Chapter 7: หางาน!

 

เสี่ยวหลัว ไม่ได้บอกครอบครัวของเขาเกี่ยวกับการลาออกและอุบัติเหตุ ในฐานะที่เป็นผู้ชายที่อายุ 26 ปี เขาจึงพยายามซ่อนอะไรก็ตามที่ทําให้ครอบครัวเป็นกังวล

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีเงินฝากที่เหลืออยู่อีกมากกว่า 30,000 หยวน ซึ่งมันสามารถอยู่ได้อย่างชั่วคราวถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีรายได้ และนี่มันยังไม่รวมถึงระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือนอีกมันสามารถทําให้เขาทํางานให้เสร็จได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นกังวลอะไรมาก

 

เสี่ยวหลัว บิดตัวไปมาอย่างขี้เกียจและหาวออกมา

 

เขาทํางานในฮัวไห่กรุ๊ป มาเป็นเวลากว่าสามปี ในสามปีนี้เขาต้องเข้ากะทุกเดือน (เข้าทั้งกลางวันและกลางคืน) นอกจากนี้มันยังมีการทํางานล่วงเวลาหลายประเภท เวลาทํางานและเวลาพักผ่อนของเขานั้นผิดปกติอย่างมาก นอกจากนี้เขายังประสบอุบัติเหตุเมื่อวานนี้ แม้ว่าระบบของเขาจะให้ความช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ในขณะนี้เขารู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนเล็กน้อย

 

เมื่อเขาล้มลงบนเตียงเขาก็รู้สึกง่วงนอนในทันทีหลังจากนั้นเขาก็หลับไป เขานอนหลับสนิทและไร้ซึ่งความกังวล ซึ่งมันเป็นการนอนหลับที่ดีที่สุดที่เขามีในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้

 

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลากว่า 3 ทุ่ม แล้ว

 

หลังจากอาบน้ําเสร็จเขาก็ออกไปหาอาหารทานยามดึกเพื่อแก้ปัญหาความหิวของเขา

 

เสื้อเชิ้ตสีดําของเขาถูกจับคู่กับกางเกงขายาวสีดํามันทาให้ทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขามีแต่สีดํา มันทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับ

 

สถานที่ที่เขาเลือกสําหรับอาหารยามดีกของเขานั้นอยู่ที่แผงร้านขายของเล็กๆ เจ้าของแผงลอยนั้นเป็นคู่รักวัยกลางคน สามีปิ้งบาร์บีคิวในขณะที่ภรรยาปรุงผลิตภัณฑ์จําพวกแป้งก๋วยเตี๋ยว เสิร์ฟเบียร์และเครื่องดื่ม ธุรกิจนี้ค่อนข้างดี

 

เสี่ยวหลัว มาที่นี่เพื่อกินอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็คุ้นเคยกับคู่รักวัยกลางคน

 

“มา มา มา!”

 

สามีทักทายเขาอย่างอบอุ่นว่า ” เหมือนเดิมใช่ไหม?”

 

“ ก็เหมือนเดิมแหละครับ”

 

เสี่ยวหลัว พยักหน้าและก็พบกับโต๊ะที่ว่างแล้วนั่งลง

 

ในเวลานั้น จาง ซูซาน ก็โทรมา

 

เสี่ยวหลัว ต้องการที่จะด่าเขาว่า ปากที่ใหญ่ของเขานั้นไม่สามารถเก็บซ่อนความลับใดๆได้เลย

 

“ว่างหรือไงหาถึงโทรหาฉันได้ตลอด แต่ก็ไม่เป็นไรฉันไม่ใช่คนที่จ่ายเงินค่าโทร” เสี่ยวหลัวกดปุ่มคําตอบ แล้วเปล่งเสียงของเขาทันที

 

จาง ซูซาน ตกใจ” อะไรวะเนี้ย ฉันไปเหยียบหางของแกตอนไหน ทําไมแกถึงโกรธฉันบ่อยซะจริง ฉันจะบล็อก WeChat ของแก ฉันจะบล็อก WeChat ของแก!”

