Chapter 6: พลเมืองดี

 

” ปล่อยเธอไปเดี๋ยวนี้”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่หนักแน่นและเย็นชาดังขึ้นในตรอกที่ว่างเปล่า

 

ชายคนนั้นหันศีรษะของเขาและมองไปที่ใบหน้าของชายผู้ที่ทําตัวเป็นวีรบุรุษคนนั้น จากนั้น เขาก็พูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ มันไม่ใช่ธุระอะไรของแกฉันเพียงสั่งสอนและตีลูกสาวของฉันเท่านั้น ไสหัวของแกออกไป ก่อนที่ฉันจะไปเตะตูดแกออกไปจากที่นี่!”

 

“ ฉันบอกให้แกปล่อยเธอไป!”

 

เสี่ยวหลัวที่ติดตามมาอย่างเงียบๆ เมื่อเขาเห็นฉากที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขานี้ มันทําให้อารมณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน

 

ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็รู้สึกเย็นยะเยียบ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นกบที่กําลังถูกงูพิษจ้องมอง เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวของเขาเองอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาก็ก้าวถอยหลังออกไปตามสันชาตญาณอย่างไม่รู้ตัว

 

เสี่ยวหลัวรู้สึกเป็นห่วงเด็กหญิงตัวน้อย จนตอนนี้เขาแทบจะหมดความอดทนแล้ว

 

ร่างของเขากลายเป็นเส้นแสงสีดําราวกับสายฟ้า เขาพุ่งไปที่ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเขาก็พุ่งออกไปเป็นระยะกว่าเจ็ดแปดเมตรในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

 

ชายผู้นั้นตื่นตะลึง ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองอะไร ก็มีกําปั้นพุ่งเข้ามาทักทายเขาแล้ว จากนั้นเขาก็มีอาการปวดอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในสมองของเขา เขาควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ ร่างกายของเขาตอนนี้กําลังบินลอยออกไป และเลือดที่อยู่ในปากของเขาก็พุ่งออกมาพร้อมกับฟันที่อยู่ในปากของเขา

 

เด็กหญิงตัวเล็ก ล้มลงแต่ก็ถูกเสี่ยวหลัว อุ้มเอาไว้ได้ทัน

 

เมื่อเธอพบว่าเขาก็คือพี่ชายที่เพิ่งให้เงินกับเธอจํานวนมากเด็กหญิงตัวเล็ก ก็ตกตะลึงก่อนที่จะร้องไห้ออกมา

 

“ เขาเป็นพ่อของหนูหรือเปล่า” เสี่ยวหลัว ชี้ไปที่ชายคนนั้นและถาม

 

เด็กหญิงตัวเล็กส่ายหัวอย่างรวดเร็วและสะอื้น ไม่เขาเป็นคนตัวใหญ่ที่ไม่ดี เขาเป็นคนหักขาของหนูและบังคับให้หนูขอเงิน พี่ใหญ่คุณโทรหาตํารวจและลุงชาของหนูได้ไหม พี่ใหญ่ช่วยโทรหาตํารวจและลุงชาเพื่อที่พาเขาออกไปได้ไหม หนูอยากกลับบ้าน หนูคิดถึงพ่อแม่ของหนู…”

 

เวลาที่เธอร้องให้ออกมาร่างเล็กๆของเธอก็สั่นเทา

 

เสี่ยวหลัว เข้าใจได้ในทันทีว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก คนนี้ถูกลักพาตัวมาและจากนั้นคนเหล่านี้ก็หักขาของเธอทิ้งอย่างไร้ความปราณี มันทําให้คนที่มีสุขภาพแข็งแรงกลายเป็นคนพิการที่น่าสังเวช และโยนเธอเข้าไปในถนนเพื่อที่จะขอเงิน

 

ชายคนนั้นลุกขึ้นจากพื้น ถมเลือดที่อยู่ในปากของเขาออกมา และดึงมีดพับออกมาจากกระเป๋าของเขาและจ้องมองที่เสี่ยวหลัวอย่างเป็นอันตราย: ” ไอเด็กน้อย แกส่งเธอกลับคืนมาให้ฉัน เราสามารถที่จะพูดคุยกันได้ ไม่เช่นนั้นพ่อคนนี้จะฆ่าแกด้วยมีดของฉันที่นี่!”

