พี่ฉี?
แซ่ฉีเหมือนกัน?
หัวใจของซูฉิงเต้นผิดจังหวะ พี่ฉีจากปากของคุณอาเสว่ น่าจะเป็นลุงฉี
“ใช่สิ ฉันทางนี้ยังมีรูปถ่ายของทั้งสองคนด้วย” จู่ๆ คุณย่าที่นึกอะไรบางอย่างได้ก็พูดขึ้น
ซูฉิงรีบถาม “ขอฉันดูหน่อยได้มั้ยคะ?”
“ได้สิ” คุณย่าหัวเราะ ลุกขึ้นหาในลิ้นชักครู่หนึ่ง ก็หยิบรูปเก่าสีเหลืองออกมา
“เจอแล้ว” คุณย่าถือรูปถ่ายในมืออย่างระมัดระวัง จากนั้นยื่นให้ซูฉิง “คือรูปถ่ายใบนี้”
ชูชิงรับภาพถ่ายด้วยความตื่นเต้น
ในภาพมีคนหนุ่มสาว 2 คน ผู้ชายสวมชุดลำลอง ผมสั้น ใส่แว่นกรอบดำ
เป็นลุงฉีจริงๆด้วย
และหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างลุงฉี สวมชุดลายดอกไม้เล็กๆ มัดผมหางม้า รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตางดงาม นี่คงจะเป็นคุณอาเสว่
เหมือนเธอมากจริงๆ
มิน่าล่ะ คุณย่ากับลุงฉีถึงได้จำผิด
ซูฉิงเพ่งไปที่รูปถ่ายสักพัก ในใจก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
คุณอาเสว่เป็นใครกันแน่?
ทำไมถึงหน้าตาเหมือนเธอขนาดนี้?
ซูฉิงคิดไปถึงขนาดที่ว่าว่าคุณอาเสว่และเธออาจมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด
อาจจะเป็นพี่สาวของเธอ? หรือว่า…คุณแม่
เมื่อดูรูปนี้ ยังมีเรื่องในอดีตที่คุณย่าเล่าให้ฟัง ลุงฉีและคุณอาเสว่น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน เป็นคนรักกันหรือเปล่านะ?
งั้นทำไมตอนนี้ลุงฉีอาศัยอยู่ภูเขาฉางไป๋ที่ทั้งหนาวเย็นและห่างไกลเพียงคนเดียวล่ะ?
แล้วคุณอาเสว่เล่าอยู่ที่ไหน?
ดูท่าแล้วทั้งหมดนี่ ต้องรอจนเธอได้พบกับลุงฉีถึงจะได้คำตอบ
“ขอบคุณค่ะ คุณย่า” ซูฉิงคืนรูปให้หญิงชรา
หญิงชรากระตือรือร้นอย่างมากที่จะรั้งให้ซูฉิงอยู่ทานอาหารเย็นที่บ้าน เมื่อซูฉิงเตรียมตัวกลับ ฟ้าก็มืดแล้ว
ชูฉิงเดินไปทางโรงพยาบาล มายังตรอกเล็กๆ
ในตรอกเล็กๆมืดรกร้างไม่มีแม้แต่ไฟข้างถนน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอกลับรู้สึกว่ามีคนเดินตามเธออยู่ข้างหลังเธอ
ซูฉิงหันกลับ จริงด้วย มีเงาสีดำกำลังอยู่ด้านหลังเธอ
“ใคร!” ซูฉิงตะโกน
เงาดำยื่นมือออกมา ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เสียงที่เต็มไปด้วยความน่าดึงดูดก็ดังขึ้น “ฉันเอง”
ฮ่อหยุนเฉิง?
ชูฉิงเงยศีรษะขึ้น อาศัยแสงจันทร์ มองใบหน้าผู้ชายตรงหน้าให้ชัดเจน ชุดสูทสีดำที่เกือบจะกลมกลืนไปกับความมืดตอนกลางคืน ใบหน้ามีมิติที่ละเอียดอ่อน ดวงตาดอกท้อที่เย้ายวน กำลังมองเธอกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
เป็นฮ่อหยุนเฉิงจริงๆ ด้วย
ไม่ใช่ว่าเขาควรอยู่ที่เมือง A หรือ?
