ตอนที่ 1630 ออกจากนครสัตว์อสูร (3) / ตอนที่ 1631 กลับสู่แดนลับแล (1)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1630 ออกจากนครสัตว์อสูร (3)

“อวิ๋นเซียว ท่านไม่อยากเจอท่านตาของท่านหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วถาม

“ข้าไม่รู้จักตระกูลจวินแม้แต่น้อย” อวิ๋นเซียวหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าท่านชอบพวกเขาถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็คือครอบครัวของข้า แต่ถ้าท่านไม่ชอบพวกเขา พวกเขาก็เป็นได้แค่ศัตรูของข้าเท่านั้น”

พูดอีกอย่างก็คือคนที่ท่านชอบก็คือคนที่ข้าจะปกป้องไปทั้งชีวิต ส่วนคนที่ท่านไม่ชอบก็คือคนที่ข้าต้องกำจัดแม้จะเสียทุกอย่างที่ข้ามี

หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงมีความสุขแล้วนางก็เงยหน้าสบตากับสายตามุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความรักของชายหนุ่ม มุมปากของนางก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

ก่อนหน้านี้ชายคนนี้ก็เคยพูดว่าเขาจะทำลายล้างโลกทั้งใบเพื่อนางแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นครอบครัวของเขาก็ตาม! ดังนั้นตอนนั้นที่ตระกูลเสี่ยวสร้างปัญหาให้นางเขาถึงเลือกที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองโดยไม่ลังเลเพียงเพื่อปกป้องเกียรติของนาง

บุรุษแบบเขามีค่าพอกับความรู้สึกจริงใจทั้งหมดของนาง

“อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้าไปกอดอวิ๋นเซียวแล้วกดริมฝีปากของนางกับริมฝีปากอุ่นของเขา

ริมฝีปากที่เชื่อมต่อกันของพวกเขาทำให้เกิดความร้อนลามไปทั่วร่างของพวกเขาจนพวกเขารู้สึกดีมาก

เมื่อหวงอิงอิงเห็นพวกเขาทำตัวเหมือนไม่มีคนอยู่ นางก็ชะงักก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดตาเพื่อไม่มองการกระทำที่ใกล้ชิดของพวกเขา

“อวิ๋นเซียว หลังจากที่พวกเราไปตระกูลจวินแล้ว ข้าก็จะเดินทางกลับแดนลับแล ข้าควรจะพาท่านแม่มาหาท่านตา”

ผู้อาวุโสรอจวินเฟิงหลิงมานานดังนั้นนางควรมาท่านแม่มาที่นี่

“อีกอย่างพวกเราก็จากแดนลับแลมาเกือบห้าปี ข้าไม่ได้เห็นครอบครัวของพวกเรามาห้าปีดังนั้นพวกเราควรกลับไปหาพวกเขา…”

“เข้าใจแล้ว” อวิ๋นเซียวไม่เคยปฏิเสธคำขอของอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่แล้ว

ไม่ว่านางจะไปที่ไหน ไม่ว่าที่นั่นจะอยู่ไกลสุดขอบโลกหรือลึกสุดของมหาสมุทร เขาก็จะติดตามนางไม่มีทางจากไปไหน!

“แล้วเจ้าล่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาหวงอิงอิง “เจ้าจะไปกับพวกเราหรือไม่”

หวงอิงอิงตัวสั่น นางก้มหน้าเล็กน้อยดวงตาเป็นเป็นประกายเจ็บปวด “ตามหลักแล้ว ข้าควรไปทำความสะอาดสุสานของครอบครัวข้าแต่ว่า…ทันทีที่ข้ากลับไปที่จวนตระกูลหวง ข้าก็นึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นขึ้นมา”

การตายของครอบครัวนางเป็นเป็นความเจ็บปวดที่ลึกที่สุดในหัวใจของนางดังนั้นนางจะอยากนึกถึงเหตุการณ์นั้นได้อย่างไร

“ถ้าเจ้าไม่อยากกลับไปถ้าอย่างนั้นก็รอพวกเราอยู่ที่นี่” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่และไม่ได้บังคับหวงอิงอิง ใบหน้าทรงเสน่ห์ของนางปรากฏรอยยิ้มเฉื่อยชา “อวิ๋นเซียว พวกเราไปกันเถอะ ข้าหวังว่าพวกเราจะออกจากนครสัตว์อสูรได้พรุ่งนี้”

อวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นอยู่ในนครสัตว์อสูรมาสักพักแล้วซึ่งระหว่างนี้ก็มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงราวสวรรค์พลิกเกิดขึ้นในแคว้นเจ็ดเมือง

อย่างแรกคือผู้อาวุโสจวินหายตัวไป!