 

“ ฉันอยากจะรู้ว่าแกจะฆ่าฉันได้อย่างไร”

 

ขณะที่เสี่ยวหลัวก้าวเดินออกมาชายคนนั้นได้ยินเสียงดัง “บัง” พื้นดินแข็งแตกกระจายแยกจากกันภายใต้ฝ่าเท้าของเสี่ยวหลัว และรอยแตกจํานวนนับไม่ถ้วน ก็แพร่กระจายออกจากฝาเท้าของเขาไปทุกด้านเหมือนดั่งใยแมงมุม

 

“ อึก” เสียงกลืนน้ําลาย

 

ชายคนนั้นกลืนน้ําลายลงอย่างแรงและคิดว่า: สัตว์ประหลาดตัวนี้มาจากไหน แค่ก้าวเท้าก็ทําให้พื้นคอนกรีตร้าวได้?

 

“ แก..แกฝากไว้ก่อนเถอะ!”

 

ชายคนนั้นทิ้งคําพูดที่เลวทรามแล้วรีบวิ่งหนีไป เขาไม่คิดว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งไปกว่าพื้นคอนกรีต

 

เสี่ยวหลัว ไล่ล่าและไม่ปล่อยให้ชายผู้นี้หนีไป เขากระโดดถีบชายผู้นั้นอย่างแรง จนมีฟันอีกสองซีบินออกมาจากปากของมัน

 

“ ติ้ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับชัยชนะและได้รับ 10 แต้ม!” เสียงระบบดังขึ้น

 

เสี่ยวหลัว ไม่มีเวลาที่จะมาสนใจผู้ชายที่หมดสติไปแล้ว เขาถอนสายตาออกจากมันและจ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก และปลอบโยนเธอะ อย่ากลัวไปเลย ตอนนี้พี่ใหญ่จัดการพวกมันให้แล้ว

 

“อืม!” เด็กหญิงตัวเล็ก เช็ดน้ําตาที่ไหลอย่างไม่สามารถควบคุมได้ของเธอ

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมาเสี่ยวหลัวก็ปรากฏตัวขึ้นที่สํานักความมั่นคง เพื่อประชาชนพร้อมกับเด็กหญิงตัวเล็ก

 

“ หนูอยู่ที่นี่นะ คุณตํารวจและลุงชา ของหนูจะพาหนูกลับบ้านและพาหนูไปพบกับผู้ปกครองของหนู” เสี่ยวหลัว เขาได้ทําสิ่งที่เขาทําได้แล้วและมันก็ถึงเวลาที่จะต้องจากไป

 

“ พี่ใหญ่ขอบคุณมากนะคะ!” เด็กหญิงตัวเล็ก ตอนนี้เธอรู้สึกมีความรู้สึกที่ดีมาก เธอรู้ว่าถ้าเธอไม่ได้พบกับคนดีเช่นนี้ เธอก็ยังคงต้องทนทุกข์จากพวกค้ามนุษย์ต่อไป

 

เสี่ยวหลัวยิ้มให้เธอ แล้วเดินออกจากสถานีตํารวจพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจที่เดินมาส่ง

 

“ คุณเสี่ยวหลัว โปรดมั่นใจได้ว่าเราจะส่งเธอกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของเธออย่างแน่นอน”

 

” ขอบคุณมากครับ!”

 

“ นี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราในฐานะเจ้าหน้าที่ตํารวจและสายตรวจ ขอรับรองว่ามันจะไม่มีปัญหาใดๆ”

 

เจ้าหน้าที่ตํารวจทักทายเสี่ยวหลัวพร้อมกับยิ้มกว้างและจับมือเขาไว้ “ ตอนนี้สังคมนี้ต้องการผู้คนจํานวนมากที่เป็นเช่นคุณเสี่ยวหลัว ถ้ามีคนเช่นคุณอาชญากรรมคงจะลดน้อยลงมาก!”