อยู่ๆมาโผล่ที่เมืองYได้ยังไง?
ซูฉิงตกตะลึง “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“คิดถึงเธอ ก็เลยมา” ฮ่อหยุนเฉิงหลุบตาลง มองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างลึกซึ้ง
แม้ว่าจะห่างกันเพียงไม่กี่วัน แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับรู้สึกเหมือนห่างกันเป็นสิบปี
ไม่มีเวลาไหนที่เขาไม่คิดถึงเธอ
“เลี่ยนมาก” ซูฉิงเม้มริมฝีปาก ในใจมีความยินดีเล็กๆ
ที่จริงแล้ว เธอก็คิดถึงเขามาก
แต่ว่า…
ฮ่อหยุนเฉิงก้มตัวลงเล็กน้อย กระซิบข้างหูเธอว่า “ยังมีเลี่ยนกว่านี้อีก”
เสียงทรงเสน่ห์ของเขาท่ามกลางความมืดมิด เหมือนกับมีเวทมนตร์ที่ดึงดูดใจทุกคน
หัวใจซูฉิงเต้นช้าลงไปครึ่งจังหวะอย่างไม่รู้ตัว “หืม?”
เธอเงยหน้าขึ้น เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาหาที่เปรียบมิได้ของฮ่อหยุนเฉิง ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตรงหน้าเธอ ใหญ่ขึ้นอีก… และในที่สุดก็จูบลงบนริมฝีปากสีแดงของเธอ
ความรู้สึกที่หายไปนานทำให้ร่างกายของซูฉิงเกร็งขึ้นมา เธอยื่นมือออกไปโอบรอบคอของฮ่อหยุนเฉิงไว้
เมื่อรู้สึกถึงความหวานล้ำและการรุกของเธอ ฮ่อหยุนเฉิงก็สูดลมหายใจ เพิ่มความลึกซึ้งให้กับจูบนี้
ความปรารถนาที่มีต่อเธอ ในตอนนี้ล้วนแสดงออกอย่างลึกซึ้งผ่านจูบอันลึกล้ำนี้
เขาเปิดริมฝีปากและฟันของเธอ ใช้ลิ้นใหญ่ของเขาชอนไชเข้าไป ดูดอย่างแรง ทั้งเผด็จการและอ่อนโยน
ซูฉิงครางตอบรับเขา
ขณะที่ทั้งสองกำลังจุมพิตกันอย่างเร่าร้อน จู่ๆ ก็มีคุณแม่พาลูกเดินผ่านมา
“แม่ฮะ พวกเขาทำอะไรกันเหรอฮะ?” เด็กหญิงตัวเล็กมองไปที่ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงอย่างสงสัย เสียงเบาดังขึ้น
แม่ของเด็กหญิงรีบเอามือปิดตาเธอไว้ “อย่ามอง…”
ซูฉิงใบหน้ร้อนฉ่า รีบผลักฮ่อหยุนเฉิงออก
สวรรค์ มีคนผ่านมา ถูกเห็นแล้ว แถมยังเป็นเด็กอีก
น่าอับอายเสียจริง
ซูฉิงรีบดึงแขนฮ่อหยุนเฉิง “รีบไปเถอะ!”
เห็นท่าทางเขินอายของเธอ ฮ่อหยุนเฉิงก็หัวเราะเสียงทุ้ม เอื้อมมือไปโอบไหล่ซูฉิง ก้าวไปกับเธอ
ซูฉิงเปลี่ยนเรื่อง “ใช่สิ นายยังไม่ได้พูดเลย ทำไมจู่ๆ นายถึงมาที่เมือง Y ฉันบอกให้นายจับตามองถังรั่วอิงไว้ไม่ใช่เหรอ?”