 

ในเวลนั้นก็มีก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟสามชาม

 

เสี่ยวหลวพูดอย่างจริงจังว่า เอาละฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอะไรกับแกแล้ว ฉันจะกินข้าว

 

“ แกจะกินข้าวเหรอ? ทําไมแกถึงไม่ชวนฉัน ฉันไม่ใช่พี่ชายของแกหรือไง?” จาง ซูซาน บ่นในทันที

 

เส้นสีดําแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของเสี่ยวหลัว: แกอยู่ห่างออกไปไกลกว่า 40 กิโลเมตรและแกบอกว่าแกจะมาเมื่อแกถูกเรียก? เงินค่าแก๊สเพียงอย่างเดียว มันก็พอสําหรับที่จะกินก๋วยเตี๋ยวได้หลายชามแล้ว”

 

“ เสี่ยวหลัว แกไม่สามารถที่จะคํานวณบัญชีแบบนี้ได้ เมื่อเทียบกับมิตรภาพของพี่น้องเราเงินค่าแก๊ส จํานวนเล็กน้อยแค่นั้นมันก็ไม่มีค่าอะไรเลย” จาง ซูซาน กล่าวอย่างจริงจัง

 

เสี่ยวหลัวขี้เกียจเกินกว่าที่จะหาเหตุผลที่จะมาเถียงกับซูซาน ตอนนี้เขารู้สึกหิวเป็นอย่างมากเขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกิน

 

ในที่สุด จาง ซูซาน ก็พูดถึงธุระที่เขาโทรมาสักที” เป็นยังไงบ้าง เสี่ยวหลัว แกลาออกจริงๆแล้วใช่ไหมในวันนี้”

 

“ใช่.”

 

เสี่ยวหลัวตอบกลับไปตามความจริงแล้วก็พูดกับซูซานอย่างจริงจัง “อย่าบอกน้องสาวของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์ของเราเป็นอันจบกัน”

 

เสี่ยวรุ่ยอิงน้องสาวของเขาเป็นพวกปากสว่าง เหมือนกับ จาง ซูซาน หากว่าเสี่ยวรุ่ยอิง รู้เกี่ยวกับการลาออกของเขา เขารับประกันได้เลยว่าในวันถัดไปทุกคนก็จะรู้เรื่องนี้กันหมด

 

“ แกยังไม่เชื่อใจฉันอีกงั้นเหรอ ความลับใดๆที่อยู่ในตัวฉันนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอนและฉันก็เป็นคนที่แกวางใจได้” จาง ซูซาน สัญญา

 

เสี่ยวหลัวกรอกตาไปมาและพูดอย่างประชดว่า” ฉันเชื่อแกได้ใช่ไหม”

 

“ แน่นอน! ลืมมันไปเถอะวันนี้ฉันได้ไปถามเพื่อนร่วมงานของฉันมา ธนาคารของเรากําลังจะจ้างคนเพิ่มแกต้องการมาลองสมัครดูไหม? เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราพี่น้องจะรวมดาบสองเล่มของเราเข้าด้วยกัน ฉันรับประกันในเรื่องของเงินเดือนที่มั่นคง” จาง ซูซาน พูดอย่างเที่ยงตรง

 

“ ไม่ฉันไม่สนใจเรื่องงานเกี่ยวกับธนาคารเป็นพิเศษ” เสี่ยวหลัว ปฏิเสธ

 

“ เสี่ยวหลัว แกกําลังดูหมิ่นความน่าเชื่อถือของฉันใช่ไหม ถ้าแกมาสมัครที่นี่ถึงเงินเดือนมันจะน้อยแต่มันก็มั่นคง ถึงอย่างไรก็ตามเนื้อยุงก็ยังคงเป็นเนื้อสัตว์ไม่ว่ามันจะเล็กเพียงใดก็ตาม แม้ว่าตอนที่เราอายุมากขึ้นและได้เกษียณไป เราก็ยังคงได้รับเงินทุกเดือน”

 

“ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึง อย่างไรก็ตามฉันจะจัดการเรื่องการหางานด้วยตัวเอง” เสี่ยวหลัวกล่าว

 

จาง ซูซาน รู้ว่าเขาไม่สามารถบังคับอะไรเสียวหลัวได้และน้ําเสียงของเขาจึงช้าลง: “เอาล่ะถ้แกคิดได้แล้วก็ค่อยโทรมาหาฉันก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าแกจะไปขายตูดฉันก็ยังคงสนับสนุนแก”

 

เสี่ยวหลัว รู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจของเขาและเขาก็รู้ว่า จาง ซูซาน เป็นห่วงเขาจากจริงใจ” ขอบคุณ ซูซาน!”