 

เสี่ยวหลัวไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นและเดินออกไป

 

ที่ประตูของสถานีตํารวจมีตํารวจเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

 

ตํารวจต้องมีอะไรเร่งด่วนที่จะต้องไปทําแน่ๆ เธอดูรีบร้อน หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของเสี่ยวหลัวนั้นรวดเร็วทั้งสองคนก็อาจจะชนกันไปแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเฉียดไหล่กันอยู่หน่อยๆ

 

ตํารวจหันกลับมามองเสี่ยวหลัว

 

สายตาของทั้งสองสบกัน เธอส่งรอยยิ้มของการขอโทษออกมา และก็หันหลังกลับไป

 

“เจ้าหน้าที่อาวุโส!” ตํารวจและเจ้าหน้าที่ตํารวจทักทายเธอ

 

เธอชี้ไปที่ตัวของเสี่ยวหลัวและถามว่า“ เขาคือใครอย่างงั้นเหรอ”

 

“ เขาเป็นพลเมืองดี” เจ้าหน้าที่ตํารวจชายกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

 

” พลเมืองดี?”

 

ตํารวจหญิงเจิ้ง เมื่อครู่นี้ที่เธอได้สบสายตากับเขา เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความหนาวเย็นที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวของเสี่ยวหลัว ร่างของเธอราวกับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ําแข็ง เธอได้เพียงสบตากับเขาเพียงชั่วครู่เท่านั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าสายตาของเขานั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก

 

ตํารวจชายพยักหน้าและยิ้ม” เขาช่วยหญิงสาวตัวน้อยจากสมาชิกของแก๊งค์ทมิฬ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการควบคุมเด็กๆให้มาขอทาน เขาเป็นพลเมืองที่ดีจริงๆ”

 

” แต่ว่าฉันเห็..!”

 

ความหวาดระแวงของตํารวจหญิงที่มีต่อเสี่ยวหลัวค่อยๆหายไป เมื่อเสี่ยวหลัวเดินพ้นออกไปจากสายตาของเธอ และเธอก็ถอนสายตาออกมาจากด้านหลังของเสี่ยวหลัว “ แล้วตอนนี้สาวน้อยคนนั้นอยู่ที่ไหน”

 

“ เธออยู่ในสํานักงานของเรา”

 

“ ดีมาก ที่ได้ช่วยเธอออกมาจากแก๊งทมิฬของพวกนั้นได้ ตราบใดที่เราทํางานกันอย่างรอบคอบ เราก็จะสามารถจับคนของแก๊งทมิฬที่นําพวกเด็กๆมาเป็นเครื่องมือในการให้มาขอทานที่ริเวอร์ซิตี้ได้ ” ดวงตาของตํารวจสาวส่องประกายแห่งความยุติธรรม จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในอาคารสถานีตํารวจอย่างรวดเร็ว

 

******

 

เมื่อกลับไปถึงที่บ้านเช่าของเขาเสี่ยวหลัวก็เรียกดูร้านค้าของระบบ ตอนนี้เขามีทั้งหมด 200 แต้ม หลังจากแลกเปลี่ยนและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาต่างประเทศแล้ว มันก็ยังมีความสามารถอย่างอื่นอีกมากมาย แต่เขาก็ไม่มีแต้มมากพอที่จะแลก

 

โชคดีที่ความสามารถทางภาษาต่างประเทศนี้ ไม่เพียงแต่หมายถึงภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงภาษารัสเซีย, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฯลฯ มันมีภาษามากกว่าหนึ่งโหลของภาษาต่างประเทศ

 

เสี่ยวหลัวลองหาภาพยนตร์ในภาษาที่สอดคล้องกัน เพื่อมาลองดูและทดสอบความสามารถของเขา และเขาก็พบว่าเขาไม่เพียงแต่เข้าใจพวกสิ่งที่เขาพูดกันอย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่เขายังสามารถพูดบทละครที่อยู่ในภาพยนตร์ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

 

“ ความสามารถนี้มีประโยชน์อย่างมากในการหางาน!” เสี่ยวหลัวค่อนข้างรู้สึกพอใจ

“กริง กริ้งง-”

 

ในขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

 

เสี่ยวหลัว เห็นว่ามันเป็นเสี่ยวรุ่ยอิงน้องสาวของเขาซึ่งเป็นพยาบาลโทรมา

 

ในไม่ช้าเขาก็กดปุ่มตอบรับ เสียงของเสี่ยวรุ่ยอิง ดังมาจากปลายอีกด้านของโทรศัพท์: “ พี่ชาย ฉันได้ยินเรื่องมาจากจางซูซาน ว่าพี่เลิกกับจ้าวเหมิงชีแล้วงั้นเหรอ”

 

เสี่ยวหลัวขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้ยินว่าเธอได้ยินเรื่องมาจากจางซูซาน ปากอันใหญ่ของซูซานนี้มันไม่สามารถเก็บซ่อนความลับใดๆได้เลยจริงๆ!

 

“อืม!” เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบ

 

“ เมื่อตอนครั้งแรกที่ได้เจอกับจ้าวเหมิ่งชี หนูก็ไม่ค่อยมีความรู้สึกที่ดีกับเธอ หนูรู้สึกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไรนัก กระเป๋าของเธอที่ใช้ก็เป็นของแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเสื้อผ้าของเธอมีมูลค่าหลายพันหยวน ร่างกายของเธอมีกลิ่นน้ําหอมและใบหน้าของเธอก็ดูเจ้าเล่ห์ หากพี่ได้แต่งงานกับเธอพี่ก็จะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลําบากแน่ๆและครอบครัวของพี่ก็จะไม่มีวันมีชีวิตที่ดี” เสี่ยวรุ่ยอิงกล่าว

 

เสี่ยวหลัวรู้สึกพูดไม่ออก “ เสี่ยวรุ่ยอิง พี่เพิ่งเลิกกับเธอ แต่เธอกลับพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ตอนนี้พี่สงสัยอย่างแท้จริงว่าเธอเป็นน้องสาวของพี่จริงๆใช่ไหม”

 

“ พี่ชาย หนูเป็นน้องสาวของพี่อย่างแน่นอนสองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะในฐานะน้องสาวของพี่ หนูแคร์เรื่องชีวิตในอนาคตของพี่ ถึงได้พูดโพล่งสิ่งนี้ออกมา ฮิฮิฮิ…”

 

เสี่ยวรุ่ยอิงหัวเราะเบาๆ “ ที่โรงพยาบาลของหนู เพิ่งรับสมัครพยาบาลสวยๆมาหลายคน เมื่อพี่มีเวลาเดี๋ยวน้องจะแนะนําพวกเธอให้กับพี่เอง รับรองว่าพวกเธอนั้นดีกว่า จ้าวเหมิ่งชีอย่างแน่นอน”

 

เสี่ยวหลัวสําลักน้ําชาที่เพิ่งจะดื่มเข้าไปออกจากปากของเขา “ เธอแค่ใช้ชีวิตคู่ที่ดีกับถังเหรินก็พอ เธอไม่ต้องมาเป็นกังวลกับพี่ชายของเธอคนนี้หรอก”

 

“ โถพี่, หนูมีเพียงแค่พี่ที่เป็นพี่ชายของหนู, เรื่องชีวิตพี่นั่นเป็นเรื่องใหญ่กว่าท้องฟ้า, หนูจะไม่สนใจได้ยังไง, เมื่อเรามีวันหยุด, หนูจะนําหญิงสาวคนหนึ่งที่หนูชอบมาพบกับพี่, มันถูกตัดสินแล้ว หนูไปทํางานก่อนหละตอนนี้ ลาก่อน!”

 

ก่อนที่เสี่ยวหลัวจะปฏิเสธอะไรได้ เสี่ยวรุ่ยอิงก็วางหูโทรศัพท์ไปแล้ว

 

“นี่ !”

 

เสี่ยวหลัวโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนที่นอน บนใบหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกไร้ประโยชน์