อยู่ๆ ฮ่อหยุนเฉิงก็มาที่เมืองY ถังรั่วอิงจะไม่สงสัยหรือ?
“ไม่ต้องห่วง ฉันมาที่นี่เพื่อบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย” ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองซูฉิง ทำไมเธอไม่อยากเจอเขาขนาดนี้?
“บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย?” ซูฉิงชะงัก
“แน่นอน” ฮ่อหยุนเฉิงยกมุมปาก “ภัยพิบัติแผ่นดินไหว จะขาดฮ่อกรุ๊ปไปได้ยังไง?”
“เอาเถอะ…” ซูฉิงหมดคำพูด เรื่องประเภทนี้ต้องให้ประธานใหญ่มาด้วยหรือไง?
ฮ่อหยุนเฉิงตามซูฉิงไปที่โรงพยาบาล ซูฉิงก็เล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาให้ฮ่อหยุนเฉิงฟัง
“ฉันไปดูยวี๋น่ากับอู๋เทียนเหอก่อน” มาถึงโรงพยาบาล เมื่อเธอนึกถึงอาการบาดเจ็บของอู๋เทียนเหอ ซูฉิงก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
ฮิ่หยุนเฉิงผงกศีรษะ เอ่ยเสียงทุ้ม “ฉันจะไปกับเธอ”
ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออก ก็เห็นยวี๋น่านั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของอู๋เทียนเหอด้วยสีหน้ากังวลใจ
และหลินหนานนั่งอยู่ข้างยวี๋น่า จนปัญญาที่จะปลอบให้เธออารมณ์ดี
หลินหนานเห็นฮ่อหยุนเฉิงก็รีบลุกขึ้น ทั้งยินดีและประหลาดใจ “พี่ฮ่อ ทำไมแม้แต่พี่ก็มาด้วย?”
ฮ่อหยุนเฉิงจูงมือซูฉิง สีหน้าเรียบเฉย “มาหาภรรยาฉัน”
ซูฉิง:……
เธอกรอกตาขาวใส่ฮ่อหยุนเฉิง “ใครเป็นภรรยานาย?!”
พูดจบ ซูฉิงก็ไม่สนใจฮ่อหยุนเฉิงอีก เดินไปข้างยวี๋น่า ถามเสียงเบาว่า “อู๋เทียนเหอเป็นยังไงบ้าง?”
ยวี๋น่าถอนหายใจ ดวงตาเต็มไปด้วยแววกังวล “หมดสติตลอดเลย”
“ฉันดูหน่อย” ซูฉิงตบบ่ายวี๋น่า พูดปลอบว่า “อย่ากังวลเลย”
ซูฉิงจับชีพจรของอู๋เทียนเหอ อาการบาดเจ็บของเขายังคงสาหัสมาก
แม้ว่าก่อนหน้าเธอจะใช้เข็มฝังเพื่อรักษาขาของอู๋เทียนเหอไว้ชั่วคราว แต่ถ้าต้องการจะรักษาที่ต้นเหตุ ก็ยังต้องให้ลุงฉีลงมือ
ซูฉิงเกรงว่ายวี๋น่าจะกังวล พูดพลางยิ้มว่า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร รอพรุ่งพวกเราก็กลับเมืองแล้ว รอลุงฉีที่นั่น”
“อืม” ยวี๋น่าพยักหน้า “ซูฉิง เทียนเหอเขาจะไม่เป็นอะไรจริงๆเหรอ?”
“แน่นอน!” ซูฉิงเสียงหนักแน่น
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวไปข้างหน้า “ยวี๋น่า วางใจเถอะ วิชาแพทย์ของอาจารย์ฉีไร้ที่ติ ขาของฉัน ไม่ใช่เขารักษาหายเหรอไง?
ในที่สุดยวี๋น่าก็ผ่อนลมหายใจ ข่มใจยิ้มออกมา “อืม เทียนหาเขาจะต้องไม่เป็นอะไร!”