 

“ ไม่มีปัญหาแกไม่ใช่พี่น้องของฉันหรือไง? กินข้าวต่อไปเถอะ มีลูกค้าหญิงคนหนึ่งขอให้ฉันไปพบเธอที่บ้านของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องการที่จะเสียสละร่างกายของเธอให้กับฉันในคืนนี้ ฉันจะบอกอะไรให้ เธอเป็นสาวสวยที่บอบบาง “

 

“เพลาเพลาบ้าง.” เสี่ยวหลัวส่ายหัว

 

” คงไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นขอให้ฉันนํากล่องกระทิงแดงติดตัวไปด้วยเมื่อฉันไปที่บ้านของเธอ น้องชายสุดที่รักของฉันกําลังจะตื่นเต้น แต่แกกลับมาห้ามให้ฉันทําเนี้ยนะ”

 

“ ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าแก กําลังโอ้อวดให้ฉันฟัง?”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า…แกรู้ตัวแล้วอย่างงั้นเหรอ! โอเคฉันจะวางสายแล้ว ลูกค้าผู้หญิงกําลังโทรมา เดี๋ยวฉันค่อยคุยกับแกในภายหลัง!” จาง ซูซาน วางหูโทรศัพท์

 

เสี่ยวหลัว เก็บโทรศัพท์มือถือของเขากลับเข้าไปในกระเป๋า และเขาก็หันกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวอีกสามชามที่เหลือต่อ

 

เสี่ยวหลัว เหลือบไปมองที่มุมหนึ่งที่อยู่ถัดจากเขาไปไม่ไกลเท่าไหร่ ที่ตรงนั้นมีชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสูท ชายวัยกลางคนมีลักษณะที่สง่างามและแผ่บรรยากาศที่เหนือกว่าออกมานั่งอยู่ และที่ด้านข้างของเขาก็ยังมีบอดี้การ์ดยืนสวมใส่แว่นตากันแดดยืนอยู่สองคน

 

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่มีสถานะที่สูงส่ง!

 

เสี่ยวหลัว คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆที่คนที่มีสถานะเช่นนี้ จะมากินอาหารที่ร้านแผงลอย เสี่ยวหลัวรู้สึกคุ้นๆกับใบหน้าของชายวัยกลางคน คนนั้นมันดูเหมือนกับว่าเขาจะเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่งมาก่อน

 

อย่างไรก็ตามในตอนนั้นก็มีมีความปั่นป่วนเกิดขึ้นในถนน คนหลายสิบคนมารวมตัวกันรอบๆพวกเขา ทั้งหมดดูดุร้ายดุจสัตว์ป่าที่ลงมาจากภูเขา พวกมันทุกคนถือ มาเชเต้ ที่เงางามและท่อเหล็กก็อยู่ในมือของพวกมัน

 

พวกมันถูกนําโดยชายหัวล้านที่ไม่มีคิ้วและมีรอยสักเสืออยู่บนตัวของเขา ชายหัวล้านมีดวงตาที่ดุร้ายและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

 

“ พี่ใหญ่ ผู้ชายคนนั่นแหละเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตเด็กน้อยนั่นไป ”

 

ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าบวมเป็งลุกขึ้นยืนแล้วชี้ไปที่เสี่ยวหลัว ผู้ซึ่งกําลังกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ชายคนนี้ก็คือ ผู้ชายที่เป็นคนควบคุมเด็กผู้หญิงตัวเล็ก เมื่อตอนกลางวัน

 

ชายหัวล้านจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างดุเดือดแล้วมองไปที่ลูกค้าที่อยู่ที่แผงลอยคนอื่นและตะโกนอย่างเย็นชาว่า” ทุกคนยกเว้นไอเด็กเวรน ออกไปจากที่นี่ให้หมด!”

 

กลุ่มคนที่เข้ามาทานข้าวที่แผงลอยรู้สึกถึงอันตรายก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“พี่ใหญ่เรามาคุยเรื่องนี้กันได้ ขอเถอะพี่ใหญ่ได้โปรดอย่าไล่ลูกค้าของฉันออกไป!”

 

พ่อค้ารีบก้าวไปข้างหน้าและนําเงินออก 200 หรือ 300 หยวนและยัดเข้าไปในกระเป๋าของชายหัวล้าน

 

บริเวณนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเจียงเฉิงและยังเป็นพื้นที่ห่างไกลจากใจกลางเมือง ที่นี่เนื่องจากเป็นที่ที่มีโรงงานขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมตัวอยู่และมันทําให้มีพวกแรงงานจากทั่วโลกมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ทําให้ความปลอดภัยสาธารณะไม่ค่อยดี และอันธพาลมักสร้างปัญหา เขาคิดว่าคราวนี้ชายหัวล้านคงมาเก็บค่าธรรมเนียมเหมือนอย่างทุกที่

 

ชายหัวล้านเตะเขาจนเขาล้มลงกับพื้นและชี้ไปที่เขา: “มันไม่ใช่ธุระอะไรของแก แกแค่อยู่เฉยๆก็พอหรือว่า จะให้ฉันเตะแกออกไปดี”

 

เงินไม่ได้ถูกส่งคืนไปยังพ่อค่า

 

ผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปช่วยสามีของเธอและส่ายหัวเพื่อส่งสัญญาณไม่ให้สามีของเธอไปกระตุ้นโทสะของพวกอันธพาลเหล่านี้