ตั้งแต่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงหายตัวไปในภูผาสุสานเทพและผู้อาวุโสก็พุ่งเข้าไปด้านในภูเขาอย่างหุนหัน เขาก็หายตัวไปและไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเขา

อย่างที่สองนายน้อยทั้งสองของจวนเจ้าเมืองอุดรคนหนึ่งตายในสงคราม อีกคนหนึ่งก็บาดเจ็บด้วยน้ำมือของอวิ๋นลั่วเฟิง เหตุการณ์นี้สร้างความเดือดดาลอย่างใหญ่หลวงให้กับเจ้าเมืองอุดรและแต่เดิมเขาก็ต้องการแก้แค้นอวิ๋นลั่วเฟิง แต่โชคไม่ดีที่ตอนนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็เดินทางไปนครสัตว์อสูรแล้ว

หลังจากที่คนจากเมืองอุดรสืบหาตัวตนของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่แดนลับแลแล้วสร้างปัญหาให้ครอบครัวของนาง! เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างตระกูลจวิน สำนักศึกษาเมืองปัจฉิมและจวนเจ้ามืองบรูพาก็ส่งคนไปหยุดพวกเขา

แต่โชคร้ายที่ในนาทีสุดท้ายกลับเกิดเหตุบางอย่างขึ้นที่สำนักศึกษาเมืองปัจฉิมดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดการเรื่องของตัวเองก่อน ส่วนยอดฝีมือที่ตระกูลจวินและจวนเจ้าเมืองบูรพาส่งไปก็ถูกคนจากเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร

เรื่องนี้ไปกระตุ้นขั้วอำนาจต่างๆ จนคลื่นความวุ่นวายไปทั่วทั้งแคว้น

 …………………………………..

ตอนที่ 1631 กลับสู่แดนลับแล (1)

เมืองอุดร

ภายในจวนเจ้าเมือง สตรีชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่นั่งเจ้าเมืองด้วยสีหน้าเย็นเยียบ นิ้วของนางค่อยๆ สัมผัสขอบถ้วยชาขณะที่นางกวาดสายตามองผู้คนด้านล่างอย่างเย็นชา

คนที่ยืนอยู่ด้านสุดคือชายวัยกลางคนเทียบกับกับสีหน้าหยิ่งยโสและดุร้ายก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการประจบประแจง

“ท่านหญิงฉินเสวี่ย ถึงแม้ว่าคนจากตระกูลจวินและจวนเจ้าเมืองบูรพาจะถูกท่านสังหารแล้วแต่คนที่ข้าส่งไปแดนลับแลเพื่อสังหารครอบครัวของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ถูกคนพวกนั้นกำจัดไปก่อนแล้ว ท่านคิดว่า…”

ฉินเสวี่ยเลิกคิ้วแล้วรอยยิ้มเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชาของนาง รอยยิ้มของนางเย็นเยียบจนถึงกระดูกเหมือนสายลมในฤดูหนาวที่ไร้ซึ่งความอบอุ่น

“อวิ๋นลั่วเฟิงสังหารน้องสาวของข้า ครอบครัวของนางต้องตาย!”

คนจากสำนักเสวียนชิงมาแจ้งเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ว่าผู้สืบทอดที่พวกนางตามหามานานอยู่ในมือของอวิ๋นลั่วเฟิง! ดังนั้นน้องสาวของนาง ฉินเย่ว์ จึงมุ่งหน้ามาสังหารอวิ๋นลั่วเฟิง ใครจะคิดว่าฉินเย่ว์กลับถูกอวิ๋นลั่วเฟิงสังหาร!

เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์พึ่งได้ทราบข่าวนี้ผ่านความยากลำบาก

เมื่อนึกถึงการตายที่น่าเวทนาของน้องสาวนาง ดวงตาของฉินเสวี่ยก็เป็นประกายเย็นเยียบและจิตสังหารของนางก็คมกริบเหมือนกระบี่

“นี่คือเหตุผลที่ข้าส่งคนของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปที่แดนลับแล…” ฉินเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “ส่วนเจ้า…หน้าที่ของเจ้าคือรวบรวมเมืองอื่นๆ”

“ถ้าอย่างนั้น…” เจ้าเมืองอุดรลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเกรงว่าเรื่องนี้จะยากมาก หงหลวน บุตรสาวของเจ้าเมืองบูรพาก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับอวิ๋นลั่วเฟิง หลังจากที่ตระกูลจวินช่วยอวิ๋นลั่วเฟิง ข้าก็ไปสืบเรื่องความสัมพันธ์ของอวิ๋นลั่วเฟิงกับตระกูลจวินล้วรู้ว่าผู้อาวุโสตระกูลจวินเป็นตาของสามีอวิ๋นลั่วเฟิง…”

“ส่วนเมืองปัจฉิมนั้น…พวกเขามีจีจิ่วเทียน ดังนั้นข้าเกรงว่าข้าจะชักชวนพวกเขามาไม่ได้! เจ้าเมืองคนก่อนของเมืองหลวงก็มีสหายสนิทกับผู้เฒ่าจวินดังนั้น…พวกเราคงทำได้แค่ชักชวนเมืองทักษิณเพียงเมืองเดียว”

ฉินเสวี่ยยิ้มเยาะแล้วไม่สนใจคำพูดของเจ้าเมืองอุดร

“ช่วงนี้จีจิ่วเทียนจากเมืองบูรพามีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่แล้วดังนั้นเขาคงมาหยุดสถานการณ์นี้ไม่ได้ สำนักศึกษาเมืองปัจฉิมที่ไม่มีจีจิ่วเทียนก็ไม่มีอะไรต้องกลัว…ส่วนที่อื่นๆ ตราบใดที่เจ้าพาพวกเขามาที่นี่ได้ ข้าก็มีวิธีทำให้พวกเขาทำตามคำสั่งข้า!”

เจ้าเมืองอุดรตะลึง

คำพูดของฉินเสวี่ยหมายความว่าอย่างไร

“ท่านหญิงฉินเสวี่ย ท่านหมายถึง…” น้ำเสียงของเจ้าเมืองอุดรเต็มไปด้วยความระมัดระวังแต่เขาก็อดใจสั่นไม่ได้

ทันใดนั้นฉินเสวี่ยก็ส่งสายตาเย็นชาจนทำให้เจ้าเมืองอุดรกลืนคำพูดที่กำลังจะหลุดออกจากปากกลับไปด้วยความหวาดกลัว…

ภายในเมืองดูเงียบจนน่าแปลกใจ อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวหยุดทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากประตูเมือง

“หยุดเดี๋ยวนี้!” ทันทีที่ทหารตะโกนขึ้น สายตาเย็นของอวิ๋นเซียวก็พุ่งไปหาเขา

พรูด!

ทหารกระอักเลือดก่อนจะล้มลงไป

“หวงอิงอิง พวกเราคงต้องแยกกันที่นี่ เจ้าไปรอข้าที่เผ่าผู้ใช้เวท” อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาหวงอิงอิง ด้วยรอยยิ้มเต็มดวงตาสีดำสนิทของนาง

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หวงอิงอิงพยักหน้า “เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ!”

“อวิ๋นเซียว พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงหันหน้ากลับมามองใบหน้าเย็นชาและหล่อเหลาของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มโอบเอวนางก็จะพุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วหายไปจากสายตาของหวงอิงอิงอย่างรวดเร็ว

เพราะว่าส่วนใหญ่อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวเดินทางในอากาศ พวกเขาจึงไม่ได้หยุดพัก ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ดื่มไม่กินพวกเขาก็ไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย