ขายมันในราคาสามพันคริสตัล มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่สามารถสร้างได้โดยร้านวู่เว้ย และเจ้าสามารถขอให้หลี่เฮารันสร้างขึ้นมาใหม่ได้]
ซูฉีซินพูดไม่ออก เธอซื้อปืนพกมาเพียงพันคริสตัล แต่เธอสามารถขายมันได้ถึงสามพันคริสตัล!?
“นี่คือปืนที่ถูกลงอักขระไว้หรือเปล่า” มูตงไลพูดแล้วหัวเราะ “มันดีมาก เฮารันสร้างมันขึ้นมาหรอ?” เขาเคยแนะนำร้านฟางฉีให้หลี่เฮารันได้รู้จัก
“ครึ่งๆ” ฟางฉีกล่าว “มันค่อนข้างที่จะทำยาก เพราะเนื่องจากหาวัสดุได้ยากตามคุณภาพ”
“นี่ท่าน .. สิ่งนี่มาจากร้านค้าของท ่านด้วยหรือ?” ทุกคนเริ่มหันกลับมามองเขาอีกครั้ง
ผู้อาวุโสจากกลุ่มเมฆดำที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็แอบตั้งใจฟังรายละเอียดเช่นกัน
พวกเขาได้ยินมาว่าฟางฉีมีร้านที่น่าอัศจรรย์ แต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเหลือเชื่อถึงเพียงนี้
“มันหมายความว่า .. เราจะชนะใช่มั้ย?” มูฮงจูเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเหล่าสาวก
หลังจากที่เธอได้เห็นช่วงเวลาที่มืดมนของพวกเขา ในที่สุดสาวกของเธอก็จะรอดแล้ว!
นาหลันหมิงสื่อเป็นคนฉลาดมากและเธอเองวางแผนแล้วว่าเราควระจะทำอะไรในเวลาไหน .. มูฮงจูคิด
“คาเฟ่นี้จะต้องได้รับชื่อเสียงอีกครั้ง!”
“สาวกที่ถูกลงโทษจะต้องได้รับการไถ่คืน”
ขณะเดียวกันเหล่าอาจารย์ได้รับข้อความ
บางคนไม่เชื่อในสิ่งที่คนเคยพูด แต่ตอนนี้หลายคนรีบเดินทางไปยังคาเฟ่เพื่อตรวจสอบว่ามันเป็นเรื่องจริงอย่างที่ได้ยินหรือเปล่า เวลาเดียวกันเหล่าสาวกของหลิงหยวนทั้งหมดกำลังดีใจอย่างมากกับความสำเร็จครั้งนี้
“ทำไมสิ่งเล็กๆ แบบนี้ถึงสามารถปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นนี้”
“วัตถุนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่จัดอยู่ประเภทเดียวกับหน้าไม้ แต่ทำไมผลลัพท์ถึงเจ๋งกว่า?”
ซูฉีซินที่ยืนได้ยินคำพูด เธอหยุดนิ่ง ในตอนนี้ซูฉีซินคือผู้ชนะ แต่เธอไม่สามารถช้สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนี้ในการแข่งขันครั้งหน้าได้แล้ว แน่นอนว่าจักรพรรดิอาจทำการตัดสินใจเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกสำนัก เพื่อที่หลิงหยวนจะได้ไม่ดูมีพลังมากเกินไปในสายตาคนอื่นๆ
เมื่อสำนักสองสำนักเห็นเหตุการณ์นี้ ทั้งสองรู้สึกสิ้นหวัง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้แต้มจากเธอกลับมา
การสอบระดับชาติสิ้นสุดลงในที่สุด
ซูฉีซิน, นาหลันหมิงสื่อ, ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ เป็นผู้ชนะในรายการ พวกเขาเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับรางวัล สาวกหลายคนในคาเฟ่แอบมีน้ำตา!
“ในตอนนี้ข้าแค่อยากพูดกับเพื่อนร่วมชั้นของข้าที่ไม่สามารถมาร่วมการสอบในครั้งนี้ได้ว่า ..” ซงฉิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงดังและหนักแน่น “พวกเราเก่งที่สุด!”
สาวกหลายของสำนักหลิงหยวนในคาเฟ่ต่างใจสั่น พวกเขารู้สึกเหมือนตื่นขึ้นจากความมืดมน!
พวกเขาตะโกนโห่ร้องโดยทันทีเมื่อรู้ว่าได้รับชัยชนะในที่สุด!
เพื่อนของเราชนะเหมาทั้งสี่รายการ!
พวกเขาสุดยอด!
มูฮงจูพร้อมทั้งอาจารย์อีกหลายคนก็ดีใจไม่แพ้กัน
ความเห็นท่วมหน้าจออีกครั้ง
คนที่ไม่เคยพบกับความยากลำบาก พวกเขาจะไม่เข้าใจหรอกว่าเมื่อเวลาแห่งชัยชนะเดินเข้ามาพัดพาความขมขื่นใจให้ออกไปมันเป็นเช่นไร
ผู้คนในสนามมากมายไม่รู้เลยว่าเด็กพวกนี้ต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่พวกเขาประทับใจกับสิ่งที่เห็นไม่น่าเชื่อเลยว่าเหล่าสาวกจากต่างสำนักจะส่งเสียงดังร่วมกันขนาดนี้
เสียงดังสนั่น ฟางฉีเดินออกจากโซนวีไอพี พร้อมมูตงไลที่เดินตามมาติดๆ “เยี่ยมมาก!” มูตงไลตบบ่า “ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว!”
ฟางฉีหันไปยิ้ม
“เจ้าของ ท่านจะไปที่ไหนต่อ?” มูตงไลถาม “ไม่อยากพักเที่ยวจิงฉีสักหน่อยหรอ?”
“ไม่ละ” เขาตอบ “ข้าต้องกลับร้าน ไปด้วยกันมั้ย?”
“มันไกลไปหน่อย” มูตงไลตอบ “ข้าอาจจะเดินทางไปในสองสามวัน”
“ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ข้าว่ามันคงไม่ไกลและไม่นานเกิน”
“หนึ่งชั่วโมง? เป็นไปไม่ได้!?”
“เทคนิคการควบคุมดาบ ไปกันเถอะ!”
“ว้าว ..”
เสียงอุทานดังขึ้นนอกลานสนามรบ
“ชิบ .. ผู้ชายคนนั้นกำลังบินด้วยดาบธรรมดา”
“เขาเป็นเจ้าของร้าน”
สาวกของสำนักหลิงหยวนทำตาโต
“นั่นใคร? เขาบินด้วยดาบได้อย่างไรกัน?” หลายคนเงยหน้าขึ้นเห็นสองคนกำลังยืนอยู่บนดาบ
ไม่กี่วิ .. ทุกคนก็เห็นพวกเขาไกลออกไปเหลือเพียงแค่จุดดำ
“นี่คือเทคนิคการควบคุมดาบหรือ?”
“มันสามารถใช้งานแบบนี้ได้ด้วยหรอ?” องค์หญิงทำหน้างงใจ องค์ชายสองเองเมื่อเห็นก็อ้าปากค้าง
รองอาจารย์ทั้งสามคนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็สตั้นไปชั่วครู่
จักรพรรดิเองตอนนี้ท่านก็ได้แต่ มองเหมือนไร้สติ
ไม่มีใครสามารถเรียกสติพวกเขาจากอาการช้อคได้เลย
…
การสอบระดับชาติในครั้งนี้ .. สิ้นสุดลงแล้ว!